✅ เช็กฟีเจอร์โซเชียลมีเดียยอดนิยมในไทย “เสียเงิน” แล้วคุ้มไหม เหมาะกับใครบ้าง 🤔
🔴 YouTube
อย่างที่เรารู้กันว่าประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ชื่นชอบการดูวิดีโอผ่าน YouTube เป็นอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นคอนเทนต์เกี่ยวกับความบันเทิง ไม่ว่าจะรายการ ละคร หรือฟังเพลง
ค่าสมัครสมาชิกยูทูปพรีเมี่ยม
มีอยู่ 3 รูปแบบ
- บัญชีบุคคลทั่วไป 159 บาท / เดือน
- บัญชีครอบครัว 299 บาท / เดือน
สามารถเพิ่มสมาชิกได้สูงสุดรวม 5 บัญชี โดยแต่ละคนจะต้องมีอายุ 13 ปีขึ้นไป
- บัญชีนักศึกษา 95 บาท / เดือน
สำหรับบัญชีนักศึกษาจะต้องผ่านการยืนยันสิทธิ์ที่มีการตรวจสอบทุกปี
** สามารถทดลองใช้ได้ฟรี 1 เดือน ซึ่งระบบจะแจ้งให้ทราบ 7 วันล่วงหน้าก่อนสิ้นสุดช่วงทดลองเพื่อเริ่มเก็บเงิน **
จ่ายเงินแล้วได้อะไรบ้าง
- ดูวิดีโอแบบไม่มีโฆษณา > จุดเด่นหลักที่ไม่ว่าใครก็ต้องพ่ายแพ้ เชื่อว่าคงถูกใจใครหลายคนเพราะจะดูได้แบบไม่มีสะดุด ลื่นปรื้ดกันยาว ๆ โดยดูได้บนทุกอุปกรณ์ที่ล็อกอินอีเมลบัญชีเดียวกัน
- เล่นวิดีโอในแบ็คกราวด์ > จากปกติเราต้องค้างหน้าจอยูทูปเพื่อฟังเพลง แต่ถ้าสมัครพรีเมียมสามารถฟังเพลง เสียงคลิปพูดคุยได้ แม้ตอนที่ล็อคหน้าจอโทรศัพท์แล้ว หรือถ้าจะสลับไปเล่นแอปอื่นเสียงก็ไม่ถูกตัด
- ดูวิดีโอออฟไลน์ > ใครไม่ว่างดูตอนนี้! ก็โหลดคลิปเก็บไว้ดูแบบออฟไลน์ได้ ไม่ต้องมานั่งเกร็งว่าเน็ตจะหมดหรือเปล่า
- YouTube Music Premium > คัดสรรเพลงคุณภาพ จัดแต่งเพลย์ลิสต์ตามสไตล์คนฟัง ยูทูปมิวสิคพื้นที่ฟังเพลงฟรีแบบไม่มีโฆษณา มีเพลงให้ฟังเยอะมากกกกกกกก แถมไม่มีคลิปอื่นมาคั่นช็อตฟีลตอนฟังเพลงแน่นอน
- YouTube Originals > หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าสมัครพรีเมียมแล้ว สามารถดูคอนเทนต์พิเศษที่ยูทูบผลิตขึ้นมาเองสำหรับสมาชิกที่เสียเงินเท่านั้น
เหมาะกับใคร ?
- คนที่ชื่นชอบฟังเพลง พอดแคสต์ ดูหนัง หรือเสพคอนเทนต์ยูทูปเป็นชีวิตจิตใจ
- คนที่มีเวลาดูยูทูปมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน ดูวันละหลาย ๆ คลิป
- คนที่ใช้ยูทูปเพื่อการศึกษาหาข้อมูลเป็นจำนวนมาก ช่วยให้สะดวกสบายมากขึ้น ไม่มีโฆษณาคั่น
- คนที่ชอบหาไรฟัง หรือดูเพลิน ๆ ระหว่างขับรถ
- คนที่ชอบเปิดยูทูปกล่อมนอนหลับ
หากยังตัดสินใจไม่ได้ก็ทดลองใช้ฟรี 1 เดือนเป็นอย่างน้อย เพื่อให้เราได้สัมผัสประสบการณ์นั้นด้วยตัวเองว่าสรุปแล้วมียูทูปพรีเมียมแล้วคุ้มค่าไหม ?
ใครที่เป็นชาวทวิตเตี้ยนคงได้เห็นหน้าตาทวิตเตอร์แปลกตากันไปบ้างเล็กน้อย เพราะเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาทวิตเตอร์ได้เปิดบริการ Twitter Blue ในประเทศไทยแล้ว พร้อมให้กดสมัครสมาชิกอย่างเต็มรูปแบบ
ค่าสมัครสมาชิก Twitter Blue
- รายเดือน 275 บาท/เดือน
- รายปี 2,900
** ถ้าสมัครบริการผ่าน Android หรือ iOS นั้นจะต้องบวกค่าบริการเพิ่มขึ้น **
จ่ายเงินแล้วได้อะไรบ้าง ?
- อยู่อันดับต้น ๆ ของการตอบกลับ กล่าวถึง และค้นหา
หลังจากสมัครทวิตเตอร์บลูแล้วชีวิตจะกลายเป็นคนพิเศษทันที เพราะตัวแอปจะจัดให้เราอยู่ตำแหน่งสูงสุด เท่ากับว่าเป็นการเพิ่มโอกาสให้คนอื่นสามารถอ่านสิ่งที่เราเขียน โต้ตอบได้ไวมากขึ้นนั่นเอง
- เห็นโฆษณาน้อยลง
ปกติเวลาเราเล่นทวิตเตอร์มักจะมีแถบโฆษณามากวนใจอยู่บ่อยครั้ง แต่ถ้าสมัครทวิตเตอร์บลูจะได้เห็นโฆษณาน้อยลงเหลือเพียง 50% จากโฆษณาทั้งหมด
- ลงวิดีโอยาวได้ในคุณภาพที่สูงขึ้น
เอาใจเหล่าแฟนคลับที่ชอบลงวิดีโอศิลปิน ด้วยการปรับฟีเจอร์ให้เราลงวิดีโอยาวได้เท่าไหร่ไม่จำกัดในความละเอียดสูงถึง 1080p เพื่อให้ภาพชัด และไม่สูญเสียคุณภาพ
- สามารถแก้ไขทวีตได้
ตอบโจทย์ชาวทวิตเตอร์สุด ๆ ถือเป็นการประหยัดเวลาในการมานั่งลบและลงใหม่ รวมถึงเราสามารถแก้ไขทวีตตัวเองได้ 5 ครั้งในระยะเวลา 30 นาที
- สามารถทวีตข้อความได้ยาวถึง 4,000 ตัวอักษร
สำหรับใครที่ชอบพิมเยอะ ๆ เน้นเล่าเรื่อง มีอะไรมาให้เม้าท์มอยอยู่บ่อยครั้ง ทวิตเตอร์บลูจะเข้ามาช่วยให้เรื่องนี้ง่ายขึ้น เพราะสามารถทวีตข้อความได้ยาวถึง 4,000 ตัวอักษร เรียกได้ว่าไม่ต้องมานั่งกังวล และต่อเทรดยาว ๆ แล้ว
- มีเครื่องหมายถูกสีฟ้าว่ายืนยันตัวตนแล้ว
เป็นการป้องกันและยืนยันบัญชีของเราว่าไม่ใช่การปลอมแปลง ซึ่งใครที่เปลี่ยนชื่อทีหลังอาจจะส่งผลกระทบกับเครื่องหมาย Verified สีฟ้า เพราะมันจะถูกปิดการใช้งาน ไม่ขึ้นหน้าโปรไฟล์ จนกว่าทาง Twitter จะอนุมัติชื่อใหม่ให้
- ใช้ NFT ตั้งรูปโปร์ไฟล์
สามารถเลือก NFT ภาพโปรดของตัวเองได้ ซึ่งจะรองรับไฟล์เฉพาะภาพนิ่ง JPEG และ PNG โดยมีการเพิ่มกรอบไอคอนหกเหลี่ยมให้ต่างจากบัญชีธรรมดาทั่วไป
เหมาะกับใคร
- คนที่ใช้ทวีตเตอร์ในการสร้างคอนเทนต์เพื่อหารายได้
- คนที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก และต้องการ Verified บัญชีของตัวเอง ป้องกันการปลอมแอคเคาท์ในอนาคต
- แบรนด์ที่ต้องการลงโฆษณา หรือโปรโมตสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
โซเชียลมีเดียรายล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวแพ็คเกจสมาชิก “Meta Verified” จากเฟซบุ๊ก เป็นการเปิดให้บริการบางส่วน และบางพื้นที่ สำหรับประเทศไทยคาดว่าจะประกาศให้ใช้บริการเร็ว ๆ นี้
ค่าสมัครสมาชิก Meta Verified
ราคาโดยรวมประมาณ 400-500 บาท
- ใช้งานบนเว็บไซต์ ราคา 414 บาท/เดือน
- ใช้งานบน iOS และ Android ราคา 517 บาท/เดือน
จ่ายเงินแล้วได้อะไรบ้าง ?
- จะได้รับ Blue Badge ยืนยันความน่าเชื่อถือของบัญชี
ปกติแล้วเฟซบุ๊กสามารถขอเครื่องหมายถูกสีฟ้าใช้ได้ฟรี โดยเป็นสัญลักษณ์ทำให้ผู้ติดตามชื่อถือมากขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างฐานแฟนเพจได้อย่างดี
- เพิ่มโอกาสที่ผู้ใช้คนอื่นจะมองเห็นโพสต์รวมไปถึงความเคลื่อนไหวของบัญชีที่มีตราน้ำเงินด้วย
- ปกป้องจากการปลอมแปลงบัญชีผู้ใช้โดยบุคคลอื่น
เป็นการป้องกันความสับสนของผู้ใช้งาน เพื่อไม่ให้หลายคนเข้าใจผิด หรือถูกเข้าใจผิดได้จากแอคเคาท์ปลอมที่ถูกสร้างขึ้น
- สามารถเข้าถึงระบบบริการช่วยเหลือง่ายกว่าบัญชีทั่วไป
นอกจากนี้ยังมีระบบสนับสนุน ทำหน้าที่ช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหา หรือมีข้อสงสัยในการใช้งาน รวมถึงได้รับสติ๊กเกอร์รูปแบบพิเศษตกแต่งคลิปใน Reels และดาว 100 ดวงต่อเดือน
- ลดจำนวนโฆษณาหน้าฟีดลง
ขจัดปัญหาความน่ารำคาญ กังวลใจ ที่ส่งผลต่อความสะดวกสบายในการเล่นเฟซบุ๊ก
เหมาะกับใคร
- เพจเฟซบุ๊กที่มียอดติดตามมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนดัง อินฟลูเอนเซอร์ นักแสดง ศิลปิน เน็ตไอดอล
- แบรนด์ที่ต้องการโปรโมต และสร้างยอดขายในอนาคต
- คนดังที่ต้องการป้องกันการปลอมแปลงบัญชีจากผู้อื่นที่อาจสร้างความเสียหายให้กับตัวเองได้