ใกล้เข้ามาแล้วกับภาพยนตร์เรื่องใหม่ส่งตรงจากเกาหลีใต้อย่าง “The Anchor” หรือชื่อไทยว่า “เจาะข่าวผี” ที่นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในบ้านเกิด ด้วยการเปิดตัวขึ้นอันดับ 1 ของ Box Office เกาหลี ครองตำแหน่งหนังสยองขวัญกวาดรายได้สูงสุดอีกหนึ่งเรื่องในปี 2022 โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ “ชอน อูฮี” นักแสดงมากประสบการณ์การันตีด้วยรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมเมื่อปี 2020 มาเล่นเป็นตัวเอกของเรื่อง รวมทั้ง “ชิน ฮาคยุน” ที่ใครหลาย ๆ คนคงจะเคยได้เห็นฝีมือการแสดงสุดน่าทึ่งจากเรื่อง “Beyond Evil” และ “อี ฮเยยอง” จากผลงานล่าสุดในซีรี่ส์ “Kill Heel” มาร่วมเล่นด้วย ผสานฝีมือการกำกับของ “จอง จีฮยอน” ผู้กำกับหน้าใหม่ กับความท้าทายในการกำกับหนังระทึกขวัญเรื่องแรก “The Anchor” ถ่ายทอดเรื่องราวของจอง เซรา ผู้ประกาศข่าวมืออาชีพที่วันนึงได้รับโทรศัพท์จากยุน มีโซ หญิงสาวปริศนาที่บอกว่าตัวเองและลูกกำลังจะถูกฆ่า และขอให้เธอไปพบ เซราคิดว่าคงเป็นสายก่อกวน แต่อีกทางมันก็กวนใจเธออยู่ไม่น้อย เซราออกไปตามหามีโซถึงที่บ้าน แต่ก็พบว่าเธอกับลูกตายไปแล้ว ขณะสืบค้นความจริง เธอได้พบกับจิตแพทย์ประจำตัวของมีโซที่ทำตัวน่าสงสัย จึงตัดสินใจสืบหาสาเหตุที่แท้จริงของการตายเพื่อเอามาทำข่าว แต่นั่นเป็นเพียงอุบายหนึ่งของเธอเพื่อรักษาตำแหน่งนักข่าวของตัวเองต่อไป กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่เรื่องราวระทึกขวัญปั่นประสาทระหว่างตัวตน ชีวิตครอบครัว และอาชีพนักข่าวที่เธอหวงแหนมากที่สุด ถึงชื่อหนังจะมีคำว่า “ผี” แต่ก็ไม่นับว่าเป็นหนังผีร้อยเปอร์เซ็นต์แบบเน้นหลอกอย่างเดียว จริง ๆ แล้วเรียกว่าเป็นความน่ากลัวสไตล์หนังผี (มีจั๊มสแกร์แบบพอเดาได้) ผสมกับบรรยากาศไม่น่าไว้วางใจแบบหนังทริลเลอร์ตลอดทั้งเรื่อง ที่ดึงจังหวะให้ชวนติดตามว่าสาเหตุของการตายคืออะไร และเกี่ยวพันอะไรกับชีวิตของตัวเอก และถึงแม้มุมกล้องและภาพในเรื่องจะไม่ได้ไม่แปลกใหม่จนโดดเด่น แต่กลับสร้างความน่ากลัวให้ใจเต้นได้เป็นอย่างดี เรียกว่าดูจบแล้วก็แอบหลอนไปพอสมควร สำหรับประเด็นที่หนังหยิบยกมา เรียกได้ว่ามีหลายประเด็นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเสียดสีวงการข่าวในการหยิบคดีสะเทือนใจมาทำข่าวโดยลืมคำนึงถึงข้อเท็จจริง ประเด็นความควาดหวังและความกดดันจากสังคมกับบทบาทของผู้หญิงในฐานะแม่และอาชีพการทำงาน รวมไปถึงความสัมพันธ์ที่ไม่สมดุลในครอบครัวที่ถ้าได้ดูแล้วก็อาจจะเชื่อมโยงกับชีวิตใครหลาย ๆ คนก็เป็นได้ ทางด้านการดำเนินเรื่องรวมถึงการเฉลยปมต่าง ๆ อาจจะไม่ถึงขั้นดูปุ๊ปเข้าใจปั๊ป แต่ยังมีความแคลงใจเล็กน้อยว่าสรุปแล้วแต่ละจุดในเรื่องนั้นสัมพันธ์กันอย่างไร อาจจะด้วยความที่มีการตัดภาพไปมาระหว่าง 2 ฉากบ่อย และน่าจะสามารถเล่าเรื่องให้คมกว่านี้ได้ ให้คนดูดูจบแล้วเข้าใจในทันที อย่างไรก็ตาม ด้วยคะแนนภาพ สี ซาวด์ประกอบ รวมถึงนักแสดงที่เล่นได้เข้าถึงบทบาทได้ดี ก็ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าติดตาม ชวนกระเทาะแง่คิดบางอย่าง และนับว่าเป็นหนังที่น่าพอใจอย่างมากอีกเรื่องหนึ่ง สำหรับใครที่อยากลองสัมผัสประสบการณ์หนังผี ที่มีความลุ้นระทึก พร้อมกับเล่นประเด็นทางสังคมไปด้วย ก็สามารถไปจองตั๋วแล้วรับชมกันได้ในโรงภาพยนตร์ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป