10 ธันวาคมที่ผ่านมาพี่ตูน บอดี้สแลม จบภารกิจ #ก้าวคนละก้าว วิ่งไปจนถึงปลายทาง 400 กิโลเมตร ที่บางสะพาน จังหวัดประจวบฯ และสามารถนำเงินบริจาครวมกว่า 63 ล้านบาทไปมอบให้กับโรงพยาบาลบางสะพานได้สำเร็จตามความตั้งใจ หลังจากวิ่งเสร็จ พี่ตูนเปิดเผยความในใจหลังวิ่งจบต่อหน้าชาวบางสะพาน และแฟนคลับที่มารอต้อนรับร่วมแสดงความยินดี ซึ่งคำพูดแต่ละคำของเขาทั้งทรงพลัง แฝงไว้ด้วยความตั้งใจจริง และยังคงถ่อมตัวเสมอ แม้สิ่งที่เขาทำจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตามเขาก็ไม่เคยอวดว่าสิ่งทีเ่ขาทำยิ่งใหญ่เหนือใคร ตรงกันข้ามเขาขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือตลอดเส้นทางจนจบ และเราได้รวบรวมคำพูดของพี่ตูนในวันนั้นมาให้ชมกัน – เราเอาตัวเองเป็นต้นทุน วิ่งเรี่ยไรเงินจากคนไทยใจดีทั่วประเทศ – ผมเป็นคนสุพรรณบุรี แต่สองปีที่แล้วผมมาอยู่บางสะพาน เป็นชาวบางสะพานด้วยเหมือนกัน จากความคิดบ้าๆ จากเด็กบ้าๆ คนหนึ่งที่นั่งคิดคนเดียวอยู่ที่บ้านว่าอยากจะทำอย่างไรดี อยากจะหาเงินเยอะมาให้โรงพยาบาลบางสะพาน เพื่อซื้อเครื่องมือแพทย์ที่ขาดแคลน อยากจะหาเงินเยอะๆ มาเป็นกำลังใจให้คุณหมอ นางพยาบาลที่ทุ่มเทเสียสละอยู่ที่นี่แทนที่จะไปเอาเงินเยอะๆ ที่กรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ๆ เราจะทำยังไงดี สุดท้ายเอาเราตัวเองเป็นต้นทุน วิ่งเรี่ยไรเงินจากคนไทยใจดีทั่วประเทศ ตอนแรกในใจคิดว่าอยากจะได้สัก 4 – 5 ล้านบาทเราโอเคแล้ว ทำเงียบๆ ทำคนเดียว ไม่อยากเด่น ไม่อยากดัง สุดท้ายมีพี่ชายผมคนหนึ่งชื่อพี่ปิงปอง a day (นิติพัฒน์ สุขสวย) เราไปปรึกษาเพื่อขอให้เขาช่วยโปรโมท เขาบอกว่าถ้าจะลงแรงขนาดนี้ทั้งที่ ทำไมไม่ทำให้มันบอกประชาชนทั่วไปให้เขารับรู้ทั่วกัน สุดท้ายถ้าคนรู้เยอะ ช่วยเยอะเราก็จะได้เงินมากมายมาช่วย – ถ้าผมรู้ปัญหาแล้วผมอยู่เฉยกับปัญหา ผมจะเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ – ตอนแรกผมกลัวว่าจะโดนคนหาว่าอยากจะเด่นอยากจะดัง อยากจะทำดีเอาหน้า ผมไม่อยากเด่นอยากดังอะไรแล้วครับ ผมจะไปเที่ยวไหน ผมจะไปสบายที่ไหนก็ได้ แต่ผมอยากทำเพื่อทุกคนที่บางสะพานจริงๆ ผมได้ไปเห็น ผมได้ไปรู้ข้างในว่ามันขาดแคลนเยอะ เราไม่อยากรู้คนเดียว ผมอยากให้คนอื่นได้รู้ด้วย ผมอยากให้คนอื่นได้เห็นด้วย ผมอยากใช้เสียงเล็กๆ ของผมที่มีให้เป็นประโยชน์ เพราะผมรู้ปัญหาแล้วอยากบอกต่อ ถ้าผมไม่บอกต่อ ถ้าผมอยู่เฉยๆ ผมจะเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ เพราะพี่น้องทุกคนดูแลผมมาตลอดสิบสี่ปีที่ผมร้องเพลงมา พี่น้องทุกคนสร้างผมมา ถ้าผมรู้ปัญหาแล้วผมอยู่เฉยกับปัญหา ผมจะเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ – ใครว่าผมขี้ยา มาวิ่งกับผมไหม – ผมเลือกที่จะบอกต่อให้ไกลที่สุด เสียงดังที่สุด บอกต่อปัญหานี้ที่ไม่ใช่เป็นที่โรงพยาบาลบางสะพานที่เดียว แต่เป็นปัญหาสำหรับโรงพยาบาลรัฐบาลทั่วทั้งประเทศไทย โรงพยาบาลรัฐมีความขาดแคลนเช่นเดียวกันนี้ เราอยากจะทำโครงการนี้เพื่อนำร่อง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจดีๆ ให้ใครหลายคนที่อยู่ต่างจังหวัด มีใครหลายคนถามผมว่าทำไมไม่ทำให้โรงพยาบาลอื่นบ้าง ผมตัวเล็กแค่นี้เอง หุ่นก็เหมือนขี้ยาที่เขาว่ากัน ใครว่าผมขี้ยา มาวิ่งกับผมไหม (หัวเราะ) – ผมอยากให้ทุกคนมองผม แต่ไม่ใช่มองที่ผม อยากให้มองเห็นปัญหาที่ผมสื่อ – ผมทำได้แค่โรงพยาบาลเดียว ผมอยากให้ทุกคนมองผม แต่ไม่ใช่มองที่ผม อยากให้มองเห็นปัญหาที่ผมสื่อ มองเห็นปัญหาที่ผมอยากให้คนอื่นมองเห็นเหมือนกัน ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาของใคร ไม่ใช่ปัญหาของรัฐบาล ไม่ใช่ปัญหาของคนรวยๆ ไม่ใช่ปัญหาของใครที่จะต้องเอาเงินแสน เงินล้านมาบริจาคอยู่เป็นประจำ สุดท้ายมันเป็นปัญหาของพวกเราทุกคน ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาที่มีเสียงดังโครมครามให้ทุกคนไปช่วยกันทีเดียว แต่ปัญหานี้มันซ่อนอยู่มันเรื้อรัง – ผมจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ อยากให้เปลี่ยนแปลงจริงๆ และผมจะทำต่อไป – ตอนห้าขวบผมอยู่สุพรรณผมก็เห็นปัญหานี้ ตอนนี้ผมอายุสามสิบเจ็ดขวบ ก็เห็นเหมือนเดิม เหมือนตอนห้าขวบ แต่ได้รู้ลึกขึ้นด้วยซ้ำว่ามันขาดแคลนมากกว่าที่เราห็นข้างหน้ามากนัก สุดท้ายเราอยากให้คนไทยทั่วประเทศเห็นปัญหานี้เช่นเดียวกันแล้วลงมือช่วยเหลือกันคนล่ะห้าบาท สิบบาท ถ้ารู้กันล้านคนก็ห้าล้านบาท ถ้ารู้กันห้าล้านคนก็ห้าสิบล้านบาท เงินจำนวนนี้ช่วยชีวิตคนได้ล้านคน ต่อชีวิตคนได้อีกหลายล้านคน ช่วยหัวหน้าครอบครัวได้คนหนึ่งให้ได้ไปเลี้ยงลูกต่อให้มีคุณภาพอีกสามคนได้ อยากให้สื่อว่าพวกเราที่มีน้อยด้วยกันได้ ใช้จำนวนที่เรามีมากเป็นตัวตั้ง หกสิบล้านเป็นตัวตั้งบริจาคคนละห้าบาท สิบบาทต่อเดือนเป็นยังไง ช่วยโรงพยาบาลที่ขาดแคลนเป็นอย่างไร ห้าบาทสิบบาทเดือดร้อนไหมต่อเดือน นั่นแหละครับที่ผมกำลังสื่อสาร ช่วยชีวิต ช่วยคนไทยด้วยกันในองค์รวม แล้วประเทศเราจะดีขึ้นเป็นลำดับ ของคุณบางะสพานที่บันดาลใจผมขอโทษที่ดูถูกน้ำใจคนไทย ที่ตอนแรกผมคิดว่าจะได้เงินแค่สี่ห้าล้าน ผมจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ อยากให้เปลี่ยนแปลงจริงๆ และผมจะทำต่อไป แม้วันนี้ #ก้าวคนละก้าว พี่ตูนจะวิ่งไปถึงเป้าหมายแล้ว แต่ไม่ใช่เขาจะหยุดวิ่งต่อ เราเชื่อว่าในอนาคตเขาน่าจะได้มีโอกาสทำอะไรหลายๆ อย่างเพื่อให้สังคมกลับมามองเห็นถึงปัญหาที่โรงพยาบาลรัฐกำลังเผชิญ และวันนี้แม้โครงการจะจบลงแล้ว แต่หากทุกคนยังคงเก็บสิ่งที่พี่ตูน พูดไว้ในใจเสมอ และทำอะไรบางอย่างออกมาเพื่อเปลี่ยนแปลง ก้าวเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ของพี่ตูน ที่ได้เริ่มต้นไว้จะเป็นดั่งจุดเริ่มต้นที่ทำให้สังคมเกิดการแปลงเปลี่ยนอย่างยั่งยืนจริงๆ หรือไม่ อยู่ที่ทุกคน ไม่ใช่อยู่ที่พี่ตูน อยู่ที่รัฐบาล หรืออยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง