10 เรื่องใหญ่รอบโลกในปี 2020
ปี 2020 ที่กำลังจะจบลง น่าจะเป็นปีที่กินพื้นที่ในหน้าประวัติศาสตร์โลกมากเป็นพิเศษ เมื่อมันมีหลายเรื่องให้ต้องจดและจำ มีหลายอย่างให้ต้องพูดถึง ไม่ว่าจะโรคระบาด, การเมือง, เหตุประท้วง, ธุรกิจปิดตัว, เจ้าลูกหนังทีมใหม่ (หน้าเดิม) ฯลฯ
Mango Zero ขอเลือก 10 เรื่องที่เราคิดว่า เป็นเรื่องใหญ่ที่ควรยกมาเตือนความจำกันอีกครั้ง ส่งท้ายปี 2020 ที่เชื่อเหลือเกินว่า เป็นปีที่ทุกคนอยากให้มันผ่านพ้นไปให้เร็วที่สุด
Covid Attack เชื้อโรควายร้าย พาพ่ายกันทั่วโลก
เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก กับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ COVID 19 ที่มีต้นกำเนิดจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน โดยทางจีนได้แถลงการณ์อย่างเป็นทางการในวันที่ 23 มกราคม หลังจากนั้น WHO จึงได้ประกาศมอบชื่ออย่างเป็นทางการส่า COVID-19 ในเดือนมีนาคม และประเทศอิตาลีก็เป็นประเทศแรกในการล็อคดาวน์ หรือปิดประเทศห้ามคนเข้า- ออกในเดือนนั้นเช่นเดียวกัน จากนั้นในเดือนเมษายน ยอดผู้เสียชีวิตก็พุ่งสูงแตะหนึ่งล้านคน
ซึ่งเชื้อโรคนี้ส่งผลกระทบอย่างหนักกับทุกวงการเศรษฐกิจ และทั่วทุกทวีปทั่วโลกเลยทีเดียว จนถึงวันนี้ (23 ธ.ค. 63) ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลก 77.9 ล้านคน หายแล้ว 43.9 ล้านคน และเสียชีวิต 1.71 ล้านคน
โควิด– 19 หรือไวรัสโคโรนา มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า 2019-nCoV แพร่ระบาดจากคนสู่คน ด้วยวิธีการสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ ข่าวดีก็คือในตอนนี้ได้มีการผลิตวัคซีนสำหรับเจ้าเชื้อไวรัสนี้แล้ว คาดว่าอีกไม่นานสถานการณ์อาจกลับมาเป็นปกติ
เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา / บ๊ายบายทรัมป์ เวลคั่มไบเดน
ถ้าไม่นับเรื่องโควิด19 คงไม่มีข่าวไหนจะเป็นที่สนใจของคนทั้งโลกไปกว่าข่าวการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ว่าเราจะเป็นคนมะกันโดยกำเนิดหรือไม่ก็ตาม
เพราะเราต่างรู้ดีว่า สหรัฐฯ คือมหาอำนาจอันดับต้นๆ ของโลก และการเปลี่ยน (หรือไม่เปลี่ยน) โฉมหน้าผู้นำภายหลังการเลือกตั้งใหญ่ จะนำมาซึ่งผลกระทบต่อเราๆ ไม่มากก็น้อย ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
เอาง่ายๆ ลองมองกลับไปในรอบ 4 ปีที่สหรัฐฯ มีชายที่ชื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์” เป็นประธานาธิบดีสิ ว่าความคิดที่ผลิตจากมันสมองเขาส่งผลกับทีท่าของสหรัฐฯ ต่อประเทศเพื่อนโลกไปแค่ไหน ไม่ว่าจะด้านการค้า การทหาร สิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่ในเรื่องโควิด19 และอื่นๆ
ก็ต้องเรียนตามตรงว่า ด้วยความคิด บุคลิก การพูดจา หรือนโยบายมากมายที่แสนจะสุดโต่งของทรัมป์ ทำให้เขามีคนชังมากกว่ารัก และทำให้การเลือกตั้งหนนี้เป็นที่เฝ้ารอของคนอเมริกัน เพราะมันดูจะเป็นทางเดียวที่พวกเขาสามารถเชิญทรัมป์ลงจากเก้าอี้ได้อย่างสะดวกโยธิน
โดยคู่ต่อกรในการเลือกตั้งนี้ของทรัมป์ มีดีกรีเป็นอดีตมือขวาของโอบาม่า และเป็นนักการเมืองอาวุโสมากประสบการณ์ นาม “โจ ไบเดน” ส่งเข้าประกวดโดยพรรคเดโมแครต
ก่อนการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นจริง หลายสื่อยกให้ไบเดนมีแต้มต่อทรัมป์หน่อยๆ ด้วยหลากหลายปัจจัย แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ขนาดครั้งก่อนคนคิดว่าฮิลลารี่ คลินตัน จะ “นอนมา” ยังพ่ายทรัมป์เลย – อะ งั้นไปลุ้นกันวันเลือกจริงดีกว่า
ซึ่งผลการเลือกตั้ง ก็ขับเคี่ยวกันมันส์หยดสมกับเป็นบิ๊กอีเวนต์ ในการนับคะแนนระหว่างวัน ก็มีช่วงที่ไบเดนนำ พลิกมาเป็นทรัมป์ที่ได้เปรียบ ก่อนพลิกกลับมาเป็นเกมของไบเดนอีกครั้ง สุดท้ายเป็นฝ่ายผู้ท้าชิงที่เข้าวิน สิริรวมคะแนน Electoral Vote ที่ 306 ส่วนทรัมป์ได้ไปแค่ 232
อีกหนึ่งสีสันที่ห้ามลืมของอีเวนต์นี้ คือการที่ไบเดนเลือก คามาลา แฮร์ริส สว.รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นคู่สมัครของเขา เมื่อไบเดนชนะ ก็ทำให้แฮร์ริสกลายเป็นรองปธน.สหรัฐฯ คนแรกที่มีเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน-เอเชียนทันที
ก่อนจะชนะการเลือกตั้งใหญ่ครั้งนี้ ไบเดนถูกรู้จักในฐานะ “ม้านอกสายตา” ผู้แก่เกินแกง เป็นหนุ่มจืดแสนธรรมดาที่ดูยังไงก็ไม่มีวาสนาจะเป็นถึงประธานาธิบดี แต่ไบเดนก็อดทนคอยมาตลอด จนช่วงเวลาที่รอมานานเดินทางมาถึง
ตอนนี้เขารอเพียงเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2021 เพื่อเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ตน ประเทศ และโลกร่วมสมัย ด้วยมือของตัวเอง
Black Lives Matter คุณค่าของชีวิต ไม่ได้ตัดสินที่สีผิว
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงพฤษภาคม เมื่อชายผิวดำนาม จอร์จ ฟลอยด์ ถูกจับกุมจากการกล่าวหาว่าใช้แบงค์ปลอมที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง เขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาเข่ากดทับที่คออยู่ถึง 7 นาที แม้จะร้องว่าไม่สามารถหายใจได้แล้วก็ตาม จนสุดท้ายก็ถึงแก่ชีวิต ต่อมามีการให้สัมภาษณ์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “ “เราขอหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเหตุการณ์นี้ เพราะแม้ฟลอยด์จะเสียชีวิตก็จริง แต่ผลการชันสูตรศพยังไม่ออกมา และตำรวจทั้ง 4 ที่โดนไล่ออก ก็ต้องการสู้คดีว่าการตายของฟลอยด์เกี่ยวข้องกับการกระทำของพวกเขาหรือไม่ และหากต่อให้ไม่เอาเข่ากดลงไป ฟลอยด์ก็ต้องเสียชีวิตจากเหตุผลอื่นอยู่แล้ว”
การสัมภาษณ์และท่าทีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ชาวสหรัฐฯ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จนต้องออกมาประท้วงในทุกช่องทาง โดยเลือกใช้คำว่า “I Can’t breath” (ผมหายใจไม่ออก) ซึ่งเป็นคำที่สุดท้ายที่จอร์จพูดออกมากว่า 15 ครั้งก่อนสิ้นสติ เป็นคำสำคัญในการแสดงออกถึงการต่อต้าน และผ่านแฮชแท็ก #BlacklivesMatter ซึ่งแปลว่า ชีวิตคนดำก็มีความหมายเช่นเดียวกัน โดยเป็นชื่อเดียวกับองค์กรอิสระ Black Live Matters ที่ก่อตั้งเพื่อสร้างความยุติธรรมให้คนผิวดำพวกเขามองว่าคนดำมักถูกปฎิบัติรุนแรงอย่างไม่เท่าเทียมเมื่อเกิดความขัดแย้งใดๆก็ตาม
นอกจากจะเป็นการเรียกร้องในช่องทางออนไลน์แล้ว เหตุการณ์นี้ได้ลุกลามเป็นวงกว้าง เหล่าคนมีชื่อเสียงตากหลากหลายวงการต่างก็ออกมาเรียกร้องผ่านทางช่องทางของตัวเอง ทั้งออกมาประท้วง และลุกลามเป็นเหตุการณ์จลาจล เกิดการขโมยสินค้าตามร้านต่างๆ เผาเรือนอาคารในรัฐมินิอาโปลิส จนเจ้าหน้าที่ต้องใช้แก็สน้ำตา และยิงกระสุนยางเพื่อปราบการชุมนุม อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ ทำให้คนทั่วโลกได้เห็นและตระหนักถึงความปฎิบัติที่ไม่เท่าเทียมกันต่อคนผิวดำมากขึ้น คาดว่าในไม่ช้า เราอาจได้เห็นกฎหมายหรือข้อสนับสนุนที่ทำให้ช่องว่างระหว่างผิวสีนั้นหมดไปเสียที
New Normal วิถีชีวิตแบบใหม่ และสุขอนามัยคือปัจจัยที่ 5
เมื่อ COVID เข้ามาส่งผลกระทบทั่วโลก ทำให้การใช้ชีวิตของทุกคนเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ตาม การรักษาความสะอาดและสุขอนามัยต่างๆ เริ่มมีการบังคับใช้อย่างเข้มงวดมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดวิถีการใช้ชีวิตแบบใหม่ เรียกกันว่า New Normal นั่นเอง
Work from home
เมื่อออกจากบ้านไม่ได้ แต่ธุรกิจก็ต้องเดินหน้าไปต่อ ทำให้เกิดการทำงานจากที่บ้าน หรือที่เรียกกันว่า “Work from Home” ช่วงแรกเป็นที่ตื่นเต้นกันดีเพราะย่นระยะเวลาการเดินทาง แต่ไม่นานก็เริ่มได้ยินเสียงโอดครวญว่าทำให้ส่วนตัวลดลง ทั้งยังทำให้งานลดประสิทธิภาพลงกว่าการคุยงานกันต่อหน้า หรือกระทั่งการทำงานแบบเบรนสตรอมก็ตาม
Cashless Society
Covid นั้นเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิด Cashless Society เพราะพันธบัตรก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการแพร่เชื้อโรค หลายประเทศเริ่มมีการหันมาใช้บริการ Cashless มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหลายธุรกิจที่หันมาคิดค่าบริการแบบตัดเงินที่บัตรเดบิตได้ แสกนจ่ายเงินด้วย QR Code หรือ หรือการจ่ายเงินแบบ Contactless
Online Conference
เมื่อไม่สามารถเดินทางข้ามประเทศได้ ส่งผลให้การประชุมสำคัญหลายเกิดขึ้นแบบ Online แทน ธุรกิจซอร์ฟแวร์เพื่อการติดต่อสื่อสารแบบวิดีโอคอลและแชทจึงได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว อาทิ ZOOM Google Hangout หรือ Microsoft Team ซึ่งก็มีข้อดีและเสียแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นส่วนตัว ระยะเวลาในการประชุม หรือจำนวนคนที่สามารถเข้าร่วมได้
ดาราดับแสง / คนดังที่ด่วนจากไปในปี 2020
เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมชาติ และทุกๆ ปีก็จะมีคนดังที่เสียชีวิตปีละเป็นสิบเป็นร้อยคน แต่ในปีที่โลกมนุษย์เผชิญความสาหัสสากรรจ์โดยทั่วกันกว่าทุกปี ก็มีคนดังในระดับ ‘ไอคอน’ เสียชีวิตในปีเดียวกัน มากกว่าหลายๆ ปี อาทิ
-โคบี้ ไบรอันต์ โคตรนักบาส NBA และจีจี้ ลูกสาว เสียชีวิตเมื่อ 26 มกราคม ด้วยอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก
-ดิเอโก้ มาราโดน่า นักฟุตบอลเจ้าของหัตถ์พระเจ้า เสียชีวิตเมื่อ 25 พฤศจิกายน ด้วยอาการหัวใจวาย
-แชดวิก โบสแมน นักแสดงผู้สวมบทฝ่าบาท แบล็ค แพนเธอร์ เสียชีวิตเมื่อ 29 สิงหาคม ด้วยโรคมะเร็งลำไส้
-เอ็ดดี้ แวน ฮาเลน หนึ่งในมือกีตาร์ที่เก่งที่สุดในโลก เสียชีวิตเมื่อ 6 ตุลาคม ด้วยโรคมะเร็งลำคอ
-เชราร์ อุลลิเยร์ อดีตผู้จัดการทีม Liverpool เสียชีวิตเมื่อ 14 ธันวาคม หลังผ่าตัดหัวใจ
-ฌอน คอนเนอรี่ นักแสดงผู้สวมบทพยัคฆ์ร้าย 007 คนแรก เสียชีวิตเมื่อ 31 ตุลาคม ด้วยโรคชรา
-โจเอล ชูมัคเกอร์ ผู้กำกับ Batman Forever, Batman & Robin เสียชีวิตเมื่อ 23 มิถุนายน ด้วยโรคมะเร็ง
-อีร์ฟาน ข่าน นักแสดงจาก Life of Pi, Slumdog Millionaire เสียชีวิตเมื่อ 29 เมษายน ด้วยโรคมะเร็ง
-เดวิด พราวส์ นักแสดงผู้อยู่ใต้ชุด ดาร์ธ เวเดอร์ ในไตรภาคแรกของ Star Wars เสียชีวิตเมื่อ 29 พฤศจิกายน ด้วย
-เจเรมี่ บุลลอค นักแสดงเจ้าของบท โบบา เฟตต์ ใน Star Wars เสียชีวิตเมื่อ 18 ธันวาคม ด้วยโรคพาร์กินสัน
-คิม คี ดุก ผู้กำกับระดับโลกชาวเกาหลี เสียชีวิตเมื่อ 11 ธันวาคม ด้วยโรคโควิด19
เป็นต้น
Mango Zero ขอแสดงความอาลัยอีกครั้งแก่ดาราทุกดวงที่ดับแสงในปี 2020 หวังว่าพวกเขาจะไปสู่ภพภูมิอื่น ที่ดีกว่าโลกที่กำลังบอบช้ำใบนี้
Parasite สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในงานออสการ์ / คนจนผู้ยิ่งใหญ่ ความภูมิใจของชาวเอเชีย
คนจน..จนแต่รวยถ้วยรางวัล ใครจะว่ายากจน..คนจนผู้ยิ่งใหญ่ (ไม่มีอะไร อยากร้องเพลงเฉยๆ)
ก่อนถึงวันงานประกาศรางวัลอันทรงเกียรติของวงการภาพยนตร์ Oscar ประจำปีนี้ ใครหน้าไหนเล่าจะคิดว่า พระเอกของงานในปี 2020 จะอิมพอร์ตจากแดนโสม เมื่อหนังครอบครัวสุขสันต์บ้านฉันบ้านเธอ “Parasite” จะแซงหน้าตัวเต็งเรื่องอื่นๆ เข้าเส้นชัยไปคว้ารางวัลใหญ่สุด “ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม” ชนิดหักปากกาเซียนดัง โบล๊ะ!!
นับเป็นหนังภาษาต่างประเทศที่ได้ Best Picture ในรอบ 92 ปี ควบด้วยรางวัลหนังต่างประเทศยอดเยี่ยม, บทดั้งเดิมยอดเยี่ยม, บองจุนโฮ ก็ได้ผู้กำกับยอดเยี่ยม อันนี้ปากกาเซียนก็หักกันเป็นแถวๆ เช่นกัน
พอเด่นและดังปุ๊บ สปอตไลท์จากทั่วโลกก็ส่องมาใส่ Parasite ทันที นักวิจารณ์มือสมัครเล่นสมัครรอง ออกมาชำแหละหนังเป็นฉากๆ ตีความกันต่างๆ นาๆ ทัพนักแสดงในเรื่องก็ได้ดิบได้ดี มีคิวมาจ่อขอความร่วมงานยาวเหยียด ยอดดูหนังในสตรีมมิ่งก็พุ่งขึ้นพรวดๆ เรียกว่าพลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือแบบทันควัน
หนังว่าด้วยครอบครัวยาจกที่อาศัยอยู่ในสลัมเหม็นๆ วันดีคืนดี พวกเขาก็เห็นช่องรวยหลังค่อยๆ แนบเนียนเข้าไปทำงานรับใช้ครอบครัวผู้มีอันจะกิน จึงคิดแผนสุดแยบยลเพื่อดลบันดาลให้ตัวเองมีชีวิตที่สุขสำราญกว่าที่เป็นอยู่ แต่แผนการนี้จะสำเร็จได้ตลอดรอดฝั่งเหรอ? ไม่อยากสปอยล์ บอกได้แค่ว่า หนังเรื่องนี้ยังไงก็ต้องดู!
แล้วจะรู้ว่า ทำไมตอนนี้ใครๆ ก็แชร์ภาพงานฉลองสุดเบิกบานของหนัง พร้อมเขียนแคปชั่นที่น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ว่า
“Celebrating the end of 2020”
เหตุระเบิดที่เบรุต เลบานอน / บึ้มจริง..น่ากลัวยิ่งกว่าในหนัง
วันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมาคุณทำอะไรอยู่? ถ้าถามชาวเมืองเบรุตที่เลบานอน พวกเขาก็คงจะเล่าเหตุการณ์สุดสะเทือนขวัญบริเวณท่าเรือในเมืองให้คุณฟังอย่างสะเทือนใจ
วันนั้น เกิดเหตุเพลิงไหม้ในโกดัง 12 ริมน้ำท่าเรือเบรุต ซึ่งเก็บแอมโมเนียมไนเตรตปริมาณ 2,750 ตันที่ยึดจากเรือ MV Rhosus เอาไว้นาน 6 ปี (โดยไร้ซึ่งมาตรการรักษาความปลอดภัย) ก่อนเกิดไฟลุกขนาดใหญ่และเสียงดังบ้าคลั่ง จนปะทุเป็นระเบิดที่สั่นสะเทือนทั้งเมือง
สมทบด้วยแผ่นดินไหวขนาด 3.3 ริกเตอร์ แผ่รัศมีไกล 250 กิโลเมตร คนที่ตุรกี ซีเรีย อิสราเอล ก็รู้สึกถึงแผ่นดินไหวนี้
นับเป็นการระเบิดที่ไม่ใช่นิวเคลียร์ที่ทรงพลังที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์…ประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครอยากเห็นมันถูกบันทึกไว้
ผู้เสียชีวิต 204 บาดเจ็บมากกว่า 6,500 คน นับมูลค่าความเสียหายทางทรัพย์สินได้กว่า 15 พันล้านยูเอส และทำให้คนกว่า 3 แสนต้องไร้บ้าน – คือตัวเลขแห่งความสูญเสียแบบคร่าวๆ จากเหตุการณ์นี้ ยังไม่นับ “กำลังใจ” ที่ต้องเสียไปของผู้คนหลายล้านทั่วโลก
หรือในเลบานอนเอง ซึ่งก่อนเกิดเหตุระเบิด ผู้คนหลายหมื่นก็อยู่ในสภาพแร้นแค้นอยู่แล้ว ระเบิดในวันนั้นจึงเป็นเหมือนการ “ปลดล็อค” ให้พวกเขาต้องออกมารวมตัวประท้วงแบบไม่มีอะไรจะเสียต่อรัฐบาล เป็นการประท้วงที่ใหญ่โตและรุนแรง จนกดดันให้นายกรัฐมนตรีฮัสซัน ดิอับ ลาออกในที่สุด
แต่ถึงจะไม่ใช่คนเลบานอน ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรง เราก็ไม่มีทางจะมองเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร้ความรู้สึก ในเมื่อมันคือการยืนยันแบบเสียงดังฟังชัด (มากๆๆๆ) ว่าปี 2020 ช่างหนักหนาสาหัสสำหรับมนุษย์โลกเสียจริง
Dow plunges down หุ้นร่วงในรอบ 30 ปี
สถานการณ์หุ้นนั้นผันผวนขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ผลพวงจากความหวาดกลัวของไวรัสโคโรนาที่ดูจะเป็นเรื่องใหม่และใหญ่นั้น ยิ่งทำให้หุ้นลดลงที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 2530 โดยหุ้นดาวโจนส์ดิ่งลง 2,997 ในวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวลงอย่างรุนแรง มูลค่ารวมของทั้งตลาดหายไปมากกว่า 20% จากจุดสูงสุด ทำให้เกิดสิ่งที่นักลงทุนเรียกว่า “ตลาดหมี” (Bear Market)
จากนั้นในระยะต่อมา เมื่อมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงอีกระลอก และมีทีท่าจะฟื้นตัวดีขึ้น กระทั่งต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาก็กลับมาดิ่งลงอีกครั้งเนื่องขากข่าวการกลับมาระบาดระลกที่ 2 ของโควิด เป็นที่น่าจับตามองว่าทิศทางหุ้นอาจฟื้นตัวขึ้นในเร็ววัน เมื่อมีวัคซีนเข้ามาให้หลายประเทศได้ใช้
Bye Bye Brands ฝันร้ายของธุรกิจ เมื่อโควิดเข้ายึดอำนาจ
Covid-19 ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังกระทบครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมธุรกิจอย่างร้ายกาจ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร การขนส่ง หรือบริการต่างๆ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องระหว่างประเทศยิ่งไม่ต้องพูดถึง หลายธุรกิจต่างกัดฟัน และงัดเอากลยุทธที่จะทำให้บริษัทตนเดินหน้าต่อไปได้ บางที่ลดพนักงาน ปรับเงินเดือน และก็มีไม่น้อยที่ไม่อาจแบกรับหนีสินและความสาหัส จึงต้องยื่นล้มละลายในที่สุด ดังเช่นแบรนด์ต่อไปนี้
- Pizza Hut USA เมื่อบริการเดลิเวอรี่ไม่อาจช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดได้ จึงต้องยื่นคำร้องเพื่อขอผ่อนผันหนี้สิน
- Sizzler USA แบรนด์ร้านอาหารเพื่อสุขภาพก็เช่นกัน ได้ยื่นคำขอล้มละลายเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
- Muji USA การแบกต้นทุนของค่าที่ ที่แปรผกผันกับยอดขายในช่วงโควิด ทำให้ Muji ที่สหรัฐอเมริกาต้องยืนคำขอล้มละลายในที่สุด
- Virgin Australia ทางด้านสายการบินยิ่งส่งผลกระทบหนัก เนื่องจากมาตรการล็อคดาวน์ปิดประเทศ ทำให้ไม่สามารถเดินทางข้ามประเทศได้ สายกรบินนี้นับเป็นสายการบินแรกในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิกที่ยื่นขอล้มละลาย หลังรัฐบาลออสเตรเลียก็ปฎิเสธ โดยให้เหตุผลว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Virgin Australia เป็นสายการบินต่างชาติ
- Airasia Japan อีกหนึ่งสายการบินข้ามชาติที่ยื่นล้มละลาย โดยบริษัทจะปิดกิจการในเดือนธันวาคมปีนี้
- Dean & Deluca แบรนด์ที่มีเจ้าของเป็นกลุ่ม Pace Development ของไทย จากที่เดิมผลประกอบการค่อนข้างน่าเป็นห่วงอยู่แล้ว เมื่อโดนพิษ COVID-19 เข้าไป ยิ่งทำให้ยอดหนี้สินพุ่งสูงถึงเกือบ 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯและต้องยื่นคำร้องล้มละลายในที่สุด
ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก / ทุลักทุเลหน่อย แต่ก็คุ้มกับที่คอยมา 30 ปี
ว่ากันว่าถ้าคุณผู้หญิงจะปักใจรักชายใดสักคน ควรเลือกคนที่เชียร์ลิเวอร์พูล เพราะแทบไม่ต้องพิสูจน์แล้วว่าชายคนนั้นมีความรักที่หนักแน่นมั่นคงแค่ไหน ขนาดทีมที่เชียร์ไม่เคยได้แชมป์ลีกเลยเป็น 30 ปี ยังอดทนเชียร์ได้ ยังไงเขาก็จะรักเดียวใจเดียวกับคุณแน่นอน!
ซึ่งการรอคอย 30 ปีดังกล่าวก็เพิ่งสิ้นสุดลงหมาดๆ ช่วงกลางปี หลังพี่ๆ ‘หงส์แดง’ เถลิงบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่างสมเกียรติ ด้วยสถิติสวยหรู แข่ง 38 นัด ชนะ 32 เสมอ 3 แพ้ 3 ทำแต้มได้ถึง 99 กับลูกได้เสีย +52
เบื้องหน้าของความสำเร็จ คือขุมกำลังผู้เล่นที่แกร่งทั่วแผ่น ไล่จากหน้าปากประตูที่มี อลิซง เบคเกอร์ ยืนเป็นนายด่าน ถัดขึ้นมามี เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค บัญชาการกลางแผงแบ็คโฟร์ ตรงกลางมี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เป็นกัปตันคุมจังหวะ และแดนหน้ามีสามประสาน ซาลาห์-มาเน่-ฟีร์มิโน่ เป็นเครื่องจักรผลิตสกอร์
ส่วนเบื้องหลัง จะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากมันสมองของ เจอร์เก้น คลอปป์ ยอดโค้ชชาวเยอรมัน ที่รีแบรนด์หงส์แดงตัวเดิมให้เป็นหงส์แดงรุ่น ‘เฮฟวี่เมทัล’ ไล่บดบี้ขยี้คู่แข่งแบบอำมหิตตลอด 90 นาที และตลอดซีซั่น จนเข้าป้ายคว้าแชมป์ในท้ายที่สุด นับเป็นครั้งแรกที่ลิเวอร์พูลได้ถ้วยใหญ่ของเกาะอังกฤษในรอบ 3 ทศวรรษ
แต่ถึงฟอร์มจะสวยหรูจนคอบอลต่างยกให้หงส์ชุดนี้เป็นทีมที่ “เก่งที่สุดในโลก” ณ เวลานั้น เส้นทางสู่แชมป์ของพวกเขาก็ใช่จะโรยด้วยกลีบกุหลาบ
ความทุลักทุเลเกิดขึ้นเพราะมารผจญที่ชื่อโควิดนี่แหละ เพราะเมื่อไวรัสแพร่สะพัดไปทั่วโลก บอลลีกอังกฤษจึงต้องเบรคดังเอี๊ยดในขณะที่ลิเวอร์พูลกำลังนำจ่าฝูง
หลายทางออกถูกหยิบยกขึ้นมาพูด เช่น ตัดจบลีกให้หงส์ได้แชมป์ไปเลย, ให้การแข่งฤดูกาลนี้เป็นโมฆะไปสิ เพราะแข่งต่อไม่ได้แล้ว แต้มนำอยู่แล้วไง ไม่ได้แข่งครบจบ 38 แมตช์สักหน่อย หรือรอให้โควิดซาก่อน ค่อยกลับมาเตะต่อให้จบ ถ้าตอนนั้นหงส์ยังนำฝูงอยู่ ก็ค่อยคว้าแชมป์อย่างเป็นทางการ
สุดท้าย หวยออกที่ข้อหลัง เป็นหงส์แดงที่เข้าป้ายได้แชมป์อย่างเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
ทว่าก็น่าเสียดายอีก ที่เจ้าโควิดตัวร้ายเข้ามาเบียดเบียนความสุขของเดอะค็อป เมื่อพวกเขาไม่สามารถเฉลิมฉลองในเมืองลิเวอร์พูลได้แบบเต็มสตรีม ให้ยิ่งใหญ่สมการรอคอย