เมื่อพูดถึงเรื่องงานพิมพ์โรงพิมพ์ คนก็อาจจะนึกถึงเครื่องจักรเครื่องใหญ่ ๆ กับบรรยากาศในโรงที่เหมือนโกดังดูรก ๆ เหม็นกลิ่นสีหมึกเต็มไปหมด แต่ด้วยปัจจุบัน เทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัยทำให้การพิมพ์ดูไม่ใช่เครื่องจักรที่น่ากลัวอีกต่อไป และด้วยการมาของสิ่งที่เรียกว่า Digital Printing ทำให้นิยามของการพิมพ์เปลี่ยนไป ปัจจุบันเทคโนโลยีการพิมพ์ก้าวหน้าไปมาก รวมถึงการมาของสิ่งที่เรียกว่า Digital Printing ที่ทำลายข้อจำกัดของการพิมพ์ที่เราเรียกว่า Offset ใครที่เคยสั่งงานกับโรงพิมพ์จะรู้ว่าโรงพิมพ์บางโรงจะรับพิมพ์งานทีละเยอะ ๆ เท่านั้น และงานที่ออกมาก็จะต้องเหมือนกันหมด เป็นเพราะว่าการพิมพ์แบบ Offset ไม่ได้เป็นการพิมพ์ลงในกระดาษโดยตรงเหมือนเวลาเราพิมพ์งานกันแต่เป็นการสาดสีผ่านเพลต ซึ่งจะคล้าย ๆ กับการสกรีนเสื้อ ด้ังนั้นข้อจำกัดของการทำ Offset จึงอยู่ที่ ความคุ้มทุน ของเพลตที่ทำขึ้นมา ถ้าทำเพลตมาราคาหนึ่ง แต่ดันพิมพ์แค่ไม่กี่ชิ้นหรือแค่ชิ้นงานเดียวก็เสียเปล่ากันพอดี นั่นหมายความว่ายิ่งเราพิมพ์งานเยอะ ต้นทุนของการพิมพ์แบบ Offset ต่อชิ้นงานก็จะถูกลง แต่ปัญหาก็คือ สำหรับธุรกิจบางธุรกิจเราไม่ได้ต้องการงานพิมพ์มากขนาดนั้น ด้วยสิ่งนี้จึงทำให้เกิดการเข้ามาของ Digital Printing Digital Printing เป็นการพิมพ์แบบชิ้นงานต่อชิ้นงาน ซึ่งนั่นจะทำให้ไม่ว่าเราจะพิมพ์งานกี่ชิ้นต้นทุนต่อชิ้นงานก็จะเท่าเดิม ถ้าเขียนออกมาเป็นกราฟเราก็จะได้กราฟเส้นตรงนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ Digital Printing จึงตอบโจทย์ธุรกิจทุกขนาดที่ต้องการพิมพ์งานโดยที่งานแต่ละตัวไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน RICOH ก็เป็นอีกบริษัทที่มุ่งเน้นเรื่องของ Digital Printing มาก ๆ และเป็นเจ้าของเทคโนโลยีสุดล้ำในด้าน Digital Printing ล่าสุดทาง RICOH ได้เปิด Customers Experience Center ซึ่งเป็นศูนย์จัดแสดงเทคโนโลยีการพิมพ์ และตัวอย่างงานต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใดก็ตามหรือแม้กระทั่งสถาบันการศึกษาได้เข้ามาชมและเรียนรู้เทคโนโลยีสุดล้ำของทาง RICOH พาชม RICOH Customers Experience Center ทีมงาน MangoZero เดินทางมาที่ RICOH Manufacturing ซึ่งเป็นฐานการผลิตของ RICOH เลย ตั้งอยู่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง ซึ่งเดินทางจากกรุงเทพฯ ก็ประมาณ 1-2 ชั่วโมง โดยที่นี่นอกจากจะเป็นฐานการผลิตแล้วยังเป็นที่ตั้งของ CEC หรือ Customers Experience Center สำหรับ Customer Experience Center นั้นทาง RICOH ได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ ส่วนจัดแสดงตัวอย่างการพิมพ์ ส่วนจัดแสดงเครื่องพิมพ์ดิจิตัลป้อนแผ่น ส่วนจัดแดงเครื่องพิมพ์อิ้งเจ็ทความเร็วสูง โดยแต่ละส่วนนั้นจะแยกกันชัดเจน ทำให้เราสามารถเดินชมได้อย่างเป็นสัดเป็นส่วน เริ่มต้นจากส่วนแรกคือ การจัดแสดงตัวอย่างการพิมพ์ ในห้องนี้เราจะได้เห็นงานพิมพ์ต่าง ๆ ที่เกิดจากเทคโนโลยีของ RICOH เราจะได้เห็นการพิมพ์ในรูปแบบที่สร้างสรรค์มาก ๆ รวมถึงเทคโนโลยีล้ำ ๆ อย่าง การพิมพ์สีขาว, การพิมพ์หมึกที่ต้องส่องด้วยแสง UV ถึงจะปรากฏ หรือการพิมพ์ลงบนกระดาษที่มีข้อจำกัดสูงเช่น กระดาษสาญี่ปุ่น โดยสิ่งที่ทำให้ทีมงานสนใจเป็นพิเศษก็คือการพิมพ์หมึกแบบพิเศษที่ออกแบบมาสำหรับความปลอดภัย คือหมึกที่ต้องส่องผ่าน UV ในกรณีนี้สามารถพิมพ์ บัตรคอนเสิร์ต, ตั๋วเครื่องบิน, บัตรเข้างานต่าง ๆ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ในการตรวจสอบธนบัตรปลอม นอกจากนี้ยังมีสีแบบนีออน ที่ต้องส่องผ่าน UV แล้วจะเห็นเป็นสีเรืองแสง อันนี้ก็สวยไปอีกแบบ หลังจากที่ดูในส่วนของการจัดแสดงมาแล้ว เราก็เดินเข้ามาในห้องที่เป็นเหมือนโรงงานขนาดใหญ่ โดยห้องนี้จะมีเครื่องพิมพ์รุ่นต่าง ๆ เรียงรายกันอยู่เต็มไปหมดดูอลังการมาก หนึ่งในเครื่องพิมพ์ที่ RICOH ได้สาธิตให้เราดูก็คือ RICOH Pro 8200 Series ที่เป็นเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ กับอีกรุ่นนึงคือ RICOH Pro C9200 ที่ตัวนี้จะมีความสามารถในการพิมพ์สีได้ด้วย เครื่องพิมพ์พวกนี้ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้รองรับงานพิมพ์ที่หนักมาก ๆ และต้องใช้ความรวดเร็วสูง มีระบบการทำงานที่รัดกุมและป้องกันปัญหาทีจะเกิดเช่น งานเสียหาย ซึ่งหากพบว่ามีงานเสียหายเครื่องพิมพ์จะสามารถจัดการกับงานที่เสียหายได้ทันที หลังจากที่ได้ดูเครื่องพิมพ์รุ่นต่าง ๆ แล้วเราก็ได้เดินมาชมสุดยอดเครื่องพิมพ์อิ๊งเจ็ทความเร็วสูง ซึ่งความเร็วสูงของมันนั้นทาง RICOH เคลมว่ามันสามารถพิมพ์งานได้เยอะถึง 40 ล้านหน้า A4 ต่อเดือน!! ซึ่งเครื่องพิมพ์แบบนี้ถูกนำไปใช้ในการพิมพ์ใบเสร็จค่าไฟที่เราได้รับกันตามบ้านนี่เอง หรือถ้าอธิบายง่าย ๆ เครื่องพิมพ์นี้สามารถทำการพิมพ์ได้เร็วถึง 150 เมตร ต่อนาที ก็ลองนึกภาพกระดาษเคลื่อนที่ผ่านหน้าเราด้วยความเร็ว 2.5 เมตร ต่อวินาที (กระพริบตาทีเดียวพิมพ์ไปแล้ว 2 เมตรกว่า) ซึ่งสามารถพิมพ์ได้ทั้งนิตยสาร, หนังสือ, วารสาร, หนังสือพิมพ์, โปสการ์ด และเนื่องจากใช้การพิมพ์แบบ Digital Printing ไม่ใช่แบบ Offset ทำให้มันสามารถพิมพ์งานแนว ๆ Personalize ที่แต่ละงานแตกต่างกันได้ เช่น จดหมายส่วนบุคคล, ใบแจ้งหนี้ และงานโฆษณาต่าง ๆ นอกจากในส่วนของเครื่องมือเทพ ๆ แล้ว RICOH ยังมีทั้ง Software และ Soulution ต่าง ๆ ที่จะช่วยให้งานพิมพ์เป็นเรื่องง่ายและมีอิสระมากขึ้น ไม่จำกัดว่าจะต้องพิมพ์ Offset ทีละเยอะ ๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นแบรนด์หรือโรงพิมพ์ การได้ครอบครองเทคโนโลยี Digital Printing นั้นก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย สำหรับใครที่อยากเดินทางมาเยี่ยมชม CEC ของ RICOH นั้นก็สามารถติดต่อกับทาง RICOH เพื่อนัดเวลาเข้าชมและสามารถให้ทาง RICOH สาธิตการรันงานต่าง ๆ ให้ดูกันได้เลย (สามารถติดต่อได้ที่ 02-0888000 ต่อ 4673)