คุณเคยประสบปัญหาเหล่านี้หรือไม่ ไม่ ไม่~ “เครื่องซักผ้า” ของใกล้ตั๊ว ใกล้ตัว แต่กลับกลายเป็นเพื่อนซี้ที่ไม่สนิทประจำทุกบ้าน ที่มีปุ่มเยอะแยะมากมายไปหมด มีโหมดให้เลือกสารพัด แต่ไม่รู้ว่าต้องใช้ยังไงแบบไหนดี ? Mango Zero ขออาสาเปิดตำราเครื่องซักผ้าอัตโนมัติเริ่มต้นกันแบบพื้นฐาน อะไรคือฝาหน้าฝาบน แตกต่างอย่างไร น้ำร้อน-น้ำเย็นต้องเลือกแบบไหน แล้วรอบปั่นล่ะสำคัญหรือไม่ รับรองว่าเปลี่ยนเอ๊ะให้เป็นอ๋ออออทันที เครื่องซักผ้าที่เราใช้ๆ กันแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เครื่องซักผ้าแบบกึ่งอัตโนมัติ : พูดง่ายๆก็คือเครื่องซักผ้าแบบที่เราต้องมีส่วนร่วมกับกระบวนการซักได้แก่เครื่องซักผ้าฝาบนถังคู่ เครื่องซักผ้าอัตโนมัติ : แค่ใส่ผ้าใส่ผงซักฟอกใส่น้ำยาลงไปเครื่องก็จัดการให้เราเสร็จสรรพได้แก่เครื่องซักผ้าผาบนถังเดี่ยวและเครื่องซักผ้าฝาหน้า ฝาหน้า vs ฝาบน : ฝาไหนที่ใช่สำหรับเรา ? เครื่องซักผ้าฝาหน้าและฝาบนมีข้อดี–ข้อเสียที่แตกต่างกันไปฉะนั้นการเลือกเครื่องสักผ้าสักเครื่องต้องพิจารณาจากลักษณะการใช้งานที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรา โดยเครื่องซักผ้าฝาหน้าจะมีการทำความสะอาดที่ดีกว่าประหยัดน้ำมากกว่าถนอมผ้าได้ดีกว่าแต่ถ้าพูดถึงปริมาณในการซักต่อครั้งซักได้รวดเร็วกว่าสะดวกในการนำผ้าใส่นำผ้าออกมีราคาอ่อนโยนกว่าก็ต้องเป็นเครื่องซักผ้าฝาบน ฝาหน้า ข้อดี วางของบนหลังเครื่องซักผ้าได้ ใช้น้ำน้อยกว่า ถนอมผ้ามากกว่า ทำความสะอาดได้ดี ปั่นแห้งได้ดีกว่า ข้อเสีย ราคาสูงกว่าฝาบน มักมีปัญหาที่ยางขอบฝาเครื่อง เติมผ้าระหว่างซักได้แค่บางรุ่น ฝาบน ข้อดี เติมผ้าเข้าไปสะดวกกว่า ซักผ้าได้ปริมาณมากกว่าในแต่ละครั้ง ซักได้รวดเร็วกว่า ราคาจับต้องได้ ข้อเสีย ใช้ผงซักฟอกและน้ำเยอะกว่า ไม่ค่อยถนอมผ้า ทำความสะอาดได้ไม่ดีเท่าฝาหน้า อุณหภูมิน้ำ อุณหภูมิน้ำก็มีผลกับการซักเหมือนกันนะ! เพราะน้ำเย็น–น้ำร้อนเหมาะกับผ้าต่างชนิดกัน และมีข้อดีกันคนละแบบ ไม่ต่างกับประเภทของเครื่องซักผ้า น้ำร้อน (ประมาณ 40-60 องศาเซลเซียส) เหมาะกับผ้าขนหนูผ้าห่มเครื่องนอนพรมตุ๊กตาผ้าขาวจากฝ้ายและใยสังเคราะห์ ช่วยฆ่าแบคทีเรีย–ไวรัส คงความอ่อนนุ่มของเสื้อผ้า กลิ่นหอมน้ำยาปรับผ้านุ่มติดทนนาน น้ำเย็น (ประมาณ 30 องศาเซลเซียส) เหมาะกับ ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ ผ้าไนลอน ผ้าสแปนเด็กซ์ ผ้ายีนส์ ผ้าชีฟองผ้าซาตินผ้าสี ช่วยรักษาทรงของเสื้อผ้า ช่วยรักษาสีและเนื้อผ้า สลายคราบฝังลึก อย่าลืม! ควรตรวจสอบสัญลักษณ์ที่ป้ายก่อนทุกครั้งว่าเหมาะกับอุณหภูมิแบบไหนผ้ายืดหดเสียรูปเสียทรงไม่รู้ด้วยน้า รอบปั่นผ้า คือ ความเร็วในการหมุนครบรอบต่อ 1 นาทียิ่งปั่นเร็วผ้ายิ่งหมาดไวขึ้น ต่ำกว่า 800 รอบ/นาที : เหมาะกับผ้าบาง ผ้าไหม ผ้าชีฟอง ผ้าซาติน ผ้าที่ต้องการให้รีดง่าย 1,000 รอบ/นาที : เหมาะกับผ้าฝ้าย ผ้าขนสัตว์ ผ้าซักมือ มากกว่า 1,000 รอบ/นาที : เหมาะกับผ้าหนาผ้ายีนส์ โปรแกรมซักพื้นฐานที่ควรรู้จัก ซักแบบปกติ (Normal, Mix, Fuzzy, Daily Wash) : เหมาะกับผ้าทุกชนิดชุดทั่วไปในชีวิตประจำวัน ซักแบบถนอม (Delicates) : การแช่ผ้านานกว่าความเร็วรอบหมุนช้ากว่าและความเร็วในการปั่นแห้งต่ำกว่า ซักแบบด่วน (Quick Wash,Fast,Super Speed) : ประหยัดเวลาแช่ผ้าน้อยลงปั่นผ้าถี่ขึ้นเหมาะกับผ้าที่ไม่ค่อยสกปรกซักเร็วๆไม่เหมาะกับผ้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ผ้าซักมือ (Handwash) : รอบซักเบาๆเหมือนซักมือคล้ายกับโปรแกรมถนอมผ้า ชุดเด็ก (Baby Care, Baby Wear) : ซักด้วยอุณหภูมิสูงและล้างน้ำมากเป็นพิเศษมั่นใจได้ว่าไม่มีสารตกค้าง ปั่นหมาด (Spin) : ปั่นหมาดเพื่อเอาน้ำออกจากผ้ามากขึ้น ล้างและปั่นหมาด (Rinse & Spin) : ล้างน้ำเปล่าแล้วปั่นผ้าด้วยความเร็วสูง ทั้งนี้ทั้งนั้น นี่เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น เครื่องซักผ้าแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อก็มีวิธีใช้งานที่ต่างกันไป ที่สำคัญยังมีโหมดที่ไม่เหมือนกันอีกต่างหาก ทางที่ดีควรศึกษาจากคู่มือที่ติดมากับตัวเครื่องดีกว่า ใช้เวลาอ่านสักนิดสักหน่อย จะเจอฟังก์ชันพิเศษๆ ที่ช่วยให้ชีวิตพวกเราง่ายขึ้นอีกเย๊อะ มั่นใจได้ว่าซักออกมาสะอาดหอมฟุ้งตรงใจแน่นอน อ้างอิงจาก mkinter the1.co.th globalhouse globalhouse electrolux breeze Micicon DIY