[9/10] รีวิว ‘Wonder Woman’ Wonder Woman คือภาพยนตร์ฮีโร่เรื่องล่าสุดของ DC และเป็นหนังฮีโร่หญิงเรื่องแรกในรอบสิบกว่าปี นับตั้งแต่ Catwoman (ปี 2004) ฮีโร่ของ DC และ Elektra (ปี 2005) ฮีโร่ของ Marvel การกลับมาของ Wonder Woman ในฐานะหนังฮีโร่ของ DC ที่เข้ามาดูแลการสร้างจักรวาลเองนั้นน่าสนใจแค่ไหน เราไปดูมาแล้ว และนี่คือรีวิว! เรื่องย่อของ Wonder Woman ย้อนไปยังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งเป็นยุคที่เจ้าหญิงไดอาน่า มนุษย์ที่มีพลังของเหล่าทวยเทพเติบโตเป็นหญิงสาวหน้าตาสวย แกร่ง สง่า แห่งเผ่าอเมซอน ก่อนจะมาเข้าร่วมทีม Jestice League เจ้าหญิงไดอาน่า บังเอิญเข้ามาเกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่ 1 หลังจากที่ ‘ผู้พันสตีฟ เทรเวอร์’ สายลับจากอังกฤษ หนีการตามล่าจากทหารนาซี โดนยิงเครื่องบินจนตกมาในเกาะเธอมิสซิร่า จนได้ชาวอเมซอน ช่วยไว้ ไดอาน่า และชาวอเมซอน ทราบข่าวว่าโลกด้านนอกกำลังจะมีสงครามที่ล้างชีวิตมนุษย์ ซึ่งตรงกับคำทำนายของชาวอเมซอน ว่าเทพแห่งสงครามเอเรส ศัตรูของชาวอเมซอน จะกลับมาจุติอีกครั้ง และทำให้เกิดความปั่นปวนในโลกมนุษย์ด้วยสงคราม เธอจึงขอฮิปโพลิต้า ราชินีชาวอเมซอน ที่เป็นแม่และผู้สร้างเธอจากดินออกจากเกาะไปพร้อมกับสายลับหนุ่ม (เด็กใจแตกหนีตามผู้ชายชัดๆ อ่ะ ล้อเล่นนนน) เพื่อไปปราบเเอเรส เพื่อหยุดยั้งสงคราม ภารกิจยุติสงคราม และปราบเทพแห่งสงคราม โดยเป็นความร่วมมือระหว่างมนุษย์ และมนุษย์ครึ่งเทพ จึงเริ่มต้นขึ้น และเป็นตำนานบทแรกที่ฮีโร่สาวคนแรกของกลุ่ม JL เปิดตัว ลำดับเรื่องราว และสร้างประเด็นเชื่อมต่อกับจักรวาลฮีโร่ได้ดี บอกได้เลยว่าหนังเรื่องนี้มีดีที่การเล่าเรื่องราว และสร้างประเด็นเพื่อบอกว่าทำไมสาวสวยแห่งอเมซอน คนนี้ถึงต้องออกไปผจญภัยบนโลกกว้างทั้งๆ ที่อยู่บนเกาะสวรรค์ของเธอก็มีความสุขแล้ว ไม่ต้องออกไปสู้กับวายร้าย แต่หนังก็ได้บอกแล้วว่านี่คือชะตากรรม ที่นักรบอเมซอน อย่างเธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นเราจึงได้เข้าใจว่าทำไม เธอถึงต้องออกมาปกป้องมนุษย์ในฐานะตัวแทนแห่งเทพ ในช่วงแรกเธออาจจะออกไปต่อสู้ด้วยความไร้เดียงสา มีเพียงเป้าหมายเดียวที่เธอเข้าใจด้วยตัวเองว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นคือชะตากรรมที่ยิ่งใหญ่เพียงเรื่องเดียว ตามประสาหญิงสาวเพิ่งที่เติบโต แม้จะฉลาดเรียนรู้ทุกสรรพศาสตร์บนโลกมากมาย และเก่ง ทว่าในความเป็นจริงเธอยังไร้เดียงสา ด้อยประสบการณ์ จนต้องถูกขัดเกลาด้วยความจริง เธอจึงได้เข้าใจว่าโลกไม่ได้มีด้านเดียว นับว่าเป็นหนังฮีโร่ที่โคตรใส่ประเด็นอย่างลึกซึ้งมาก และมากกว่าทุกเรื่องของ DC ที่ผ่านมาซึ่งประเด็นเหมือนจะหนัก แต่เอาเข้าจริงกลับเบาหวิว เสน่ห์ของเกล กาดอท ทำเอาตราตรึง ตั้งแต่วันที่เห็นเกล กาดอท ในชุด Wonder Woman ที่โผล่มาใน Batman v Superman เชื่อเลยว่าไม่มีใครปฏิเสธนักแสดง และนางแบบสาวคนนี้แน่นอนถึงความเหมาะสมที่จะรับบทนี้ ซึ่งก็จริง เกล กาดอท เป็นผู้หญิงที่สวยสง่า แข็งแกร่ง ดุดัน และอ่อนโยนตรงกับคาแรคเตอร์ที่เธอได้รับจริงๆ เห็นแว้บแรกเราเชื่อเลยว่าเธอเหมาะสมอีกทั้งการแสดงของเธอก็เป็นที่ประจักษ์ ในความสามารถ ที่ผ่านมาหากใครเคยติดตามผลงานของเกล มาก่อนจะพบว่าเธอเคยอยู่ในฐานะนางงามอิสลาเอล ที่ใช้ความเซ็กซี สร้างผลงานให้คนจดจำในเชิงนั้น ทว่าพอมารับบทวันเดอร์ วูแมน เราลืมลุคเหล่านั้นของเธอไปสนิท ลบภาพนางแบบที่เคยถ่ายภาพหวิว แล้วได้ความจำใหม่เข้ามาทดแทนว่าเธอคือเจ้าหญิงไดอาน่า และฮีโร่สาวที่สวยสง่าเข้ามาแทน เสน่ห์ของเกล กาดอท ทำเอาตราตรึง ตั้งแต่วันที่เห็นเกล กาดอท ในชุด Wonder Woman ที่โผล่มาใน Batman v Superman เชื่อเลยว่าไม่มีใครปฏิเสธนักแสดง และนางแบบสาวคนนี้แน่นอนถึงความเหมาะสมที่จะรับบทนี้ ซึ่งก็จริง เกล กาดอท เป็นผู้หญิงที่สวยสง่า แข็งแกร่ง ดุดัน และอ่อนโยนตรงกับคาแรคเตอร์ที่เธอได้รับจริงๆ เห็นแว้บแรกเราเชื่อเลยว่าเธอเหมาะสมอีกทั้งการแสดงของเธอก็เป็นที่ประจักษ์ ในความสามารถ ที่ผ่านมาหากใครเคยติดตามผลงานของเกล มาก่อนจะพบว่าเธอเคยอยู่ในฐานะนางงามอิสลาเอล ที่ใช้ความเซ็กซี สร้างผลงานให้คนจดจำในเชิงนั้น ทว่าพอมารับบทวันเดอร์ วูแมน เราลืมลุคเหล่านั้นของเธอไปสนิท ลบภาพนางแบบที่เคยถ่ายภาพหวิว แล้วได้ความจำใหม่เข้ามาทดแทนว่าเธอคือเจ้าหญิงไดอาน่า และฮีโร่สาวที่สวยสง่าเข้ามาแทน ฉากต่อสู้สนุกตามสไตล์ DC หากฉากต่อสู้ในหนังของ Marvel คือความเคลียร์ชัดเจนเน้นตีกันตอนกลางวัน หนังของ DC จะทำตรงกันข้ามคือเน้นซัดกันในตอนกลางคืน หรือช่วงฟ้าสลัวๆ รวมถึงหนังเรื่องนี้ด้วยฉากแอคชั่นเกือบทั้งหมดของเรื่องเกิดขึ้นในช่วงแสงน้อย ซึ่งเราไม่ได้ตำหนิอะไร แต่อยากจะบอกว่าฉากแอคชั่นทำได้สวย และดีงาม ดูเป็นฉากแอคชั่นที่ดึงดูด สนุก และเท่ ด้านฉากต่อสู้ หากใครที่เคยเห็นภาพการต่อสู้ของ Wonder Woman กับ Doomday แล้วเห็นสเกลพลังของเธอก็ต้องอ้าปากค้างเป็นธรรมดา แล้วในภาคนี้การต้องสู้กับมนุษย์ธรรมดา Wonder Woman จะทำยังไงให้ไม่เหนือกว่ามาก รวมถึงหาใครมาต่อกรกับเธอ ต้องบอกว่าผู้กำกับสาว ‘แพตตี้ เจนกินส์’ (เรื่องนี้ผู้กำกับเป็นผู้หญิงนะจ๊ะ) เหมือนจะรู้และใส่บางอย่างมาเพื่อเฉลยข้อสงสัยแล้ว (ไม่บอกไปดูเอาเองรับรองส่าเคลียร์ในประเด็นนี้) อีกอย่างภาพของ Wonder Woman (ซึ่งในหนังไม่เคยเรียกชื่อตัวละครตัวนี้ว่า Wonder Woman เลย) เป็นมนุษย์ครึ่งเทพ ดังนั้นการแสดงฉากแอคชั่นก็ทำออกมาได้อย่างดีสมกับความเป็นสาวมหัศจรรย์พลังเทพ ผ่านการแสดงของเกล กาดอท ที่ทำออกมาให้เห็นว่าหญิงสาวที่แข็งแกร่งในแบบเทพ และฮีโร่ควรจะเป็นอย่างไร ขณะเดียวกันฉากโรแมนติค น่ารักเธอก็ปรับโทนอารมณ์ได้ดูมีความเป็นมนุษย์สุดๆ มีความตลก และโรแมนติค ภาพลักษณ์ของหนังฮีโร่ อาจจะเป็นหนังที่เน้นแอคชั่น และตลก แต่ Wonder Woman เลือกที่จะเสริมความโรแมนติคเข้าไปด้วย สำหรับคนที่เป็นคอหนังฮีโร่ ก็จะพอรู้อยู่แล้วว่าสตีฟ เป็นคนรักคนแรกของเธอ ดังนั้นในหนังเราจึงได้เห็นฉากพูดคุย หยอกเย้ากันด้วยคำพูดคมๆ ที่แฝงด้วยความโรแมนติค หลายฉากทำเอาเราเขิน และอิจฉาสตีฟ มากๆ (เว้ยยยย อิจฉา) ส่วนมุกตลก ที่เห็นในตัวอย่างนั้นน่ะแค่ส่วนน้อย เอาเข้าจริงๆ ฉากตลกใน Wonder Woman นั้นมีให้เห็นในหลายฉาก อาจจะไม่โฉ่งฉ่างในแบบสไตล์ Marvel แต่ก็กลมกล่อมน่ารักกำลังดีไม่ฮา แต่ได้รอยยิ้ม มีความตลก และโรแมนติค ภาพลักษณ์ของหนังฮีโร่ อาจจะเป็นหนังที่เน้นแอคชั่น และตลก แต่ Wonder Woman เลือกที่จะเสริมความโรแมนติคเข้าไปด้วย สำหรับคนที่เป็นคอหนังฮีโร่ ก็จะพอรู้อยู่แล้วว่าสตีฟ เป็นคนรักคนแรกของเธอ ดังนั้นในหนังเราจึงได้เห็นฉากพูดคุย หยอกเย้ากันด้วยคำพูดคมๆ ที่แฝงด้วยความโรแมนติค หลายฉากทำเอาเราเขิน และอิจฉาสตีฟ มากๆ (เว้ยยยย อิจฉา) ส่วนมุกตลก ที่เห็นในตัวอย่างนั้นน่ะแค่ส่วนน้อย เอาเข้าจริงๆ ฉากตลกใน Wonder Woman นั้นมีให้เห็นในหลายฉาก อาจจะไม่โฉ่งฉ่างในแบบสไตล์ Marvel แต่ก็กลมกล่อมน่ารักกำลังดีไม่ฮา แต่ได้รอยยิ้ม เข้าใจความเป็น Feminist ใน Wonder Woman แต่เดิมจุดกำเนินของ Wonder Woman คือการสร้างฮีโร่หญิงที่เป็นตัวแทนของความเป็น Feminist การกำเนิด พลังวิเศษ ไอเทมที่เธอมีสื่อถึงความเป็นพลังของหญิงสาวทั้งนั้น ซึ่งในหนังก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเธอว่า wonder Woman ในหนังใหญ่คงคาแรคเตอร์จากต้นกำเนิดไว้ได้ทั้งหมด ผ่านการดำเนินเรื่องที่ค่อยๆ ทำให้เรามองเห็นมุมมองเรื่องสตรีนิยมของเธอที่ชัดเจน ไม่ได้สุดโต่ง แต่มีเหตุผลว่าทำไม (ไม่สปอยล์ ไปดูเองเถอะ) Wonder Woman ทำให้ DC มีความหวัง ก่อนหน้านั้น DC Comic ตัดสินใจสร้างหนังจากการ์ตูนฮีโร่ ที่ตัวเองถือลิขสิทธิ์เองทั้งหมดเหมือนที่ค่าย Marvel ออกลุยสร้างจักรวาลไปก่อนหน้าเกือบสิบปี (รู้สึกตัวช้าจังนะ DC) ซึ่ง DC เริ่มจากรีบูท Superman รวมถึงสร้างหนังฮีโร่ตีกันอย่าง Batman v Superman และสร้างหนังวายร้ายรวมกันทำภารกิจอย่าง Suicide Squad ผลปรากฎว่า…ทั้งหมดโดนสับเละเทะ Wonder Woman เลยถูกจับตาเป็นพิเศษ เพราะในภารกิจสร้างจักรวาลฮีโร่ของ DC นั้นยังไม่มีหนังเรื่องไหนโดนเลย แถมเบื้องหลังหนังฮีโร่หลายเรื่องก็เหมือนจะมีดราม่าอีกผู้กำกับถอนตัว นักแสดงเบอร์ใหญ่ก็เหมือนจะไม่เอาด้วย แต่แล้ว Wonder Woman ที่เปิดตัวมาด้วยตัวอย่างที่โคตรดี ก็ทำให้แฟนคลับค่ายนี้เริ่มจะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ว่า DC รอดแล้ว ซึ่งก็จริงอย่างที่เราเล่าไปก่อนหน้า หนังฮีโร่สาวที่หลายคนปรามาสว่าไม่น่ารอด เพราะประวัติที่ผ่านมา Wonder Woman ที่โดนสร้างมาทั้งซีรีส์ และหนังใหญ่ก็ดังเมื่อเทียบกับฮีโร่ชายเดี่ยว การสร้างฮีโร่หญิงไม่คอ่ยประสบความสำเร็จเลยเป็นของแสลงไปเลย แต่กับ Wonder Woman ฉบับนี้นั้นแตกต่าง ไม่รีบร้อนเล่าเรื่อง ไม่ใส่ฉากแอคชั่นที่ไม่จำเป็น ไม่มีจุดเปลี่ยนที่เหมือนไม่ตั้งใจถูกใส่เข้ามา มีความตลก โรแมนติค อย่างที่ควรจะเป็น คือพยายามจะหาจุดด่าและการจับผิดซึ่งก็มีบ้างในช่วงต้น แต่พอดูไปทั้งหมดครบองค์รวม เราไม่รู้จะเอาอะไรไปตำหนิจริงๆ เรียกว่าอวยก็ใช่ แต่เป็นการอวยที่มีเหตุผลจริงๆ Wonder Woman ทำให้ DC มีความหวัง ก่อนหน้านั้น DC Comic ตัดสินใจสร้างหนังจากการ์ตูนฮีโร่ ที่ตัวเองถือลิขสิทธิ์เองทั้งหมดเหมือนที่ค่าย Marvel ออกลุยสร้างจักรวาลไปก่อนหน้าเกือบสิบปี (รู้สึกตัวช้าจังนะ DC) ซึ่ง DC เริ่มจากรีบูท Superman รวมถึงสร้างหนังฮีโร่ตีกันอย่าง Batman v Superman และสร้างหนังวายร้ายรวมกันทำภารกิจอย่าง Suicide Squad ผลปรากฎว่า…ทั้งหมดโดนสับเละเทะ Wonder Woman เลยถูกจับตาเป็นพิเศษ เพราะในภารกิจสร้างจักรวาลฮีโร่ของ DC นั้นยังไม่มีหนังเรื่องไหนโดนเลย แถมเบื้องหลังหนังฮีโร่หลายเรื่องก็เหมือนจะมีดราม่าอีกผู้กำกับถอนตัว นักแสดงเบอร์ใหญ่ก็เหมือนจะไม่เอาด้วย แต่แล้ว Wonder Woman ที่เปิดตัวมาด้วยตัวอย่างที่โคตรดี ก็ทำให้แฟนคลับค่ายนี้เริ่มจะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ว่า DC รอดแล้ว ซึ่งก็จริงอย่างที่เราเล่าไปก่อนหน้า หนังฮีโร่สาวที่หลายคนปรามาสว่าไม่น่ารอด เพราะประวัติที่ผ่านมา Wonder Woman ที่โดนสร้างมาหลายเวอร์ชั่นทั้งซีรีส์ และหนังใหญ่ก็ดังเมื่อเทียบกับฮีโร่ชายเดี่ยว การสร้างฮีโร่หญิงไม่คอ่ยประสบความสำเร็จเลยเป็นของแสลงไปเลย แต่กับ Wonder Woman ฉบับนี้นั้นแตกต่าง ไม่รีบร้อนเล่าเรื่อง ไม่ใส่ฉากแอคชั่นที่ไม่จำเป็น ไม่มีจุดเปลี่ยนที่เหมือนไม่ตั้งใจถูกใส่เข้ามา มีความตลก โรแมนติค อย่างที่ควรจะเป็น คือพยายามจะหาจุดด่าและการจับผิดซึ่งก็มีบ้างในช่วงต้น แต่พอดูไปทั้งหมดครบองค์รวม เราไม่รู้จะเอาอะไรไปตำหนิจริงๆ เรียกว่าอวยก็ใช่ แต่เป็นการอวยที่มีเหตุผลจริงๆ สรุป Wonder Woman 9/10 เอาไปเลย อยากจะให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำแต่กลัวโดนด่าว่าอวย เนื้อเรื่องดี สนุก สมเหตุสมผล ดูแล้วมีความตั้งใจ เกล กาดอท โคตรดีงาม ส่วนคริส ไพน์ ก็โดดเด่นไม่ทำให้ตัวเองโดนรัศมีนางเอกกลบ แพตตี้ เจนกินส์ ผู้กำกับที่เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำหนังฮีโร่ยุคใหม่ (นับตั้งแต่ Marvel และ DC เปิดจักรวาลฮีโร่ด้วยตัวเอง) ได้สนุกมากกก ชุดเกราะสวยงาม ลืมภาพลักษณ์ Wonder Woman ฮีโร่เพื่อนหญิงพลังหญิงของอเมริกาไปเลย เพราะเธอเป็นฮีโร่ที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงทั้งโลกมากกว่า อ้อ…ไม่มีเอนเครดิต เกล กาดอท 95.99% นักแสดงอื่นๆ 80% บท 85% เพลงประกอบ 80% ความสวยงามของฉาก 85% คะแนนรวม 90%