“ยังไม่ได้นอนตั้งแต่สิบโมงเช้า…” ถ้าใครอ่านเป็นทำนองเพลงได้แสดงว่าคุณเคยฟังเพลง เฉยเมย ของยังโอม (YoungOhm) แร็ปเปอร์หนุ่มในวัย 20 ปีที่กำลังเจอกระแสข่าวมั่วยาในงานคอนเสิร์ตแห่งหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด จนเกิด #saveyoungohm ในขณะนี้ ความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นนี้ สร้างเรื่องราวปั่นป่วนในชีวิตของยังโอมอยู่ไม่น้อย ซึ่งจริงๆ แล้วเขาถือเป็นอีกหนึ่งวัยรุ่นสายเลือดแร็ปเปอร์ที่กล้าทำในสิ่งที่ชอบ และตามความฝันของตัวเอง จนมีหลากหลายผลงานให้ทุกคนยอมรับ และทีมงาน Mango Zero ขอพาไปดูเส้นทางชีวิตของ “ยังโอม” กว่าจะมีวันนี้ของเขาในวัย 20 ปี… พ.ศ. 2541 ยังโอม หรือ รัธพงศ์ ภูรีสิทธิ์ เกิดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2541 ปัจจุบันอายุ 20 ย่าง 21 ปี พ.ศ. 2554 ช่วงม.ต้น เป็นช่วงที่เขาเริ่มสนใจแนวเพลงฮิปฮอป และแต่งแร็ปเอง โดยมีวง 50 Cent คือวงโปรดของเขา พ.ศ. 2558 ช่วงม.ปลาย เป็นช่วงที่เขาจริงจังกับการเป็นแร้ปเปอร์มากขึ้น โดยเริ่มเข้าห้องอัดเพลง และโพสต์คลิปเพลง จุดแล้วก็วน ร่วมกับเพื่อนๆ อีกทั้งเข้ายังได้เข้าแข่งขัน RAP IS NOW ซีชั่น 2 ซึ่งเป็นการแข่งขันค้นหาแร็ปเปอร์ของเมืองไทย โดยยังโอม สามารถเข้าไปถึงรอบออดิชั่น 32 คน พ.ศ. 2559 เขายังคงไม่ย่อท้อตือวงการแร็ปเปอร์ เขานำข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากซีชั่นที่แล้ว มาปรับปรุงและพัฒนา จนนำมาสู่การกลับเข้ามาแข่ง RAP IS NOW ซีชั่น 3 อีกรอบ แม้ว่าการกลับมาอีกครั้งของเขาจะยังไม่ชนะ แต่ก็ทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการแร็ปเปอร์มากขึ้น พ.ศ. 2560 ชื่อ “ยังโอม” ได้เป็นที่รู้จักในระดับแมสมากขึ้น จากการแจ้งเกิดด้วยเพลง เฉยเมย หรือวลีเด็ดของเพลง “ยังไม่ได้นอนตั้งแต่สิบโมงเช้า…” จนมียอดวิวในยูทูปทะลุร้อยล้านวิว และในปีเดียวกันเขายังได้ไปร้องเพลง featuring กับ Woderframe ในเพลง อยู่ดีๆก็… ยิ่งเพิ่มความนิยมให้กับตัวเขามากขึ้น (เพราะเพลงนี้ดังมากกกก) พ.ศ. 2561 ปีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปีทองของยังโอม นอกจากผลงานเพลงที่เป็นที่รู้จักในวงกว้างแล้ว เขายังได้รางวัลเพลงฮิปฮอปแห่งปี งาน JOOX Thailand Music Awards จากเพลง เฉยเมย อีกด้วย รวมถึงเขายังได้ไปร้องเพลง featuring กับศิลปินดังๆ อีกเพียบ! พ.ศ. 2562 ปีนี้เขาได้ปล่อยเพลงใหม่ถึง 3 เพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลง ดูไว้ ,เพลง ธารารัตน์ และรถด่วนขบวนสุดท้าย และล่าสุดเจอข่าวมั่วยาในงานคอนเสิร์ตแห่งหนึ่ง ที่หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต จนสร้างความเข้าใจในตัวเขากันเต็มโซเชียล และท้ายที่สุดแล้วข่าวที่เกิดขึ้นกลับเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด ทำให้เกิด #saveyoungohm แม้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะได้ข้อสรุปอย่างชัดเจนแล้ว ซึ่งผู้เขียนมองว่า…ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามเราไม่ควรตัดสินใครจากสิ่งที่เขาเป็นจากภายนอกและฟังความข้างเดียว เพราะบางทีเขายังไม่ทันจะทำอะไรไม่ดี แต่พอเราคิดลบไปแล้วก็มองเขาเปลี่ยนไป ทั้งๆ ที่เขาจะ ….“ทำอะไรก็ได้..กูไม่ได้ขอตังค์ใครรรรร้….”