เชื่อว่าในชีวิตนึงของเราทุกคนน่าจะเคยผ่านความเจ็บปวดอย่าง “ร้อนใน” กันมาไม่น้อยไปกว่า 1 ครั้ง บางทีหนึ่งจุด บางทีหลายจุดพร้อมกันก็มี ถึงจะเป็นแผลเล็กๆ ในปาก แต่ก็สร้างความหงุดหงิดและทรมานจนทำให้ชีวิตประจำวันพังได้ เราขอพาทุกคนไปรู้จักกับร้อนใน และเรียนรู้การอยู่กับมันรวมทั้งการป้องกันไม่ให้มันเกิดกันเถอะ !!
ร้อนใน (Aphthous Ulcers) คือ แผลขนาดเล็กที่เกิดขึ้นที่เนื้อเยื่ออ่อนในช่องปากหรือเหงือก โดยบางคนอาจมีร้อนในขึ้นที่ริมฝีปาก, แก้ม หรือลิ้น ซึ่งอาจสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน อยากการรับประทานอาหารหรือการพูดคุย
ลักษณะของร้อนใน
เกิดเป็นจุดแดงหรือตุ่มเล็กๆ ก่อน ต่อมาจึงพัฒนาเป็นสีขาวมีขอบแดงๆ และขยายออกมาเป็นแผลเปื่อย บนตัวแผลจะมีสีเหลืองหรือสีขาวปกคลุมอยู่บนแผล ขอบแผลจะแดง
สาเหตุของร้อนใน
จริงๆ แล้วสาเหตุของร้อนในยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่เราก็พอทราบตัวกระตุ้นที่อาจทำให้เกิดร้อนใน ได้ดังนี้
- การตอบสนองต่อแบคทีเรียในปาก
- การบาดเจ็บที่ปาก
- ความเครียด
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- ประจำเดือน
- ปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
- การแพ้อาหาร หรือการขาดวิตามินและแร่ธาตุ
การรักษาเบื้องต้นด้วยตนเอง
- สามารถหายเองได้ไม่เกิน 2 สัปดาห์
- รักษาความสะอาดในช่องปาก
- ใช้แปรงสีฟันขนอ่อนนุ่ม
- ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด
การบรรเทาอาการเจ็บปวด
- ดื่มนม กินโยเกิร์ต ไอศกรีม
- กลั้วปากด้วยน้ำเกลือ
- ทายาแก้ร้อนใน
- ดื่มน้ำสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น – น้ำรากบัว, น้ำใบบัวบก
ภาวะแทรกซ้อน
- อ่อนเพลีย
- เป็นไข้
- การอักเสบของผิวหนังบริเวณข้างเคียง
การป้องกัน
- ดูแลสุขภาพช่องปาก แปรงฟันหลังมื้ออาหารเป็นประจำ, ใช้ไหมขัดฟันวันละครั้ง
- หลีกเลี่ยงอาหารที่จะทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น ถั่วทอด. มันฝรั่งทอด. อาหารรสจัด, ผลไม้ที่มีกรดมาก – สัปปะรด,ส้ม
- ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- อย่าเครียดจนเกินไป
เรื่องน่ารู้
- ร้อนในไม่ใช่โรคติดต่อ
- คนที่เลิกบุหรี่มักจะเป็นร้อนในมากกว่าคนปกติ เนื่องจากการปรับตัวของเคมีในร่างกาย
เวลาเป็นร้อนใน เจ็บที่สุดตอนไหน
- แปรงฟัน
- กินอาหารรสจัด
- เผลอกัดโดน
หากใครเป็นร้อนในเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์แล้วยังไม่หาย แผลมีอาการลุกลาม เป็นแผลร้อนในพร้อมมีไข้สูงไปด้วย ควรไปพบแพทย์ เพราะอาจมีอาการอื่นๆ ร่วม เช่น ต่อมน้ำเหลืองบวม เป็นต้น
ขอบคุณที่มา : Poppad, Sanook Health, FemaleFirst