มนุษย์เงินเดือนหลายคน มักจะมีปัญหาเรื่องของการออมเงิน เงินเดือนออกทีไรมักจะเอาไปเปย์ของที่ตัวเองอยากได้ตลอด จนเงินเก็บร่อยหรอหรือแทบจะไม่มีเลยก็ได้ บางคนมีเงินเก็บอยู่แล้ว หรือเก็บเงินทุกครั้งเวลาเงินเดือนออก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปเก็บหรือลงทุนตรงไหนดี เพราะฉะนั้นลองมาดูดีกว่าว่า ถ้าเกิดเราจะเก็บเงิน เดือนละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อเป็นการออม เราควรจะเก็บตรงไหนดี #Advertorial เอาไปใส่ในไหฝังใต้ดิน วิธีสุดคลาสสิคที่มีมาตั้งแต่สมัยยุคก่อน Analog การเก็บเงินใส่ไหและเอาไปฝั่งใต้ดิน ข้อดีก็คือ เราจะได้รับความคลาสสิคที่คาดไม่ถึง พัฒนาสมองของตัวเองด้วยการที่ต้องคิดว่าจะเอาไหไปฝั่งไว้ตรงไหน แต่ละไหตอนนั้นมีเงินอยู่บาท รวมไปถึงการได้ออกกำลังกายระหว่างการขุดหลุมด้วยนั้นเอง… แต่ข้อควรระวัง ควรปิดฝาไหให้มิดชิดไม่งั้นเงินที่ฝั่งไว้อาจจะโดนเจ้าไส้เดือนแทะจนแยกไม่ออกว่าอันไหนดิน อันไหนเงินกันแน่ ข้อดี : เป็นวิธีแบบดั้งเดิม ไม่ต้องใช้ทักษะ ความสามารถมากมาย เพียงแค่คุณมีเงินสดและไหหนึ่งใบก็พอแล้ว ข้อเสีย : เนื่องจากเป็นแค่การเอาเงินไปเก็บไว้ในที่ใดที่หนึ่ง จึงทำให้ไม่เกิดดอกผลงอกเงย เเละที่สำคัญฝากนานๆ ไปก็อาจจะลืมไปแล้วว่าเก็บไว้ตรงไหน !! เอาไปฝากธนาคาร เป็นอีกวิธีที่หลายๆ คนนิยมทำกัน การเอาเงินฝากธนาคารนอกจากมีความปลอดภัยของเงินตัวเองแล้วเนี่ย ยังสะดวกต่อการเช็กยอดเงินฝากได้โดยไม่ต้องขุดไหแล้วมานั่งนับเงิน (เหมือนภาพที่แล้ว) แถมเดี๋ยวนี้เราก็มีแอปพลิเคชั่นของธนาคารในการโอนเงินกันได้สะดวกมากๆ พอเงินเดือนออกปุ๊ป ก็โอน 1,000 นึงเข้าบัญชีที่เราตั้งใจให้เป็นเงินเก็บ จะเป็นแบบออมทรัพย์ก็ได้ หรือจะฝากประจำก็ได้แล้วแต่สะดวกล่ะเนอะ ซึ่งถ้าเลือกเปิดบัญชีแบบฝากประจำจะได้ดอกเบี้ยมากกว่าบัญชีออมทรัพย์ปกติ แต่ดอกเบี้ยที่ได้รับก็ยังต้องเสียดอกเบี้ย ณ ที่จ่าย อยู่ดีซึ่งจะได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ฝากประจำ ข้อดี : เป็นการฝึกวินัยให้ตัวเอง เพราะพอเงินเดือนเข้าบัญชีปุ๊ปก็โอนเข้าบัญชีที่ต้องการฝากทันที เรียกได้ว่าทำให้เรามีวินัยทางการเงินที่แข็งแรง ข้อเสีย : ถึงแม้ว่าจะได้ดอกเบี้ยจากการฝาก แต่ดอกเบี้ยก็ค่อนข้างน้อย (แถมบางครั้งก็ยังรู้สึกว่าดอกเบี้ยน้อยนิดเหมือนไม่เคยมีดอกเบี้ยอยู่จริงเลยก็มีเหมือนกันอีกด้วย..) เอาไปซื้อกองทุน เป็นอีกวิธีที่ค่อนข้างใหม่และเริ่มเป็นที่นิยมกันมากขึ้นแล้ว การเอาเงิน 1,000 บาทไปลงกับกองทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น LTF หรือ RMF ซึ่งข้อดีของการเอาเงินที่เราจะฝากอยู่แล้วไปลงในกองทุน ก็อาจจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างเยอะกว่าการฝากประจำแล้วกินดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ และเหมาะสำหรับคนที่ต้องการเก็บเงินในที่ที่ปลอดภัยมากขึ้น ลงทุนในความเสี่ยงต่ำ เอาไปลดหย่อนภาษีได้ และได้ผลตอบแทนค่อนข้างแน่นอน (ซึ่งอยู่กับการเลือกของผู้ลงทุนแต่ละคน เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาก่อนทุกครั้งครับผม) ข้อดี : ลดหย่อนภาษีได้ ข้อเสีย : ซื้อกองทุนถือเป็นการลงทุนถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยง ต้องศึกษาหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน เพราะกองทุนของแต่ละที่ก็มีความแตกต่างกัน เเละเงินที่ลงมักต้องเป็นเงินเย็น เอาไปซื้อหุ้น ในข้อนี้ก็คล้ายๆ กับการนำเงินซื้อกองทุน แต่การซื้อหุ้นเนี่ย คนที่จะลงทุนอาจจะต้องศึกษารายละเอียดให้แม่น และต้องคำนวนนู่นนี่นั่นให้เยอะขึ้นมากๆ เพราะการลงทุนจะมีความเสี่ยงสูงกว่าการซื้อกองทุนต่างๆ อยู่พอสมควร และเราอาจจะต้องคอยมอนิเตอร์ (เฝ้าดู) กันอย่างใกล้ชิดมากๆ บางครั้งเราอยู่บนดอยอยู่ดีๆ ปิดตลาดมาเจ๊งก็มีให้เห็นอยู่บ้างประปราย เพราะงั้นต้องระวังกันให้มากขึ้นเยอะๆ เลยล่ะ ข้อดี : มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงๆ ถ้าเล่นเป็น ข้อเสีย : ความเสี่ยงสูงมาก เพราะมูลค่าของตลาดหุ้นมีความผันผวนขึ้นลงตลอดเวลา เอาไปซื้อประกันสะสมทรัพย์ หรือถ้าคิดไม่ออกว่าจะเอาเงิน 1,000 บาทไปลงกับอะไร ลองซื้อประกันสะสมทรัพย์ ไลฟ์ เซฟเว่อร์ 15/9 ของ TMB เพราะว่า… รายละเอียดของประกันสะสมทรัพย์ตัวนี้ เข้าใจง่าย เก็บง่าย มีเงินคืนทุกปีตั้งแต่ปีแรก จ่ายแบบรายเดือนหรือรายปีก็ได้ ไม่มีชาร์จเพิ่ม ไม่ต้องตรวจหรือตอบคำถามสุขภาพอะไรเลย ใช้บัตรประชาชนใบเดียว แถมยังลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ของประกันสะสมทรัพย์ ไลฟ์ เซฟเว่อร์ 15/9 มีดังต่อไปนี้… เป็นประกันชีวิตรูปแบบสะสมทรัพย์ ชำระเบี้ยเดือนละ 1,000 บาท ต่อทุนประกัน 50,000 บาท (หากจะเอาทุนประกัน 100,000 บาท ก็ชำระเบี้ยเดือนละ 2,000 บาท 9 ปี) รับเงินคืนปีละ 2,000 บาท ทุกปี ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ปีแรกจนครบ 15 ปี (หากทุนประกัน 100,000 บาท รับเงินคืนปีละ 4,000 บาท ตลอดระยะเวลา 15 ปี) รับเงินก้อนคืนในปีสุดท้ายอีก 100,000 บาท สำหรับทุนประกัน 50,000 บาท (หากทุนประกัน 100,000บาท รับเงินคืนในปีสุดท้าย 200,000 บาท) ชำระเบี้ยประกัน 9 ปี ให้ความคุ้มครองชีวิต 15 ปี เบี้ยประกันใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามกฎหมายกำหนด อายุที่รับประกันภัย คือ ตั้งแต่ 1 เดือน 1 วัน – 65 ปี โดยมีอัตราเบี้ยประกันภัยเดียว ทุกเพศทุกวัย ข้อดี : ทำได้ง่ายๆ สร้างวินัยการออม ได้ทั้งความคุ้มครองและได้ลดหย่อนภาษี มีเงินคืนทุกปี ข้อเสีย : เป็นการออมที่ต้องใช้ระยะเวลา ถ้ายังงงหรือสงสัยอยู่ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ tmbbank.com/insurance/life-insurance/life-saver-15-9.html หรือโทรบริการลูกค้าสัมพันธ์ 1558