[7/10] รีวิว What Happened to Monday ในโลกที่ประชากรล้นโลก ผู้คนแย่งกันใช้ทรัพยากรที่มีจำกัด วิธีที่จะหยุดการสูญพันธ์อย่างบ้าคลั่งของมนุษย์ที่นักการเมืองและนักวิทยาศาสตร์คิดได้ก็คือ.. การตั้งนโยบายลูกคนเดียว แต่ในช่วงเริ่มต้นเด็กที่เป็นลูกคนที่สองหรือคนที่สาม จะทำยังไงล่ะ? ต้องตายไปเลย? หรือว่าพ่อแม่จะเลือกซ่อนเด็กๆ ไว้ดี? ‘What Happened to Monday’ เป็นหนังที่เล่าเกี่ยวกับโลกอนาคตที่จำนวนคนเกิดเยอะมากๆ จนถ้าผู้นำไม่จัดการปัญหานี้ อาจกลายเป็นยุคที่โลกต้องสิ้นสลาย โดยนักการเมืองก็ตั้งนโยบายลูกคนเดียวขึ้นมา ส่วนเด็กที่เป็นลูกคนรองก็สามารถส่งมาแช่แข็งไว้ก่อนได้ เพื่อรอวันที่โลกเราพร้อมมากกว่านี้ (เอ๊ะ วันไหนกันนะ) ในช่วงการปรับเปลี่ยนก็มีหลายครอบครัวที่ไม่โอเค และเลือกจะหลบซ่อน รวมไปถึงครอบครัวเซ็ตต์แมน (Settman) ที่โชคร้ายหนักเป็นแฝดผู้หญิงเจ็ดคน ทุกคนมีหน้าตารูปร่างเหมือนกันหมด แต่ผู้เป็นแม่เสียชีวิตระหว่างคลอด คุณตาเลยต้องรับเลี้ยงเด็กๆ ทั้งหมดไว้เอง ในช่วงการปรับเปลี่ยนก็มีหลายครอบครัวที่ไม่โอเค และเลือกจะหลบซ่อน รวมไปถึงครอบครัวเซ็ตต์แมน (Settman) ที่โชคร้ายหนักเป็นแฝดผู้หญิงเจ็ดคน ทุกคนมีหน้าตารูปร่างเหมือนกันหมด แต่ผู้เป็นแม่เสียชีวิตระหว่างคลอด คุณตาเลยต้องรับเลี้ยงเด็กๆ ทั้งหมดไว้เอง เด็กๆ ทั้งหมดถูกสอนวิธีการใช้ชีวิตในโลกที่กฏระเบียบมากมาย และเติบโตมาโดยมีลักษณะนิสัยในบ้านเป็นของตัวเอง แต่เมื่อออกนอกบ้านทุกคนต้องเป็น ‘แคเรน เซ็ตต์แมน’ โดยการออกจากบ้านก็ตามชื่อของเธอที่ตรงกับชื่อวันเลย วันจันทร์ อังคาร พุธ.. ไปเรื่อยๆ พอดีเจ็ดคน แต่เรื่องมันกลับตาลปัตรขึ้น เมื่อ Monday หายไป ไม่กลับบ้าน เธอหายไปไหนกันนะ? เป็นไปได้ไหมว่าประชากรจะล้นโลก? จากที่เราได้ลองดูสถิติจำนวนประชากรของปี 2016 มา จะพบว่าปัจจุบันอัตราการเกิดลดลงมากๆ ในขณะที่ประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีประชากรวัยทำงานลดลง.. แสดงว่าโลกในหนังกับปัจจุบันมันต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ก็แน่นอนอีกแหละว่าสถิติเหล่านี้มันมีขึ้นและลงอยู่เรื่อยๆ ในอีกร้อยปีข้างหน้าประชากรอาจล้นโลกจริงๆ ก็ได้ แต่ในเมื่อวันนี้มันยังไม่ใช่ การที่หนังปูเรื่องด้วยสถิติประชากรล้นโลกมา..สำหรับเรามันเลยเหมือนเป็นสารที่บอกว่า ‘ดูให้สนุกนะ ไม่ต้องกลัว เพราะเรื่องในหนังมันยังไม่เกิดขึ้นจริงหรอก ดูให้เอ็นเตอร์เทนไปเลย อย่าคิดมาก’.. ตลอดเวลาที่ดูเราเลยสนุกสนานกับมัน ไม่ได้ติดความไม่สมเหตุสมผล(ที่มีเยอะมาก)ของบท เป็นไปได้ไหมว่าประชากรจะล้นโลก? จากที่เราได้ลองดูสถิติจำนวนประชากรของปี 2016 มา จะพบว่าปัจจุบันอัตราการเกิดลดลงมากๆ ในขณะที่ประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีประชากรวัยทำงานลดลง.. แสดงว่าโลกในหนังกับปัจจุบันมันต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ก็แน่นอนอีกแหละว่าสถิติเหล่านี้มันมีขึ้นและลงอยู่เรื่อยๆ ในอีกร้อยปีข้างหน้าประชากรอาจล้นโลกจริงๆ ก็ได้ แต่ในเมื่อวันนี้มันยังไม่ใช่ การที่หนังปูเรื่องด้วยสถิติประชากรล้นโลกมา..สำหรับเรามันเลยเหมือนเป็นสารที่บอกว่า ‘ดูให้สนุกนะ ไม่ต้องกลัว เพราะเรื่องในหนังมันยังไม่เกิดขึ้นจริงหรอก ดูให้เอ็นเตอร์เทนไปเลย อย่าคิดมาก’.. ตลอดเวลาที่ดูเราเลยสนุกสนานกับมัน ไม่ได้ติดความไม่สมเหตุสมผล(ที่มีเยอะมาก)ของบท หนังที่นักแสดงคนเดียวต้องเล่นถึง 7 บทบาท พวกเราคงเคยดูหนังแนวนี้กันมาบ้างแล้วล่ะ อย่าง Split (2016) ที่ James McAvoy ได้รับบทบาทชายโรคจิตที่มีถึง 23 บุคลิกในตัวคนเดียว ซึ่งเขาก็ทำให้เราทึ่งกับการแสดงที่ฉีกตัวเองออกมาในทุกๆ บทบาท จนเราเชื่อว่าหนังเรื่องนี้มันมีนักแสดงนำหลายคนจริงๆ กลับมาที่ Noomi Rapace ใน What Happened to Monday เธอทำได้ดีมากๆ จนบทหนังที่ไม่มีมิติ ถูกทำให้เป็นยิ่งกว่า 7 มิติ เพราะตัวละครทุกตัว ตั้งแต่ Monday จนถึง Sunday สามารถฉีกบุคลิกและมีจุดเด่นเป็นของตัวเองอย่างชัดเจน จนคนดูไม่ต้องนึกก็จำได้ว่าไอตัวนี้คือชื่อนี้นี่แหละ ซึ่งรวมไปถึงนักแสดงเด็กที่เล่นเป็นแคเรนในวัยเด็กด้วย น้องน่ารักและแสดงได้ดีมากๆ ด้วย บทมันกากขนาดนั้นเลยหรอ? เราคิดว่าคนเขียนต้องคิดออกมาเยอะพอสมควรแหละ แต่เส้นเรื่องมันต้องปูให้คนดูเข้าใจเยอะ เลยคงต้องตัดรายละเอียดบางอย่างทิ้งไปเหมือนกัน ภาพที่เห็นในหนังมันเลยเป็นการ ‘เอะอะ’ ทำนู่นทำนี่เยอะอยู่ นับเป็นหนังเกรดบีที่ทำออกมาได้ดีมากๆ เพราะมันไม่ได้สร้างให้คนดูโฟกัสความถูกผิดแล้ว แต่มันสร้างมาเพื่อความบันเทิง ซึ่งหนังก็ตอบโจทย์ได้ดี บทมันกากขนาดนั้นเลยหรอ? เราคิดว่าคนเขียนต้องคิดออกมาเยอะพอสมควรแหละ แต่เส้นเรื่องมันต้องปูให้คนดูเข้าใจเยอะ เลยคงต้องตัดรายละเอียดบางอย่างทิ้งไปเหมือนกัน ภาพที่เห็นในหนังมันเลยเป็นการ ‘เอะอะ’ ทำนู่นทำนี่เยอะอยู่ นับเป็นหนังเกรดบีที่ทำออกมาได้ดีมากๆ เพราะมันไม่ได้สร้างให้คนดูโฟกัสความถูกผิดแล้ว แต่มันสร้างมาเพื่อความบันเทิง ซึ่งหนังก็ตอบโจทย์ได้ดี สรุปยังไง ต้องดูไหม หรือปล่อยผ่านดี? เราว่ามันคือหนังที่น่าไปดูในช่วงนี้แหละ และเท่าที่อ่านรีวิวมาจากทุกสื่อ ก็พูดตรงกันว่าเป็นหนังน่าดู ไม่น่าเสียดายเงิน แต่ถือว่าเป็นหนังที่น่าจดจำแบบต้องขึ้นหิ้งหรือเอามาคุยถกเถียงกันหลังดูจบไปแล้วสองอาทิตย์ไหม.. ก็ไม่ขนาดนั้น เพราะงั้นอย่าคิดมาก ไปดูเพื่อความบันเทิงนั่นแหละ โกๆๆๆ เช็กรอบหนังได้ที่ : รอบหนัง What happened to Monday นักแสดง 100% บท 60% พล็อตเรื่อง 90% ความสมเหตุสมผล 50% ความสนุก 90% คะแนนรวม 70%