11 มิ.ย. 2563 รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า วันที่ 12 มิ.ย.นี้ จะนำแพ็กเกจกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เข้าหารือในที่ประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เพื่อพิจารณามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการ 4 เดือน (ก.ค.-ต.ค. 2563)
นโยบายดังกล่าวที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เสนอ มีรายละเอียด ดังนี้
1. แพ็กเกจกำลังใจ ตอบแทนบุคลากรที่ปฏิบัติงานแนวหน้าในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ ระบาดของเชื้อโควิด-19 จำนวน 1.2 ล้านคน
โดยสนับสนุนงบประมาณสำหรับการศึกษาดูงาน แบบอบรมสัมมนา ผ่านบริษัทนำเที่ยวในประเทศ ใช้เงินประมาณ 2,400 ล้านบาท หรือรัฐบาลจะจ่ายเงินให้ประมาณ 2,000 บาท/คน โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้รับผิดชอบหัวข้ออบรม สัมมนา
2. แพ็กเกจเที่ยวปันสุข ส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวข้ามจังหวัด จำนวน 4 ล้านคน โดยแจกบัตรกำนัล หรือ วอยเชอร์ ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตุง ของธนาคารกรุงไทย เมื่อมีการเช็คอินห้องพัก รัฐบาลจะโอนเงินคืนให้ประชาชนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้จ่ายในโรงแรม โดยรัฐบาลจะให้เงินกระตุ้นการท่องเที่ยวประมาณ 2,000-3,000 บาท/คน
สำหรับงบประมาณกระตุ้นการท่องเที่ยว ต้องรอที่ประชุม ศบค. สรุป ถ้าให้ 2,000 บาทต่อคน จะใช้งบประมาณ 8,000 ล้านบาท หากให้เงิน 3,000 บาทต่อคน จะใช้เงินประมาณ 12,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังนำเรื่องเปิดท่องเที่ยวแบบจับคู่เดินทางเฉพาะประเทศที่ควบคุมการระบาดของโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ หรือ Travel Bubble เข้าที่ประชุม ศบค.ด้วย โดยคาดว่าจะอนุญาตให้ชาวต่างประเทศกลุ่มนี้เดินทางเข้าไทยได้ตั้งแต่ 1 ก.ค.2563 หลังเปิดน่านฟ้า
โดยเบื้องต้นจะอนุญาตให้กลุ่มนักธุรกิจ ที่มีบริษัทในประเทศไทย หรือจำเป็นต้องเดินทางมาทำงานในประเทศไทย ที่มีเอกสารรับรองจากสำนักงานใหญ่ หรือหน่วยงานที่เชิญมาทำงาน เพื่อรับรองว่ามีความจำเป็นต้องเดินทางและต้องทำงานจริง สามารถตรวจสอบได้
อีกกลุ่มคือ ผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาพยาบาลตามที่แพทย์นัด โดยต้องมีประวัติการรักษาพยาบาล ที่ต้องเดินทางเข้าประเทศไทย
ทั้งนักธุรกิจและผู้ป่วยที่ต้องเข้ามารักษาตัวในไทย ต้องมีใบรับรองแพทย์โควิด-19 อายุไม่เกิน 72 ชั่วโมง และต้องสามารถติดตามตัวได้ระหว่างอยู่ในไทย