เคยเป็นกันไหม อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเหนื่อย เพลีย ไม่มีแรง แบตเตอร์รี่หมดระหว่างวันไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่วันนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่าปกติเสียเท่าไหร่ จะกู้พลังกลับมาใหม่ที ก็ต้องใช้แรงยื้อสุดชีวิต บางทีอาจจะเป็นเพราะปัจจัยเหล่านี้.. หายใจไม่ลึกพอ สาเหตุที่ฟังดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่หลายคนกลับมองข้ามไปได้ง่าย ๆ การหายใจไม่ถูกต้อง หรือไม่ลึกมากพอ จะทำให้ร่างกายเราแลกเปลี่ยนออกซิเจนเข้าไปในระบบไหลเวียนโลหิตได้น้อยลง ทำให้ร่างกายรู้สึกไม่สดชื่น (รวมถึงทำให้หน้าเหี่ยวไวได้ด้วยนะ สาว ๆ ระวัง!) ฉะนั้นลองฝึกหายใจเข้าลึก ๆ ค้างไว้แล้วหายใจออกให้ยาวขึ้น จะทำให้รู้สึกดีขึ้นได้นะ ลองฝึกหายใจจากการทำสมาธิ หรือโยคะก็ช่วยได้ เครียดเกินไป การใช้ความคิดจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานเกินไป อาจนำมาสู่ภาวะเครียดไม่รู้ตัว เครียดเกินปริมาณที่ควรจะเป็น ก็ทำให้เรารู้สึกเพลียได้ง่ายขึ้นเช่นกัน บางคนอาจจะมีอาการปวดหัวตามมาด้วย คุณภาพชีวิตและจิตใจลดลง ลองหาช่วงเวลาผ่อนคลายตัวเอง ให้ออกจากความเครียดบ้าง คิดงานมาเหนื่อย ๆ ลองลุกออกมาหากิจกรรมอื่น ๆ เพื่อเบรคตัวเองออกจากความกังวลบ้าง เดินไปเล่นมุกกับเพื่อน หัวเราะออกมาบ้าง คุณจะได้รับพลังงานดี ๆ กลับคืนมาได้นะ นอนไม่ได้คุณภาพ ลองสังเกตตัวเอง เมื่อคืนคุณนอนเป็นอย่างไรบ้าง? ได้นอนมาเพียงพอแล้วหรือเปล่า? เพราะการนอนถือเป็นวิธีชาร์จแบตเตอร์รี่ชีวิตที่จำเป็นที่สุด เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มนอนไม่พอ ความรู้สึกอ่อนเปลี้ย เพลียแรงจะตามมาทันที ไม่แปลกที่จะเหนื่อยขึ้นมาได้ โดยไม่ได้ทำอะไรเลย ลองเปลี่ยนวิธีการนอนใหม่ให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น เช่น ลดการเล่นสมาร์ทโฟนก่อนนอน เพื่อให้สมองได้พัก นอนและตื่นให้เป็นเวลาเท่าที่ร่างกายต้องการ 6 – 8 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงการงีบยาว ๆ ช่วงบ่าย เพื่อให้ร่างกายพร้อมนอนเมื่อต้องถึงเวลานอน สารอาหารไม่เพียงพอ นอกจากการนอน สิ่งที่มีผลต่อร่างกายของเราโดยตรงในทุกวันคือสิ่งที่เรากินเข้าไปนั่นเอง โดยเฉพาะคนที่กำลังต้องการลดน้ำหนักแล้วเลือกไดเอทด้วยวิธีผิด ๆ อย่างกินให้น้อยที่สุด เลือกลดปริมาณอาหาร ก็มีผลทำให้พลังงานไม่พอได้ ฉะนั้นควรเลือกกินอาหารทุกมื้อ ในปริมาณและสารอาหารที่เพียงพอ แต่เน้นไปทางคลีน (แต่อิ่ม) จะดีกว่า เช่น ทานคาร์บให้น้อยลง เน้นผักกับโปรตีน ทานเนื้อที่ไม่ติดมัน ทานเมนูต้ม-นึ่ง แทนการทอด เป็นต้น ติดน้ำตาลและคาเฟอีนมากเกินไป แม้ว่าน้ำตาลและคาเฟอีน จะเป็นแหล่งพลังงานหรือตัว Booster พลังชั้นดีให้ใครหลาย ๆ คน ที่อย่างน้อยวันนึงต้องได้ซดกาแฟ ดื่มชาเย็นกันซักแก้ว 2 แก้ว เพื่อเรียกพลัง แต่ความจริงแล้ว การกินน้ำตาลมากเกินไป แม้จะเป็นแหล่งพลังงาน แต่ถ้าพลังงานจากน้ำตาลหมดแล้ว มันจะเหนื่อยกว่าเดิมได้ นั่งนานเกินไป หลายคนอาจจะเคยคิดว่าการทำกิจกรรมเยอะเกินไป นั้นจะทำให้เราเหนื่อย แต่การที่เราไม่ทำอะไรเลย จริง ๆ แล้วก็อาจทำให้เรารู้สึกเหนื่อยได้เช่นกัน แต่ต่างจากเหนื่อยหอบจากการใช้กำลัง เป็นเหนื่อยเอื่อยและง่วงไปในที่สุด ดังนั้นจึงควรหันมาออกกำลังกายบ้าง เริ่มจากไม่นั่งโต๊ะทำงานนาน ๆ จนเกินไป แต่ลองลุกขึ้นมาเดินระหว่างวันบ้าง จะช่วยปลุกพลัง ชาร์จแบตให้ตัวคุณได้เช่นกัน มีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ถ้าลองปรับตัวตามปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นแล้วยังมีอาการเหนื่อยง่ายอยู่อีก บางทีอาจเป็นปัจจัยทางด้านอื่น ๆ เช่น มีอาการโลหิตจาง, ไฮโปไทรอยด์, โรคเบาหวาน, โรควิตกกังวล, ภาวะซึมเศร้า หรือภาวะเพลียเรื้อรัง (โรค CFS) เป็นต้น ลองไปตรวจร่างกายและปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม เพื่อหาทางรักษาร่วมกัน ขอบคุณข้อมูล : medicalnewstoday, healthline, lifehack