ขณะที่ทุกคนกำลังเลื่อนหน้าไทม์ไลน์ในแอปพลิเคชั่นต่างๆ อย่างเพลิดเพลิน พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นคอนเทนต์หรือภาพที่น่าสะเทือนใจ หลายคนอาจกดดู เลื่อนผ่านอย่างรวดเร็ว หรือกระทั่งทำเหมือนเป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์ทั่วไป
แต่ก็มีบางคนที่อาจสะเทือนใจ จนเกิดอาการตอบสนองต่อคอนเทนต์นั้น และาจถึงขั้นทำให้นึกถึงอดีตที่กระทบกระเทือนต่อจิตใจได้ สิ่งเหล่านี้จึงควรมี “Trigger Warnning” เพื่อเตือนก่อนจะถึงเนื้อหา เจ้าสิ่งนี้คืออะไร ควรใช้กับเนื้อหาประเภทไหนบ้าง เราจะพาไปทำความรู้จักกัน
Trigger Warnings คืออะไร
Trigger Warnings (TW) คือการเตือนเนื้อหาบางประเภท ที่อาจกระตุ้นหรือทริกเกอร์ผู้อ่านถึงประสบการณ์เลวร้ายในอดีตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็น PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) เมื่อเห็นการเตือน ก็สามารถเลี่ยงที่จะดูคอนเทนต์เหล่านั้นได้ ซึ่งก็ได้มีความเห็นจำนวนมากบอกว่า การติด Trigger Warning ก็ไม่ได้ผลเสมอไปในบางครั้ง
เนื้อหาแบบไหนที่ควรติด Trigger Warnings
โดยปกติแล้ว เรื่องราวที่มักกระทบกระเทือนจิตใจคนส่วนใหญ่ และควรได้รับการติด Trigger Warning มีดังนี้
- การทำร้ายร่างกายทางเพศ
- การล่วงละเมิดเด็ก / การกระทำอนาจาร / การร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง
- พฤติกรรมการทำร้ายตัวเอง อาทิ การทำร้ายร่างกาย การเลือกทานอาหารอย่างผิดปกติ (Eating Disoder)
- รักร่วมสายเลือด ไม่ว่าจะเป็นความรักที่ลงเอยด้วยดีหรือไม่ก็ตาม
- การทารุณกรรมสัตว์ หรือการตายของสัตว์
- การทำร้ายตัวเองและการฆ่าตัวตาย
- ความรุนแรง
- เนื้อหาที่การอนาจาร
- การลักพาตัว
- การตาย
- การทำแท้ง
- การเหยียดสีผิวและการเหยียดเชื้อชาติ
- ความเกลียดชังที่เจาะจงไปยังกลุ่มศาสนา
วิธีการติด Trigger Warning
วิธีการติด Trigger Warning อาจทำได้หลายวิธี ดังนี้
- เขียนเตือนก่อนเลื่อนเข้าเนื้อหา หรือดูรูป
- ติดแฮชแท็กประเภทของความอันตราย
- หากรู้ล่วงหน้าว่าจะกระทบใครอย่างจริงจัง อาจหลีกเลี่ยงไม่ส่งลงในกลุ่ม หรือพื้นที่ที่มีบุคคลนั้น
- เตือนกลุ่ม/บุคคลเหล่านั้นล่วงหน้า
ทั้งนี้ ยังไม่มีวิธีการเกี่ยวกับเรื่อง Trigger Warning อย่างจริงจัง หลายอย่างจึงอาจต้องใช้ดุลยพินิจว่าคอนเทนต์นี้ อาจเกิดทริกเกอร์ หรือไปกระตุ้นความรู้สึกไม่ดีให้กับใครได้บ้าง อาจใ้เวลาเพิ่มไม่ถึงห้านาที แต่ก็เป็นการช่วยป้องกันสภาพจิตใจของใครหลายคนได้เยอะเลยทีเดียว
ที่มา : UWATERLOO, University of Michigan