หลายคนคงได้ดูดาบพิฆาตอสูรตอนล่าสุดกันไปแล้ว ถึงจะมีฉากสโลวเก่งงง แต่ก็มาพร้อมกับเอฟเฟคฉากการต่อสู้สุดทรงพลัง (ถ้าใครปิดไฟดูตอนนี้ก็อย่างกับว่าอยู่ในผับเลยล่ะ)
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เหล่าคนดูจะมีการพูดถึงความอลังการในฉากการต่อสู้ของ “ดาบพิฆาตอสูร” และการสร้างสรรค์ผลงานจากสตูดิโอ ufotable กันมาบ้าง แต่ฉากการต่อสู้ในตอนที่ 10 ของภาคย่านเริงรมย์เนี่ยมันจะเกินไปแล้ววว เกินหน้าเกินตาสตูดิโออื่น ๆ มากค่าาา ยกระดับวงการอนิเมะไปอีกขั้น
ในวันนี้ทีมงาน Mangozero จะพาทุกคนมารู้จักกับสตูดิโอผู้อยู่เบื้องหลังอนิเมะเรื่องดาบพิฆาตอสูรอย่าง ufotable มาเจาะลึกประวัติกันว่าสตูดิโอนี้มีความเป็นมาอย่างไร ผ่านช่วงวิกฤติกันมาหนักขนาดไหน และเคยผ่านการสร้างอนิเมะเรื่องไหนมาบ้าง
ข้อมูลทั่วไป
ufotable เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 2000 ที่เขตนางาโนะ กรุงโตเกียว โดยอดีตพนักงานของสตูดิโอ TMS Entertainment (สตูดิโอที่ผลิตอนิเมะโคนันนั่นเองง)
ในช่วงแรก ufotable ยังคงเป็นแค่สตูดิโอเล็ก ๆ ยังไม่ค่อยมีฝีมือที่เป็นที่รู้จักมากมาย ที่รับงานประปรายไปเรื่อย ๆ จนในปี 2002 ทาง ufotable ก็ได้มีโอกาสทำอนิเมะเป็นของตัวเองขึ้นมาเป็นเรื่องแรก ถึงแม้ผลที่ออกมาจะไม่ปังเท่าไหร่นัก แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีเลยย
ผลงานที่ผ่านมา
- 2002-2003 : Weiss Kreuz Gluhen
- 2003 : Dokkoida?!
- 2004 : Ninja Nonsense
- 2005 : Futakoi Alternative
- 2006 : Coyote Ragtime Show
- 2007 : Gakuen Utopia Manabi Straight!
- 2011-2012 : Fate/Zero
- 2013 : The Garden of Sinners
- 2014-2015 : Fate/stay night: Unlimited Blade Works
- 2015-2016 : God Eater
- 2016-2017 : Tales of Zestiria the X
- 2017 : Katsugeki/Touken Ranbu
- 2019 : Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba
- 2020 : Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba – Mugen Train Arc
- 2021-2022 : Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba – Entertainment District Arc
- TBA : Girls’ Work
ช่วงแรก ufotable ยังคงเป็นแค่สตูดิโอเล็ก ๆ ยังไม่ค่อยมีฝีมือที่เป็นที่รู้จักมากมาย รับงานนอกมาเรื่อยๆ ในปี 2002 ก็ได้มีโอกาสทำอนิเมะเป็นของตัวเองขึ้นมาเป็นครั้งแรก แล้วก็เจ๊งต่อเนื่องถึง 3 เรื่องด้วยกัน
ในปี 2005 บริษัท ufotable ได้อนิเมเตอร์คนใหม่ Takayuki Hirao เข้ามาสร้างผลงาน Futakoi Alternative ที่มีความแหวกแนวทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ก็ยังคงได้รับผลตอบรับไม่ดีเท่าที่ควร
เมื่อถึงช่วงที่กำลังจะไปไม่รอด ในที่สุดก็ได้มีแสงสว่างส่องมาถึงซักที!! เพราะทางบริษัท Type Moon และ Aniplex เสนอโปรเจคใหญ่ฟื้นคืนชีพให้กับ Ufotable กับโปรเจค The Garden of Sinners หรือ Kara no Kyoukai ที่เป็นโปรเจคแจ้งเกิดของ Ufotable เลยก็ว่าได้ ทำให้ขึ้นแท่นสตูดิโอระดับแนวหน้า มีผลงานปัง ๆ ให้เราได้ติดตามดูกันเรื่อยมา อย่างเช่น OVA (Original video animation) ของเรื่องโทริโกะ, God Eater, Fate Zero,Fate/stay night Movie: Heaven’s Feel – II. Lost Butterfly, และ Kimetsu no Yaiba
จุดเด่นของ Ufotable
จุดเด่นของ สตูดิโอ ufotable เลยก็คือการใช้เทคนิค 3D ที่แพรวพราวผสานเข้ากับเทคนิค 2D สร้างผลงานที่มีความซับซ้อนออกมาได้สวยงาม สร้างมุมมองใหม่ ๆ น่าตื่นตาตื่นใจให้กับคนดู นอกจากนี้ก็ยังเป็นสตูดิโอที่ทุนเยอะ พร้อมเปย์ให้กับทุกโปรเจค และในตอนนี้ผลงานในเรื่องดาบพิฆาตอสูรก็เป็นที่ประจักกับคนดูแล้วว่าสตูดิโอนี้ไม่เป็นสองรองใครเลยจ้า เรียกได้ว่าเกินความคาดหวังของคนดูไปมากๆ
มี Cafe ด้วยนะ!!
นอกจากจะทำสื่ออนิเมะและเกมแล้ว ก็เปิดคาเฟ่ไปด้วยเลยจ้า ชื่อ ufotable Cafe อยู่ด้านล่างชั้น 1 ของสตูดิโอเลยนะ ภายในร้านก็ตกแต่งไปด้วยตัวละครในอนิเมะของ ufotable หรือค่ายอื่นๆ ที่เคยร่วมงานกัน สามารถเข้าไปดูข้อมูลของ ufotable Cafe ได้ที่ลิงค์นี้เลย (จะเจอภาพเมนูแปลกๆ ด้วยนะ อย่างเช่นเจ้าหนูกล้ามโตของอุชุย เท็นเก็น 555+)
ต้องขอบคุณความไม่ยอมแพ้ของสตูดิโอ ufotable ที่ทำให้เราได้เห็นอนิเมะที่สุดยอดขนาดนี้ ฉากการต่อสู้ระหว่าง “เสาหลักเสียงท่านอุชุย เท็นเก็น, ทันจิโร่, เซ็นนิตสึ และ อิโนสึเกะ” กับ “เกียวทาโร่ และ ดากิ” คู่พี่น้องอสูรข้างขึ้นอันดับ 6 จะถูกจดจำไปอีกนาน และสตูดิโอนี้จะยังคงมีผลงานคุณภาพออกมาให้เราชมกันอีกแน่นอน ยังไงก็ต้องรอติดตามกันต่อไปน้าา
ปล.สนับสนุนลิขสิทธิ์แท้กันเถอะทำมาดีจนน้ำตาจะไหลล