เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับ Apple special event 2017 ซึ่งครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งไหนๆ เพราะจัดงานขึ้นที่ Steve Jobs Theater ซึ่งเป็นฮอลล์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึง Steve Jobs นั่นเอง
และเมื่อคืนที่ผ่านมา นอกจากจะเปิดตัวสินค้าประจำปีอย่าง iPhone8 ที่ทุกคนรอกันแล้ว ก็ยังมี iPhone รุ่นใหม่สำหรับครบรอบ 10 ปี iPhone ในชื่อ “iPhone X” (อ่านว่า ไอโฟนเท็น) เรียกว่าสินค้าอื่นๆ ต้องชิดซ้ายให้กับเจ้าตัวนี้เลย รายละเอียดจะเป็นยังไงมาดูกัน
มาดูสรุปข้อมูลของงานเมื่อวานได้ที่นี่เลย
- iPhone8, iPhone8 Plus และ iPhoneX !!
- ระบบ Animoji ฟังก์ชันใหม่สุดคิ้วท์ของ iPhone X
- Apple Watch Series 3
- Apple TV ความคมชัดระดับ 4K
-
AirPower ที่ชาร์จไร้สาย
iPhone 8 และ iPhone 8 Plus
- ดีไซน์ : คล้ายกับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แต่เปลี่ยนวัสดุด้านหลังจากอะลูมิเนียมเป็นกระจก เพื่อรองรับระบบชาร์จไร้สาย
- ขนาด : จอขนาดเท่าเดิม
- มี 3 สี : Silver, Space gray, Gold finish
- ใช้เทคโนโลยี Retina HD ที่มีเทคโนโลยี True Tone พร้อมปรับหน้าจอให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ และจอรองรับ wide color gamut ทำให้ได้สีที่สมจริงและสดมากขึ้น ลำโพงดังขึ้น 25% และให้เสียงเบสลึกขึ้น
กล้อง iPhone 8
- กล้องหลัง : 12 ล้านพิกเซล, ระบบเซนเซอร์ที่ใหญ่และเร็วขึ้น, สามารถประมวลผลพิกเซลขั้นสูง, ออโต้โฟกัสที่เร็วขึ้นในที่แสงต่ำ, ภาพถ่าย HDR ที่ดียิ่งขึ้น, True Tone Flash, ระบบ Slow Sync ทำให้ได้แสงที่ดียิ่งขึ้น ภาพมีชีวิตชีวา, สีที่สมจริงมากขึ้น
- กล้องรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps และแบบ Slo-Mo รองรับการถ่ายที่ 1080p ถึง 240fps
- iPhone 8 และ iPhone 8 Plus รองรับระบบชาร์จแบตเตอรี่ไร้สาย
ราคา iPhone 8
- [iPhone 8 64GB] ราคา 699 ดอลลาร์ (ประมาณ 23,000 บาท)
- [iPhone 8 256GB] ราคา 849 ดอลลาร์ (ประมาณ 28,000 บาท)
- [iPhone 8 Plus 64GB] ราคา 799 ดอลลาร์ (ประมาณ 26,000 บาท)
- [iPhone 8 Plus 256GB] ราคา 949 ดอลลาร์ (ประมาณ 32,000 บาท)
iPhone X
- วัสดุ : ทำจากกระจกและสแตนเลส
- ดีไซน์ : หน้าจอไร้ขอบ ไม่มีปุ่มโฮม มาพร้อมจอใหม่ Super Retina Display ความละเอียด 458 พิกเซลต่อตารางนิ้ว ขนาด 5.8 นิ้ว
- กันน้ำและฝุ่น
- ระบบปลดล็อก : สแกนด้วยใบหน้า ถอดปุ่มโฮมและระบบ Touch ID ทิ้ง
- มี 2 สี : Space Gray และ Silver
กล้อง iPhone X
- กล้องหลัง : 12 ล้านพิกเซล เป็นกล้องคู่ F1.8 และ 2.4 เซ็นเซอร์ใหญ่กว่าเดิม รองรับ Optical Image Stablization
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 4k ที่ 60 FPS เหมือนกับ iPhone 8
- กล้องหน้า : ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้, รองรับ Low Light Portrait เหมือนกับกล้องหลัง
Face ID
- ฟีเจอร์ใหม่ ใช้ประมวลผลใบหน้าของเราเพื่อปลดล็อกเครื่องและขั้นตอนต่างๆ เหมือนกับ Touch ID โดยจะเป็นการประมวลผลชั้นสูง ทำให้ไม่สามารถถูกปลอมแปลงได้ และไม่สามารถสแกนหน้าบนภาพถ่ายได้
- Face ID จะใช้การฉายแสงอินฟาเรดไปที่หน้า ซึ่งสามารถใช้งานได้แม้อยู่ในที่มืดหรือที่แสงน้อย
Animoji
นอกจากจะใช้งาน A11 Bionic กับ Face ID แล้ว แอปเปิ้ลยังนำมาใช้เป็นเทคโนโลยีจับสีหน้าและการเคลื่อนไหวต่างๆ บนใบหน้าเรา มาสร้างเป็น animation ให้กับ Emoji ได้ด้วย เหมือนเราแสดงผลใบหน้าผ่านอิโมจินั่นเอง ซึ่งสามารถบันทึกเป็นวิดิโอ และไฟล์เสียงสำหรับส่งผ่าน iMessage ได้ด้วย
ราคา iPhone X
- [iPhone X 64 GB] ราคา 999 ดอลลาร์ (ประมาณ 33,000 บาท)
- [iPhone X 256 GB] ราคา 1,149 เหรียญ (38,000 บาท)
- เปิดให้จองวันที่ 27 ตุลาคม ใน 55 ประเทศ, วางขายจริงวันที่ 3 พฤศจิกายน
Apple Watch Series 3
Cellular
- เชื่อมต่อเครือข่ายได้ในตัว ไม่ต้องพก iPhone ไว้ใกล้ๆ เหมือนรุ่นก่อน
- โดยซิมการ์ดเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ สามารถใช้รับโทรศัพท์เบอร์เดียวกับ iPhone ได้
- รองรับการสตรีมมิ่งเพลงจาก Apple Music ซึ่งบรรจุเพลงไว้กว่า 40 ล้านเพลง
- หน่วยประมวลผล Dual-core เร็วขึ้น 70%
- ชิพใหม่ Apple W2 ช่วยประหยัดไฟและเชื่อมต่อ Wi-Fi, Bluetooth ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ขนาดเท่ากับ Apple Watch Series 2
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ทั้งวันเหมือนเดิม
ราคา
- Apple Watch Series 3 รุ่นไม่มี Cellular ราคา 329 ดอลลาร์
- Apple Watch Series 3 รุ่นมี Cellular ราคา 399 ดอลลาร์
- (Series 1 ยังวางขายราคาเดิมที่ 249 ดอลลาร์)
AirPower ที่ชาร์จไร้สาย
- ที่ชาร์จไร้สายที่สามารถชาร์จอุปกรณ์พร้อมกันได้ ทั้ง iPhone, Apple Watch และ AirPods
- ในเว็บ Apple บอกว่าจะวางจำหน่ายในปี 2018
Apple TV ความคมชัดระดับ 4K
- Apple TV รุ่นใหม่ มาพร้อมกับฟีเจอร์รองรับความละเอียดภาพระดับ 4K และเทคโนโลยีภาพแบบ HDR ที่จะทำให้ได้สีภาพที่สดขึ้น มีเฉดสีที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อทำให้ภาพได้ทั้งรายละเอียดในด้านพิกเซลและในด้านสี ภาพจาก Apple TV รุ่นใหม่จึงทั้งชัด, ดูมีชีวิตชีวา
- ใช้ชิพ Apple A10X Fusion (เหมือน iPad Pro) ซีพียูแรงขึ้น 2 เท่า กราฟิกแรงขึ้น 4 เท่า
- ภาพยนตร์แบบ 4K HDR เราสามารถหาซื้อได้จาก iTunes Store และถ้าใครที่ซื้อภาพยนตร์ไปก่อนหน้า ถ้าหนังเรื่องนั้นๆ รอบรับ 4K HDR จะสามารถดาวน์โหลดใหม่ได้เลยไม่เสียเงินเพิ่ม (แอปอื่น ๆ นอกจาก itune store เช่น Amazon Prime Video และ Netflix ก็รองรับ 4K HDR เช่นกันจ้า)
ราคา
- [Apple TV 4K /32GB] ราคา 179 ดอลลาร์
- [Apple TV 4K /64GB] ราคา 199 ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก macthai