ความหวาน เป็นตัวแทนของความสุขที่หลายคนนิยามไว้ในเรื่องของความรัก แต่ในความหมายของรสชาติที่เรารับประทานเข้าไป ความหวานก็เป็นทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีด้วยเช่นกัน ความหวาน เป็นรสชาติที่ใครๆ ก็โปรดปราณ ยิ่งเป็นเครื่องดื่ม ทั้งทานง่าย,ทานเพลิน เผลอแค่แป็บเดียวในแต่ละวันของเราก็ได้เพิ่มความหวานเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ จนทำร้ายร่างกายเช่นกัน ยิ่งในยุคนี้ที่การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ การเลือกสิ่งที่เราจะทานหรือจะดื่มเข้าไปจึงต้องพิถีพิถันกันหน่อย มาดูกันว่าน้ำตาลที่เราทานเข้าไปในแต่ละวันแบบไม่รู้ตัวมาจากไหนกันบ้าง และมารู้จักความหวานกันกว่าที่เคย หวานแค่ไหนถึงพอ ? แต่รู้ไหมในแต่ละวันร่างกายของคนเราควรได้รับน้ำตาลประมาณ 6 ช้อนชาเท่านั้น โดยสูงสุดไม่เกิน 10 ช้อนชา แต่จากสถิติระบุว่าคนไทยทานน้ำตาลกันกว่า 30 กิโลกรัมต่อปี หรือเฉลี่ย 20 ช้อนชาต่อวัน นับเป็น 2-3 เท่า ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน โดยน้ำตาลที่เราได้รับ ก็มาทั้งจากการปรุงอาหาร เช่น ก๊วยเตี๋ยว, ราดหน้า ฯลฯ เครื่องดื่มที่เรากินคู่แทบทุกมื้อรวมไปถึงยามว่าง นี่ยังไม่รวมขนมหวานตบท้ายมื้อที่ขาดไม่ได้ มาดูกันหวานแค่ไหน ? อาหารและขนมหวานน่าจะเป็นสิ่งที่เราพอจะเห็นและเดาความหวานของส่วนประกอบกันได้ชัดเจนกว่าเครื่องดื่มที่อยู่ในรูปแบบของเหลว เรามักมองข้ามและไม่คิดจะพลิกหลังขวดเพื่อดูส่วนประกอบ แต่รู้ไหมว่าเครื่องดื่มที่เราทานคู่ทุกมื้อและยามว่างนั้น มีปริมาณความหวานจากน้ำตาลมากกว่าที่เราคิด เราขอพาไปดูปริมาณน้ำตาลเครื่องดื่มแต่ละชนิด เทียบกับปริมาณน้ำตาลที่ร่างกายต้องการกัน โดยเปรียเทียบจากปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มสุดโปรดที่เราทานกันเป็นประจำ ซึ่งบางตัวทานเข้าไปซักสองขวดก็เอาน้ำตาลเกินความต้องการของร่างกายใน 1 วันแล้ว รู้แบบนี้เลือกซื้อครั้งหน้าเราควรกะปริมาณและดื่มแต่พอดี ไม่ให้ร่างกายรับน้ำตาลจนมากเกินไปด้วยนะ อันตรายจากความหวาน แล้วทานเกินที่ร่างกายต้องการแล้วจะยังไง ? น่าจะเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย และคงฉุกคิดว่าความหวานตามมากับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น แต่จริงๆ แล้วความหวานมีอันตรายมากกว่านั้น ถ้าหากในแบบที่ไม่ร้ายแรงไม่ถึงขั้นโรคภัยไข้เจ็บ ความหวานจะทำให้คุณกินไม่หยุด, อารมณ์แปรปรวน และผิวเหี่ยวย่นด้วย ไขมันสะสมในอวัยวะต่างๆ ฟรุคโตสเป็นส่วนประกอบหนึ่งของน้ำตาลซึ่งกระตุ้นให้ตับสะสมไขมันไว้ตามอวัยวะต่างๆ เมื่อผ่านไปนานขึ้นอาจส่งผลให้เกิดภาวะไขมันพอกตับได้ด้วย เบาหวาน องค์กร PLOS ONE พบว่า ทุกๆ 150 แคลอรี่จากน้ำตาลที่คนได้รับเกินจากที่ร่างกายต้องการ สามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น 1.1% ที่มา : Journal PLOS ONE โรคหัวใจและหลอดเลือด การไหลเวียนของเลือดปั่นป่วน เนื่องจากน้ำตาลจะทำให้ร่างกายผลิตอินซูลินออกมามากเกินไปจนค้างอยู่ในกระแสเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงได้ หวานน้อยๆ สุขภาพดีนานๆ สุขภาพดีกันไปยาวๆ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะหวานจนทำร้ายสุขภาพเราอีกต่อไป ด้วย นมเปรี้ยวดีไลท์ สูตรน้ำตาล 0.1% จะกินตอนไหนก็อร่อยสดชื่นแถมยังมีน้ำตาลน้อยที่สุด แค่ 0.1% หรือ 5 กรัมเท่านั้น (ต่อ 100 มิลลิลิตร) เพราะใช้หญ้าหวานให้ความหวานแทน, ไขมัน 0%, โคเรสเตอรอล 0%, ได้รับเครื่องหมายผลิตภัณท์นมเพื่อสุขภาพจากระทรวงสาธารณสุข (HEALTHIOR) และยังมีจุลินทรีย์อิมูลัสที่ดีต่อร่างกายที่จะช่วยปรับสมดุลสุขภาพทางเดินอาหารอีกด้วย ไปลองกันได้เลย !! มีขายที่ตัวแทนจำหน่ายดีไลท์ทั่วประเทศ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และร้านสะดวกซื้อ จ้าาา ตอนนี้ขอยกให้เป็นเครื่องดื่มประจำติดตู้เย็น น้ำตาลน้อย อร่อย สุขภาพดีดื่มดีไลท์ทุกวัน ขอบคุณที่มาจาก :Benjaoil, Kapook, Honestdocs