Mango Zero

ความฝันที่ถูกพรากและโอกาสจากยุคสมัย การเติบโตผ่านความรักและกำลังใจ จากซีรีส์ Twenty Five Twenty One

ความฝันที่ถูกพรากและโอกาสจากยุคสมัย การเติบโตผ่านความรักและกำลังใจ จากซีรีส์ Twenty Five Twenty One

“เราพบกันครั้งแรกเมื่ออายุ 22 และ 18 

เราตกหลุมรักกันครั้งแรกเมื่ออายุ 25 และ 21”

ถ้าให้พูดถึงซีรีส์น้ำดี ที่จะสามารถฮีลใจทุกคนจากความเหนื่อยล้าได้ในช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นซีรีส์ Twenty Five Twenty One จาก Netflix ร่วมกับสถานีโทรทัศน์ tvN ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของวันวานย้อนไปยังปี 1998 ของคนหนุ่มสาวที่ได้พบความทุกข์ สุข เศร้าท่ามกลางวิกฤติการณ์ IMF 

ร้อยเรียงไปกับพร้อบ เพลง และตัวละครที่โดดเด่นอย่างนาฮีโด (รับบทโดย คิมแทรี) แพคอีจิน (รับบทโดย นัมจูฮยอก) โกยูริม (รับบทโดย โบนา) จีซึงวาน (รับบทโดย อีจูมยอง) และมุนจีอุง (รับบทโดย ชเวฮยอนอุค) เจ้าของฉายา เจ้าน่ารักห้องเจ็ด ที่เป็นเหมือนจิ๊กซอว์ชิ้นเล็กๆที่เชื่อมองค์ประกอบทั้งหมดของเรื่องเข้าด้วยกัน 

แต่นอกจากภาพ มู้ดแอนด์โทน และความสัมพันธ์ของตัวละครที่มีสีสัน สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นมาพร้อมๆกัน คือการพูดถึงความฝันบนเส้นทางที่แตกต่างกัน และการฝ่าฟันของตัวละคร ในความไม่แน่นอนของยุคสมัยที่อาจพรากความฝันไปและบางครั้งก็ได้มอบอะไรกลับมา 

โดยทีมผู้สร้างได้พยายามถ่ายทอดความขม-หวานของชีวิตที่เต็มไปด้วยความรัก ความฝัน รวมถึงมิตรภาพในวันวาน เพื่อให้กำลังใจกับผู้คนที่พบเจอปัญหาท่ามกลางวิกฤติการณ์โควิด 

**มีการเปิดเผยเนื้อหาของเรื่อง**

ถ้าให้เรามองตัวเองในอดีต บางทีเราเองก็ไม่ได้ต่างจากนาฮีโดหรือแพคอีจินในยุคนั้น เพราะบางคนก็หอบหิ้วความฝันยิ่งใหญ่ที่พร้อมจะทำมัน ผลักดันจนได้รับชัยชนะแบบนาฮีโด หรือบางคนก็ยอมทิ้งความฝัน ทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อรวบรวมครอบครัวเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งให้ได้ 

‘นาฮีโด’ นักกีฬาฟันดาบเยาวชนทั่วไป ผู้ใฝ่ฝันที่จะได้พบกับนักกีฬาในดวงใจ และต้องการเป็นส่วนหนึ่งในทีมชาติ ด้วยฐานะทางบ้านทำให้เธอไม่ได้รับผลกระทบจาก IMF มากนัก เธอสามารถมีความสุขกับชีวิตประจำวัน แต่ยุคสมัยก็ยังไม่วายมาพรากความฝันด้วยการทำให้ชมรมฟันดาบถูกยุบไป 

อีกทั้ง แม่ที่ทำงานตัวเป็นเกลียวแถมปากหนัก จนไม่มีเวลามาดูใจหรือมอบความรัก ทำให้นาฮีโดพยายามทุกทางเพื่อคว้าความฝันของเธอเอาไว้ไม่ให้หลุดมือ

จนได้มาเจอกับแพคอีจิน หนุ่มพาร์ทไทม์ร้านหนังสือ รวมถึงงานจิปาถะอื่นๆ ที่ทำเพื่อให้ได้เงินมาเลี้ยงตัวเอง(และน้อง)ให้เติบโตหลังจากพ่อล้มละลาย ถึงมีความฝันก็ทำตามไม่ได้ เพราะมีปัจจัยอย่างเงินเข้ามา 

ตัวซีรีส์ทำให้เราเห็นว่า 2 ตัวละครที่แตกต่างบนเส้นไม่ขนานในยุคสมัยเดียวกัน ไม่ได้พยายามสร้าง Conflict ที่เริ่มจากเกลียดเป็นรัก แต่ใส่กรอบความคิดของการทำความเข้าใจกัน เป็นกำลังใจหล่อเลี้ยงความฝัน จน Safe Zone หรือพื้นที่ปลอดภัยกลายเป็นพื้นที่ความรัก ที่ต่างคนต่างผลักดันให้ก้าวต่อไป 

ทางฝั่งตัวละครโกยูริม นักกีฬาทีมชาติขวัญใจที่ใครๆก็ชื่นชม(รวมถึงนางเอก) ภายนอกเธอดูสดใส แต่ภายในเธอแตกสลายผ่านความกดดัน ตำแหน่งเจ้าของเหรียญทองที่ถูกสลัก และปัญหาการเงินที่ทำให้เธออยากตายในบางครั้ง เช่น ฉากที่หนีไปกระโดดน้ำสระสูงๆ ก่อนจะโผล่ขึ้นมาร้องไห้แบบเอาเป็นเอาตาย และกลับไปทำเหมือนว่าไม่เป็นไรเช่นเดิม

แต่เมื่อชีวิตมันต้องสู้ ด้วยปัญหาทางเศรษฐกิจที่ส่งผลถึงตัว เธอทำได้เพียงใช้ความรักและอ้อมกอดอันอบอุ่นจากครอบครัว เป็นแรงผลักดัน ก้าวข้ามความกลัวให้เธอกำความฝันและสู้ต่อไป

ขณะที่จีซึงวาน นักเรียนดีเด่นอันดับ 1 ของชั้น ที่กลับเบื่อหน่ายชีวิตประจำวันและระบายมันผ่านรายการวิทยุของเธอเอง รวมถึงมุนจีอุง เจ้าน่ารักห้องเจ็ดสายเต้นปนดนตรี ซึ่งเราเองมองว่า 2 คนนี้อาจเป็นตัวแทนของวัยรุ่นทั่วไปที่ไม่ได้ชูเรื่องความฝันโดดเด่น เพียงแค่ต้องการได้ตัวของตัวเองและเก็บเกี่ยวความสุขในชีวิตประจำวัน

เรื่องราวได้ดำเนินไปตามเส้นทางแห่งความฝันของตัวละครที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แถมมีหนามคอยทิ่มอยู่รำไร เมื่อในที่สุดนาฮีโดก็ได้รับโอกาสจากยุคสมัยเข้าแข่งขันจนได้การคว้าเหรียญทอง ขึ้นแท่นนักกีฬาทีมชาติคนใหม่ 

แต่ก็เกิดเป็นแผลใจ เผยให้เห็นความเปราะบางภายใต้หน้ากากสดใสของเด็กวัย 18 คนหนึ่งพังทลายลงมา หลังจากที่ทุ่มเทความพยายามอย่างมาก แต่สุดท้ายกลับถูกสังคมท้าทายด้วยคำว่า ‘ผู้พรากเหรียญทอง’ 

ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้ความฝันจบลงไป เพราะทุกตัวละครเรียนรู้ที่จะล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ ทั้งแพคอีจินที่ยอมรับความจริงของตัวเองได้ นาฮีโดยืนหยัดทำสิ่งที่รักต่อไป และเมื่อหันมองดูรอบตัวแล้ว ทั้งนาฮีโด โกยูริม รวมถึงแพคอีจินเองก็มีคนที่คอยรดน้ำหัวใจ ปลูกความฝันด้วยความรักให้เติบโตได้ ทำให้มีแรงฮึดสู้ใหม่อยู่เสมอ

สุดท้ายนี้ เราเพียงอยากจะบอกว่าใครที่กุมความฝันเอาไว้ ไม่ว่าความฝันนั้นมันจะเล็กหรือใหญ่ ในยุคสมัยที่มีวิกฤติการณ์เกิดขึ่้นมากมาย แม้เส้นทางมันจะไม่ง่าย จะต้องเจออุปสรรคมากน้อยแค่ไหน ความฝันของคุณยังคงมีความหมายเสมอ

ในวันที่เหนื่อยมากเกิน ลองเดินให้ช้าลง และมองรอบตัวจะได้เห็นผู้คนที่พร้อมจะส่งความรักให้ ไม่ว่าจะครอบครัว เพื่อน คนรัก สถานะไหนๆ หรือถ้ามองไม่เจอใคร ยังมีตัวเราในกระจกที่พร้อมจะมอบความรักยิ่งใหญ่ จะปล่อยหรือจะคว้าความฝันเอาไว้อยู่ที่ใจของเราเลือกเอง 

Mango Zero ขอเป็นกำลังใจให้ 💖 อยากเติมความรักเมื่อไหร่ ก็มาใจฟูด้วยกันได้กับซีรีส์ Twenty Five Twenty One นะฮะะ ทุกเสาร์-อาทิตย์ ทาง Netflix (แต่ตอนจบจะเศร้าไหม ต้องมาลุ้นกันอีกที)