รีวิว : West Side Story (2021)
รักต่างเชื้อชาติบนความเกลียดชัง กับภาพยนตร์เพลงสุดอลัง West Side Story
เป็นเพราะเชื้อชาติ? หรือการสะสมความเกลียดชัง? ที่ทำให้คนสองคนจะรักกันมันช่างยากเย็น
นี่เป็นคำถามที่เกิดขึ้นหลังจากได้ดูภาพยนตร์จากละครเวทีอันเป็นตำนานส่งท้ายปีอย่าง ‘West Side Story’ โรมิโอและจูเลียตฉบับอเมริกัน ผลงานกำกับของ Steven Spielberg พ่อมดแห่งฮอลลีวูด
West Side Story นับเป็นบรอดเวย์ที่มีสีสันมากที่สุดในยุค 50s 60s เช่นเดียวกับหนังเพลงเรื่องดังอย่าง Sound of Music โดยในภาพยนตร์เวอร์ชั่นนี้ บอกเล่าเรื่องราวของความขัดแย้งระหว่าง 2 เชื้อชาติ คือ แก๊งค์เจ็ต(อเมริกัน) และแก๊งค์ชาร์ก(เปอร์โตริโก) ภายใต้ฉากสลัมในย่านเสื่อมโทรมของนิวยอร์ก
เพราะเรื่องอาณาเขตทำให้ทั้งคู่เกิดการปะทะกันบ่อยครั้ง จนริฟฟ์ (หัวหน้าแก๊งค์)คิดแผนที่จะต่อสู้เพื่อเอาชนะ จึงไปชวนเพื่อนรักอย่าง ‘โทนี่’ (รับบทโดย Ansel Elgort)ให้มาร่วมด้วยในงานเต้นรำ ซึ่งเขาปฏิเสธ แต่ก็หวังจะสร้างความสมานฉันท์ เลยเปลี่ยนใจไปงานเต้นรำจนพบกับสาวสวย ‘มาเรีย’ (Rachel Zegler) น้องสาวของเบอร์นาโด (หัวหน้าแก๊งค์ชาร์ก)
“นี่เธอจะก่อสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือไง ?”
– อานิต้า(แฟนหัวหน้าแก๊งค์ชาร์ก) บอกกับโทนี่
นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักต่างเชื้อชาติระหว่างโทนี่และมาเรีย รวมถึงการดิ้นรน ต่อสู้ พยายามเปลี่ยนใจเพื่อสร้างสันติภาพแห่งความรัก
โดยสิ่งที่น่าชื่นชมสำหรับเรื่องนี้ เป็นการเสียดสีสังคมที่เต็มไปด้วยการเหยียดเชื้อชาติได้อย่างเจ็บแสบ ผ่านทุกๆประโยคที่ตัวละครร้องหรือเล่นออกมา ซึ่งไม่ได้มีแค่การที่คนอเมริกันเหยียดชาวผิวสีหรือสำเนียงภาษาสเปนเท่านั้น แต่แม้คนอเมริกันด้วยกันเองก็เจ็บปวดจากการเกิดในสลัมหรือปัญหาครอบครัวเช่นเดียวกัน
ด้านโปรดักชั่นก็ปังไม่แพ้กัน ทั้งฉากและมู้ดแอนด์โทนของหนัง ถูกสร้างขึ้นมาให้มีความคล้ายคลึงกับภาพยนตร์ในเวอร์ชั่นปี 1961 ถึงแม้จะมีมุมกล้องแบบภาพยนตร์ แต่บางช่วงของหนังเลือกใช้มุมกล้องและวางบล็อกกิ้งของตัวละครที่เหมือนกับยกทีมละครเวทีมาไว้ตรงหน้า
สำหรับเพลงและการเต้นที่เป็นตัวชูโรงของเรื่อง ก็จัดเต็มไปด้วยเสียงร้องคุณภาพ ประกอบพร้อบ คอสตูมต่าง ๆ ที่คัดสรรมาได้อย่างลงตัว เช่นการแบ่งสไตล์/โทนสีเสื้อผ้าของคนอเมริกันเป็นโทนเย็นออกฟ้า ขณะที่ชาวเปอร์โตริโกเป็นโทนร้อนออกแดง น้ำตาลและเหลือง
ส่วนสิ่งที่สนุกและน่าตื่นตาที่สุดในเรื่อง ขอยกให้การเต้นในสไตล์ละติน-อเมริกันแดนซ์ของตัวละครทั้ง ‘อานิต้า’ (รับบทโดย Ariana DeBose) และทีมแดนซ์ ที่โดดเด่นจนแย่งซีนพระ-นางอยู่หลายฉาก ปลุกความยั่ว ความแซ่บในตัวคนดูให้อยากลุกขึ้นมาเต้นสะบัดกระโปรงกลางสี่แยกไฟแดง
ในเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งที่ดู สิ่งที่รู้สึกเสียดายคือ ช่วงต้นของภาพยนตร์ที่สามารถทำให้กระชับและน่าดึงดูดใจมากกว่านี้ได้ จึงอาจไม่กลมกล่อมเท่าไหร่ แต่ช่วงครึ่งหลังบอกได้ว่าประทับใจไปหมดทุกอย่าง
สรุปได้ว่า West Side Story เป็นตัวเลือกสำหรับคอหนังเพลงที่ดีเรื่องหนึ่ง แค่เข้าไปฟังเพลง Tonight ดูฉาก คอสตูมก็คุ้มค่า ไม่รู้ว่าเสียดายเงิน เพียงแต่เราจะต้องผ่านช่วงเนือยๆต้นเรื่องไปให้ได้ ถ้าดูจบรับรองว่าจะได้เห็นมุมมอง กระเทาะแง่คิดดีๆ พร้อมทั้งไดอะล็อกเสียดสีที่ติดอยู่ในใจออกไปอย่างแน่นอน (แสบจริง ไม่จกตา)
ใครที่สนใจภาพยนตร์เรื่อง West Side Story สามารถรับชมได้วันที่ 9 ธันวาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างภาพยตร์ West Side Story ได้ที่นี่