Mango Zero

‘SOS skate ซึม ซ่าส์’ ซีรีส์จาก Project S the series ที่จะทำให้เราเข้าถึงโรคซึมเศร้าได้ใกล้ขึ้น

ช่วงหลังๆ เรามักเห็นกระแสการวิพากษ์เกี่ยวกับเรื่อง ‘โรคซึมเศร้า’ ที่หลายคนหลายความเห็น มีการตีความผิดๆ และก็มีผู้เชี่ยวชาญออกมาให้ความรู้ผ่านสื่อต่างๆ แต่อย่างไรก็ดีคำว่า ‘โรคซึมเศร้า’ ก็ยังถูกจัดอยู่ในโรคที่ไกลตัวและเป็นเรื่อง ‘ใหม่’ ในการรับรู้ของคนส่วนรวม ทั้งที่จริงๆ มันอาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ กับคนใกล้ตัวคุณ หรือตัวคุณเองด้วยซ้ำไป

‘SOS skate ซึม ซ่าส์’ เป็นซีรีส์ในโปรเจคต์ เอส เดอะซีรีส์ ที่มีการนำกีฬามาทำเป็นเรื่องราวต่างๆ กัน แบ่งออกเป็น 4 เรื่อง 4 กีฬา ได้แก่วอลเลย์บอล, แบดมินตัน และเรื่องที่ 3 ล่าสุดกับกีฬาสเก็ตบอร์ด ครั้งแรกที่เห็นโปสเตอร์ของเรื่อง SOS เราอาจนึกไม่ถึงว่าเนื้อเรื่องจะหนักและบทจะลึกขนาดนี้ ยิ่งด้วยตัวแสดงนำอย่างเจมส์ ผู้ที่มักได้รับบทเป็นเพลย์บอยมาตลอด เรายิ่งนึกไม่ออกว่าซีรีส์จะมาทางนี้

แต่หลังจากที่ ต่อ-ธนภพ ได้เล่นเป็นเด็กออทิสติก ใน ‘Side by side พี่น้องลูกขนไก่’ ไปแล้ว เราก็เชื่อว่าทุกบทบาทในโปรเจคต์ เอส เดอะซีรีส์มันมีความเป็นไปได้ และการนำกีฬามาโยงเข้ากับประเด็นหนักๆ ก็เป็นไปได้เช่นกันแถมยังเป็นอีกช่องทางที่จะสื่อสารเรื่องยากๆ ให้คนส่วนรวมได้เข้าใจตรงกันได้ดีมาก

‘SOS skate ซึม ซ่าส์’

 

เรื่องย่อ

รู้จักโรคซึมเศร้าผ่านซีรีส์

ซีรีส์, ภาพยนตร์, หรือแม้กระทั่งนิยาย ล้วนเป็นสื่อที่ทำหน้าที่สื่อสารเรื่องราวบางอย่างออกมาให้คนเสพ และหลายครั้งที่เราได้เสพเรื่องใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ จากสื่อเหล่านี้ อย่างเช่นเราได้รู้จักมุมมองของสตีฟ จ็อบส์ ผ่านหนังของเขา หรือเราเข้าใจเสี้ยวมุมต่างๆ ของคนละแบบที่หนังพยายามสื่อสาร

เช่นเดียวกับซีรีส์อย่าง SOS ที่จะให้เราได้เห็นมุมมองของโรคซึมเศร้า ผ่านการแสดงของเจมส์ ที่รับบทเป็นบู นั่นเอง เป็นอีกวิธีที่ง่ายที่สุดที่เราจะรู้จักผู้ป่วยโรคนี้ผ่านมุมมองการถ่ายทอดของนักแสดงและผู้เขียนบทที่มีการศึกษาและพูดคุย ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง

 

อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้เจมส์รับบทเป็น บู เด็กหนุ่มที่อยู่ในภาวะซึมเศร้า บอกตรงๆ ว่าเราเองก็รอดูว่าจะออกมาเป็นยังไง และรู้สึกว้าวมากๆ กับการแสดงเมื่อได้ดูตอนแรกที่ออกมา ถ้าเรายังติดภาพลักษณ์เด็กหนุ่มเพลย์บอยของเจมส์ จากฮอร์โมน หรือฉลาดเกมส์โกง ลองมาดูเรื่องนี้แล้วเราอาจจะติดภาพลักษณ์ใหม่ ว่าเขาคือบู จริงๆ

ก่อนเล่นเรื่องนี้เจมส์ต้องไปฝึกซ้อมสเก็ตบอร์ดจริงๆ และต้องศึกษาเรื่องโรคซึมเศร้าเยอะมากๆ เพื่อพัฒนาคาแรคเตอร์ของบู รวมถึงยังต้องลดน้ำหนักลงกว่า 8 กิโลกรัม ก่อนถ่ายด้วย

//เรามีโอกาสได้อ่านบทสัมภาษณ์ของเจมส์จากเว็บไซต์ shopspotter เลยจะขออนุญาตนำบางท่อนบางตอนมาให้ทุกคนได้อ่านกัน

โรคซึมเศร้ากับสเก็ตบอร์ดเชื่อมโยงกันยังไงบ้าง ? : เจมส์บอกว่าสิ่งที่เหมือนกันของทั้งสองสิ่งนี้ ก็คือการเอาชนะตัวเอง เพราะกีฬาสเก็ตบอร์ดเป็นกีฬาที่ต้องอยู่กับตัวเอง ต้องฝึกกับตัวเอง มันไม่ได้เป็นกีฬาที่ไว้แข่งกับคนอื่น อีกอย่างสเก็ตบอร์ดก็เป็นกีฬาที่เฉพาะกลุ่มและคนยังไม่ค่อยรู้จักหรือยังไม่ได้เปิดรับ เช่นเดียวกันกับโรคซึมเศร้า

 

นอกจากเจมส์แล้ว นักแสดงอีกคนที่น่าจับตาดูก็คือ โทนี่ รากแก่น ถ้าเจาะลึกไปในด้านบทแล้ว เราว่าโทนี่ในเรื่องนี้ เป็นเหมือนตัวละครที่กระชากบูออกมาจากโลกความเป็นจริง เป็นสีสันในความหม่นหมอง เป็นอีกโลกใหม่อีกด้านสำหรับคนที่เป็นโรคซึมเศร้า

หลังจากดู ep.1 ไปแล้ว เราว่าซีรีส์เรื่องนี้น่าจะช่วยเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า และเข้าใจคนที่เป็นโรคนี้ได้ดียิ่งขึ้น และอาจรู้วิธีรับมือกับมันได้