Mango Zero

สัมภาษณ์พิเศษ : ‘ต่อ – คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง’ นักเขียนและอาจารย์พิเศษ แชร์ประสบการณ์นั่งแท็กซีเมืองไทยให้อะไรมากกว่าที่คิด

ต่อคันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง  นักเขียนหนุ่มนามปากกาเมอฤดีและอาจารย์พิเศษ คือหนึ่งในผู้ที่ใช้บริการแท็กซี่เกือบทุกวัน และหากใครที่เป็นเพื่อนกับเขาในเฟซบุ๊ค เราจะเห็นเขารีวิวการขึ้นแท็กซี่อยู่บ่อยๆ และส่วนใหญ่เป็นประสบการณ์ประหลาดกับแท็กซี่ที่เขาเจอ 

ช่วงนี้ประเด็นของแท็กซีก็ร้อนแรง (ซึ่งจริงๆ มันก็ร้อนแรงเป็นระยะแต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขดังนั้นถ้าคุยกับใครเกี่ยวกับประสบการณ์เรื่องแท็กซี่ แล้วสนุกก็ต้องบุกไปคุยกับเมอฤดี ที่เร็วๆ นี้อาจจะมีพ็อคเกตบุ๊คเกี่ยวกับประสบการณ์นั่งแท็กซีเมืองไทยกับ Salmon Books ทุกเรื่องที่เราพูดคุยกัน บอกเลยว่าเรื่องจริง และเป็นเรื่องจริงที่หลายคนก็เคยเจอ

คุณจำได้ไหมว่าเจอปัญหากับการขึ้นแท็กซีตั้งแต่เมื่อไหร่

อาจารย์ต่อ : เราเจอมาทั้งชีวิตนะ (หัวเราะ) เป็นปัญหาคลาสสิคที่ใครก็เจออยู่แล้ว ซึ่งแท็กซี่มันเกิดปัญหามานานแล้ว เพียงแต่บางทีเราก็งงว่าทำไมไม่มีหัวใจในการบริการเลย เราก็ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องมาพินอบพิเทาในเรื่องการบริการ แต่หมายถึง บางทีก็ไม่ต้องทำอะไรเฮี้ยนๆ แปลกๆ กับกูก็ได้ป่าววะ (หัวเราะ) การนั่งแท็กซี่มันคือการสอนให้เราได้อยู่ร่วมกับมนุษย์ที่เราไม่รู้จักอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงขึ้นไป ดังนั้นมันต้องเจอปัญหาอยู่เรื่อยๆ

จากที่ติดตามในเฟซบุ๊คเราเห็นคุณเจอปัญหาแท็กซี่บ่อยมากเพราะอะไร

อาจารย์ต่อ : ซวยมั้ง (หัวเราะ) มีอยู่สองอย่างคือเรานั่งแท็กซี่ทุกวันบางทีก็นั่งระยะสั้น บางทีก็ยาว พอนั่งทุกวันโอกาสที่จะได้เจอแท็กซีประหลาดๆ ก็เยอะตามความน่าจะเป็น แต่คนที่รู้สึกว่าเราเจออะไรแปลกๆ กับแท็กซี่บ่อยก็อาจจะเป็นเพราะเวลาเราเจอเรื่องดีๆ เราไม่ค่อยมาเล่าในเฟซบุ๊ค (หัวเราะ)

เราเคยคุยกับเพื่อนว่าเราควรทำเพจแท็กซีดีบอกต่อไหม เล่าอีกด้านหนึ่งของแท็กซี ที่เป็นเรื่องดีแต่ ส่วนใหญ่เราเล่าแต่เรื่องแปลกๆ ไง ทว่าสิ่งที่เราเขียนก็ไม่ได้เล่าเรื่องแย่ๆ หรือด่าเขานะ เราเล่าเรื่องแปลกๆ หรือเรื่องที่เจอแล้วเหวอๆ ซึ่งมันสนุกดีถ้าได้แบ่งปันบ้าง

เรื่องดีๆ ของแท็กซีมีบ้างไหมจากที่เคยเจอ

อาจารย์ต่อ : ก็มีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นะแบบเขาทอนเงินครบ หรือพูดจาดี แต่เอาเข้าจริงๆ เรื่องดีๆ คงเขียนได้แต่สองบรรทัด (หัวเราะ) ยกเว้นมันเป็นเรื่องดีระดับมหากาพย์แบบนั้นก็เล่าได้เยอะ แต่ช่วงหลังเราพยายามทำให้แฟร์ขึ้นด้วยการเล่าเรื่องดีๆ ของแท็กซี่ด้วยนะ เจออะไรดีๆ ก็เอามาเขียน

เล่าเรื่องเจอแท็กซี่ประหลาดบ่อยๆ ชีวิตมีผลกระทบอะไรไหม

อาจารย์ต่อ : มีเพื่อนคนหนึ่งเคยบอกกับเราว่า นี่กูขึ้นแท็กซีกับมึงจะซวยไหม (หัวเราะ) เพราะเขาเห็นเราอัปสเตตัสเกี่ยวกับแท็กซีบ่อย เลยมีภาพจำว่า เราขึ้นแท็กซี่ปุ๊บต้องซวยทันที ก็บอกไม่ใช่เว้ย (หัวเราะ)

มันต้องแยกนะว่าแท็กซี่แปลก กับแท็กซี่ไม่ดีต่างกันยังไง  เจอแท็กซีแปลกๆ เราก็ขำดีถ้าไม่ได้คุกคามเราก็เอามาเล่าขำๆ ส่วนแท็กซีไม่ดีก็เจออย่างที่บ่นในเฟซบุ๊ค แต่โดยเฉลี่ยประมาณเดือนถึงสองเดือนครั้ง ไม่ได้บ่อยหรอก

มีประสบการณ์ประหลาดที่จำขึ้นใจตั้งแต่นั่งแท็กซีมาไหม

อาจารย์ต่อ : มีสองเรื่องคือเจอแท็กซีขายตรง วันนั้นโบกแท็กซีจากออฟฟิศแซลมอนบุ๊ค รัชดาซอย 3 ไปเอสพลานาด ซึ่งมันใกล้มากแค่สิบห้านาทีถึง แต่เขาสามารถขายตรงได้รัวๆ ตลอดทางเขาบิวท์เรามาก เขาบอกว่าน้องอยากมีชีวิตที่ดีไหม นี่พี่มาขับแท็กซี่เป็นงานอดิเรกนะ จริงๆ พี่มีธุรกิจของตัวเอง เราคิดในใจก็ไม่ต้องขับไหม (หัวเราะ)

แล้วระยะเวลาจากรัชดาซอยสาม ไปเอสพลานาด มันใกล้มากจริงๆ แค่ยังไม่ออกจากซอยก็โน้มน้าวเราซะเยอะเลยยอมรับว่าโคตรเก่ง จนเราต้องใช้วิธีโทรหาเพื่อนเพื่อจะให้เขาหยุดพูด สุดท้ายไม่หยุดพูดต่อด้วย (หัวเราะ)

ส่วนแคสที่สองเจอแท็กซี ชวนเปลี่ยนศาสนา ชวนเข้าหาอาณาจักรพระเจ้าแล้ววันนั้นนั่งไกลมากเป็นสี่สิบนาทีที่ทรมานมาก กูเกือบจะนิพพาน เห็นศาสดาลอยมาหลัดๆแล้ว (หัวเราะ) จำได้เลยพอขึ้นไปปุ๊บ เขาก็เริ่มต้นเล่าให้เราฟังว่าที่ผ่านมาชีวิตแย่แค่ไหน แล้วทำไมถึงกลับมาดีขึ้น แล้วก็อ่านพระคัมภีร์ให้ฟัง

จุดไหนในกรุงเทพฯ สำหรับคุณที่โบกแท็กซีได้ยากที่สุด

อาจารย์ต่อยกให้สยามเลย ผมไม่เคยโบกรถที่สยามได้เลยมาสิบปีแล้วมั้ง (หัวเราะ)  เราไปสยามบ่อยทุกครั้งที่ไปสยามก็จะเห็นผู้โดยสารโดนเท นักท่องเที่ยวยังโดนเทเลย แล้วตกลงแท็กซีเขาอยากได้อะไรวะ (หัวเราะ)

ย่านนั้นก็เรียกแท็กซียากจริงๆ มีครั้งหนึ่งผมกับเพื่อนจะนั่งแท็กซีกลับบ้านเพราะเหนื่อยแล้วอยากจะนั่งรถแท็กซีกลับ เลยมาโบกรถตรงข้ามเซ็นทรัลเวิลด์ ปรากฎว่า 11 คันไม่มีคันไหนไปเลย ที่ตลกคือคันที่ 11 แม่งคือคันแรกที่ปฏิเสธเราแล้ววนกลับมาหาผู้โดยสารใหม่สุดท้ายก็นั่งรถไฟฟ้า หลังจากนั้นถ้าได้ยินเพื่อนบอกว่า นั่งแท็กซีกันไหมหารกัน เราบอกเลยว่าอย่า รถไฟฟ้าเถอะถ้าทำได้ (หัวเราะ) 

เคยมีครั้งไหนโกรธแท็กซีสุดๆ ไหม

อาจารย์ต่อ : เราโชคดีนะยังไม่เคยเจอปล้นจากคนขับแท็กซี ซึ่งเพื่อนเราเคยเจอ แท็กซีด่าเราก็ไม่เคยเจอนะ ที่เจอบ่อยคือแท็กซีอีโม เหวี่ยง แล้วเราก็โดนด้วย อาจจะเพราะบ้านเราซอยมันแคบไม่มีที่กลับรถ แท็กซีก็กลับรถลำบากต้องถอยออกอย่างเดียว ซึ่งแท็กซี่ที่ดีกับเรา เราจะเปิดบ้านให้เขามากลับรถ แต่ถ้าเจอแท็กซีอีโม ก็แล้วแต่มึง (หัวเราะ)

มีครั้งหนึ่งเรานั่งแท็กซีอีโมจะกลับบ้าน เราเห็นแล้วล่ะว่าเหวี่ยงๆ อารมณ์ไม่ดี เขาถามเราว่า ซอยบ้านน้องมีที่กลับรถเปล่า เราก็บอกว่ามันต้องถอยออก กำลังจะพูดต่อว่า เดี๋ยวผมเปิดประตูให้ได้ แต่แท็กซี่ขึ้นเลยบ่นว่าอะไรทำไมไม่บอกแต่แรก เราเลยไม่บอกเลยให้หาทางกลับรถเอง เราหงุดหงิดนะ ตอนนั้นยังไม่มีแอพร้องเรียนเลยไม่ไ่ด้จดทะเบียนไว้

คุณร้องเรียนแท็กซีบ่อยแค่ไหน

อาจารย์ต่อ : ช่วงนึงเราร้องเรียนแม่งเกือบทุกวัน (หัวเราะ)

ร้องเรียนแล้วได้อะไรกลับมา

อาจารย์ต่อ : ได้ความปลง (หัวเราะ) อยู่ประเทศนี้ต้องทำใจ เราร้องเรียนมานานนะแต่ก็ไม่ได้ผลอะไรคืบหน้าที่น่าพอใจนอกจากข้อความที่ตอบกลับมาว่าทางเราได้ทำการตักเตือนแท็กซีที่คุณร้องเรียนแล้วแค่นี้จริงๆ ซึ่งเราไม่เคยติดตามด้วยว่าที่บอกตักเตือนเนี่ยมันปรับตัวไหม สำนึกหรือเปล่า เหนื่อยจะตาม

อยู่ใปประเทศนี้ทำอะไรได้ (หัวเราะ) มันร้องเรียนมานาน จัดระบบระเบียบมาช้านานแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำได้แค่ชิน ซึ่งพอเราชินกับความเฮงซวยกันมากๆ สุดท้ายเราก็ยอมรับความเฮงซวยนั้นไปโดยปริยายในความเคยชินความนิ่งมันคืออันตรายนะ เพราะเราจะไม่ลุกมาช่วยกันต่อต้านหรือหาวิธีแก้ ฟังดูสิ้นหวังเนอะ ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ปัญหาแท็กซีหรอก

เพื่อนเรา ไปเที่ยวเวียดนามก่อนไปเราเตือนว่าระวังโดนแท็กซีเวียดนามโกงปรากฎว่าเพื่อนรอดปลอดภัยไม่โดนโกง แต่พอมาถึงดอนเมืองโดนโกงมิเตอร์เลย คนนั่งแท็กซีประจำรู้ราคาอยู่แล้ว แต่นี่มิเตอร์มันพุ่งเวอร์ไง เลยขอลงกลางทางแล้วก็ร้องเรียนไปตามระเบียบ และได้ข้อความตอบกลับมาเหมือนกัน (หัวเราะ) นั่นโกงมิเตอร์เลยนะเว้ย 

ระบบร้องเรียกแท็กซีที่ของไทยในมุมของคุณมีประสิทธิภาพแค่ไหน


อาจารย์ต่อ : อย่างที่บอกว่าร้องเรียนให้ตายสุดท้ายก็ได้แค่ข้อความ อีกอย่างระบบการร้องเรียนก็ดูงงๆ ไม่ต่อเนื่อง เราเคยเขียนร้องเรียนละเอียดมากแบบแทบจะเป็นเรื่องสั้นอยู่แล้ว แต่พอมีเจ้าหน้าที่โทรมาเพื่อรีเช็คข้อมูลเล่าเขาก็ถามย้อนกลับมาว่า เรื่องเป็นอย่างไรครับ อ้าว..ก็พิมพ์ไปทำไมไม่อ่าน (หัวเราะ)

ทำไมถึงยังยอมนั่งแท็กซี่อยู่ ทั้งทีคุณก็ซื้อรถได้

อาจารย์ต่อขับรถไม่เป็นไง (หัวเราะ) แต่มีบางช่วงเครียดมากจนอยากขับรถนะ แบบทำไมกูต้องมาเจออะไรแบบนี้ แต่เรากลัวไปชนคนตายไงด้วยยิ่งโง่ๆ อยู่ (หัวเราะ) ค่าใช้จ่ายก็เยอะ อีกอย่างชอบนั่งรถแล้วหลับ ขับแล้วหลับไม่ได้ ทุกวันนี้ก็ไม่ได้เหลือทนกับแท็กซีนะ เริ่มชินแล้วล่ะ ซึ่งเราไม่ควรจะชินกับปัญหาเปล่าวะ (หัวเราะ) แต่เพื่อนบางคนไม่นั่งแท็กซี่แล้ว โดยเฉพาะคนที่ขับรถแล้วมานั่งแท็กซี ครั้งนึงก็เจอแท็กซีเลวใส่ เขาเลยฝังใจไม่ใช่บริการอีกเลย

แต่เรามองว่าแท็กซีเลวๆ ก็มีโอกาสเจอ แต่มันไม่ทุกครั้งเจอดี 5 ครั้ง เจอเลว 1 ครั้ง มันก็ยังรับได้ ปัญหาแท็กซีมันไม่ใช่เรื่องความจำทนหรอก แต่ผมมองเป็นการบริหารจิตใจ ดูแนวปลงนะแต่มันคือเรื่องจริง (หัวเราะ) แท็กซีแย่ๆ ก็ไม่ต้องทำอะไร ปล่อยให้ธรรมชาติเป็นผู้คัดสรร วันหนึ่งมันไปเลวกับคนจริงกก็คงจะจัดการกันเอง 

ที่สุดแล้วคุณจะแนะนำให้คนที่เจอแท็กซีแย่ๆ ควรทำตัวอย่างไร

อาจารย์ต่ออย่าไปหงุดหงิดกับมันมาก ชีวิตหนึ่งเราคงเจอแท็กซีคันนั้นแค่ครั้งเดียว ก็คิดว่ากูเจอมึงแค่นี้แหละพอแล้วปล่อยไป (หัวเราะ) จริงๆ เราเคยเจอแท็กซี่ซ้ำคันนะ แต่เป็นแท็กซีดี จอดอยู่แถวมหาวิทยาลัยที่เราไปสอนนั่นแหละ