เรื่องหนักอกหนักใจของชาวฟรีแลนซ์เมื่อจะไปเที่ยวต่างประเทศก็คือ “ไม่มีงานประจำ” ทำให้ไม่มี “จดหมายรับรองการทำงาน” ซึ่งในการขอ Schengen Visa แล้ว อาจจะถูกมองได้ว่าเราจะไม่กลับมาที่ไทยอีก อาจจะหนีบินหายไปเลยก็ได้เมื่อได้วีซ่าแล้ว ชาวฟรีแลนซ์จึงต้องปวดหัวอยู่บ่อย ๆ กับการเตรียมเอกสารขอ Schengen Visa ที่ต้องเตรียมให้เยอะให้แน่นกว่าคนอื่นเป็นไหน ๆ ยิ่งการขอวีซ่า Schengen Visa ที่ปัจจุบันนี้ใช้วิธียื่นกับเอเจนซีอย่าง VFS แล้ว ยิ่งดูจะต้องเตรียมเอกสารให้แน่นไปอีก เพราะไม่มีการสัมภาษณ์ใด ๆ ทางสถานฑูตจะพิจารณาจากเอกสารที่เราส่งไปอย่างเดียวเท่านั้น แต่ไม่ต้องห่วงไป เหล่าฟรีแลนซ์ที่กำลังหาข้อมูลเตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอ Schengen Visa ให้ลองเตรียมเอกสารเหล่านี้ไปด้วยเพื่อความชัวร์ เราเองก็เป็นฟรีแลนซ์ เตรียมเอกสารขอ Schengen Visa เองทุกครั้งและผ่านทุกครั้ง มาดูกันเลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง! นัดวันยื่นเอกสารบนเว็บไซต์ ต้องอธิบายก่อนนะว่าทุกวันนี้ Schengen Visa หรือวีซ่าสำหรับการท่องเทีย่วในประเทศกลุ่ม EU เนี่ยจะไม่ได้ใช้วิธีที่ต้องไปยื่นเอกสารที่สถานฑูตและสัมภาษณ์แล้ว แต่เขาเปลี่ยนมาใช้ระบบยื่นเอกสารผ่านเอเจนซี่ที่ชื่อว่า VFS แทน แล้วเราก็นอนรอฟังผลได้สบาย ๆ เลย ไม่ต้องสัมภาษณ์ให้ยุ่งยาก แต่ข้อเสียก็คือ เราต้องเตรียมเอกสารไปให้ครบและชี้แจงทุกอย่างให้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นก็มีโอกาสที่จะถูกปฏิเสธได้ ขั้นตอนแรกของการขอ Schengen Visa เลยก็คือการเข้าไปยังเว็บไซต์ VFS ของประเทศนั้น ๆ เช่น ถ้าจะขอ Schengen Visa กับประเทศออสเตรีย ก้ให้เข้าไปในเว็บของ VFS ของประเทศออสเตรีย นั่นเอง เสิร์ชหาแบบนี้ได้เลย “VFS ออสเตรีย” จัดการลงทะเบียนต่าง ๆ นัดวันยื่นเอกสาร และเวลายื่นเอกสารได้เลย ง่าย ๆ สบายมาก ถึงเวลาก็เอาเอกสารไปยื่นตามวันเวลาที่นัดไว้ในเว็บได้เลย จะต้องยื่นของประเทศไหนถ้าไปหลายประเทศ? ถ้าไปหลายประเทศจะมีเกณฑ์ในการยื่นแบบนี้ คือ อยู่ทุกประเทศเป็นเวลาเท่า ๆ กัน ให้ยื่นขอ Schengen Visa ที่ประเทศแรกที่เราบินเข้าไป ไปหลายประเทศ และมีประเทศใดประเทศหนึ่งที่อยู่นานที่สุด ก็ให้ยื่นขอ Schengen Visa ที่ประเทศที่อยู่นานที่สุด ไปแค่ประเทศเดียว ก็ไปยื่นที่ประเทศนั้นได้เลย แนบจดหมายแนะนำตัวไปด้วย! ตอนที่เราเข้าไปในเว็บไซต์ของ VFS แต่ละประเทศ เขาก็จะมีเขียนอธิบายไว้ชัดเจนเลยว่าการยื่นขอ Schengen Visa แต่ละประเภทจะต้องเตรียมเอกสารอะไรไปบ้าง ซึ่งส่วนมากชาวฟรีแลนซ์อย่างเรา ๆ หรือนักท่องเที่ยวทั่วไปก็จะขอเป็นวี๋าระยะสั้น หรือประเภท C นั่นเอง เอกสารก็ไม่มีอะไรมาก ดูได้ตามหน้าเว็บเลย แต่ปัญหาของเหล่าฟรีแลนซ์ก็คือ “เราไม่มีใบรับรองการทำงานจากทางบริษัท” ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันสำคัญเลยที่จะทำให้เราผ่านวีซ่าง่ายขึ้น มาดูกันว่าต้องทำยังไง เราใช้วิธียื่นจดหมายแนะนำตัวที่เขียนเองเพิ่มเติมไปด้วย และมีเนื้อหาตามนี้เลย ชื่อสกุล/อายุ/วันเกิด อธิบายว่าตอนนี้เรากำลังทำอาชีพอะไร รายได้มาจากไหนบ้าง (อธิบายให้ละเอียดว่างานของเราต้องทำอะไรบ้าง) เหตุผลที่ต้องการไปยังประเทศที่ยื่นขอ เช่น ต้องการไปเที่ยวพักผ่อน (จริง ๆ ก็ควรบอกแบบนี้ เพราะเรายื่นขอแบบไปเที่ยวระยะสั้น) แพลนคร่าว ๆ ว่าเราจะไปกี่วัน (ทั้งทริปเลย) ไปประเทศไหนบ้าง และเขียนบอกไปว่าให้ดูรายละเอียดที่พักและประเทศที่เราจะไปได้ที่ Travel Plan ที่แนบมา บอกเหตุผลที่เราจะต้องกลับมาที่ไทย สำหรับชาวฟรีแลนซ์ก็อาจจะเป็นต้องกลับมาดูแลกิจการ, กลับมารับงานต่อ, กลับมาผ่อนบ้านผ่อนรถ ต้องดูแลครอบครัวก็ว่าไป ตรงนี้สำคัญมากเพราะถ้ามันไม่หนักแน่นพอ ก็จะถูกปฏิเสธได้ง่าย ๆ เลยแหละ ในกรณีที่ใครจะไปเยี่ยมแฟน หรือเพื่อน แต่!! ไม่มีจดหมายเชิญแบบเป็นทางการ (จดหมายเชิญแบบเป็นทางการคือจดหมายเชิญที่คนที่นู่นต้องไปขอจากเขตหรือจากสถานีตำรวจ) ก็ให้เขียนจดหมายแบบไม่เป็นทางการแล้วส่งมาให้เราไปยื่นพร้อมกับเอกสารของเราด้วย จดหมายจากคนในประเทศนั้น เขียนเองเลย แนะนำตัวเขา แนะนำอาชีพของเขา เหตุผลที่อยากให้เราไปหาเขา เพราะอะไร ถ้าจะไปเที่ยวที่ไหนด้วยกัน เขาต้องเขียนบอกด้วยว่าเขาจะไปที่ไหนกับเราบ้าง วันไหนบ้าง ในจดหมายต้องมีเบอร์โทรติดต่อ และที่อยู่ของเขาชัดเจน ในจดหมายต้องมีลายเซ็นต์ของเขาด้วยนะ แนบหน้า Passport ของเขามา พร้อมสานเซ็นต์นะ สแกนมาก็ได้ แนบทะเบียนบ้านของเขามาด้วย พร้อมลายเซ็นต์จ้า แผนท่องเที่ยวต้องมีครบ! Travel Plan หรือแผนท่องเที่ยวเนี่ย บอกเลยว่าเป็นอะไรที่ต้องละเอียดสุด ๆ ยิ่งเราเป็นฟรีแลนซ์และไปเที่ยวเอง เรายิ่งต้องชี้แจงทุกอย่างให้ชัดเจนที่สุดว่าแต่ละวัน เราจะไปประเทศไหน อยู่ที่ไหน พักที่ไหน ที่อยู่ของที่พักคืออะไร แต่ละวันเราจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ตรงนี้ไม่รู้ว่าคนอื่นทำละเอียดขนาดนี้ไหม แต่เราทำละเอียดมาก ล่าสุดมีเงินไม่เยอะมาก ยื่นขอไป 21 วันก็ผ่านฉลุย น่าจะเพราะเราเขียนแพลนชัดเจนสุด ๆ หลังจากแพลนท่องเที่ยวก็คือแนบใบจองโรงแรม / ใบจองตั๋วเครื่องบินหรือใบจองตั๋วรถไฟต่าง ๆ ไปด้วยจ้า (ทุกอย่างต้องมีชื่อผู้จองอยู่ในนั้นนะ ต้องเป็นชื่อเราหรือคนที่เดินทางด้วยกัน) รายละเอียดที่ควรมีในแผนท่องเที่ยวคือ วันที่ ประเทศที่อยู่ในวันนั้น เมืองที่อยู่ในวันนั้น ชื่อที่พัก/โรงแรมที่เข้าพักในวันนั้น ที่อยู่ของที่พัก/โรงแรมที่พักในวันนั้น สถานที่ท่องเที่ยวที่จะไปในวันนั้น ตัวอย่าง 08 Aug 2019 Country : Austria City : Vienna Hotel : Mango Zero Hotel (แค่ตัวอย่างนะ) Address : (ก็ใส่ที่อยู่ของที่พัก / โรงแรม) Destinations : – St. Stephen’s Cathedral – Vienna State Opera – Schönbrunn Zoo – Dinner at Danube Tower ภาพถ่ายสำหรับยื่นขอ Schengen Visa ตัวนี้บอกเลยว่าไปถ่ายได้เลยที่ศูนย์ VFS ราคาอยู่ที่ 250 บาท ถ่ายแล้วได้เลย จะได้ไม่ต้องไปถ่ายที่อื่นให้วุ่นวาย แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าที่ค่อนข้างเป็นทางการ มิดชิด ไม่โป๊จนเกินไป ใครใส่เสื้อแขนกุดก็ควรหาเสื้อคลุมสีสุภาพใส่ไปด้วย แค่นี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เงินที่ควรมีในบัญชี จริง ๆ ข้อนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างซับซ้อนนะ เพราะแต่ละประเทศจะกำหนดไว้ไม่เหมือนกัน แต่เรามองว่าถ้าจองทุกอย่างแล้ว ทั้งตั๋วเครื่องบินไป-กลับจากไทย ที่พักในแต่ละประเทศ ตั๋วการเดินทางระหว่างทริป ก็คิดว่าควรมีติดบัญชีไว้สักประมาณ 3,000 – 5,000 บาท / วันแบบต่ำ ๆ เลยนะ อย่างถ้าไป 10 วัน ก็ควรมีอยู่ในบัญชีอย่างน้อย 30,000 บาท ถ้าจะให้ดีควรมีมากกว่า 50,000 บาท แต่ในกรณีนี้เราแนะนำให้ให้โทรเช็กกับทาง VFS เองเลยจะดีที่สุด เขาแนะนำดีมาก พนักงานทกคนน่ารักจริง ๆ สรุปแล้วการขอ Schengen Visa แบบชาวฟรีแลนซ์มันจะไปหนักตรงที่การเตรียมเอกสารส่วนตัวอย่างการ “เขียนจดหมายแนะนำตัว” ที่ต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษล้วน ๆ และทุกอย่างต้องครบถ้วนเพื่อให้เขาอ่านแล้วเข้าใจเลยในแผ่นเดียวว่าเราจะไปทำไม ไปกี่วัน ต้องกลับมาไทยแน่ ๆ เพราะอะไร รวม ๆ แล้วการเตรียมเอกสารตามนี้จะทำให้ชาวฟรีแลนซ์แบบเรา ๆ ขอวีซ่าเที่ยวยุโรปผ่านได้อย่างแน่นอน!