[7.8/10] รีวิว Spider-Man: Homecoming รีบูทภาคใหม่ของสไปดี้ยุคมิลเลนเนียล ในปี 2015 แฟน ๆ มาเวลต่างพากันดีใจยกใหญ่เมื่อได้รู้ว่าฮีโร่วัยทีน ขวัญใจของใครหลาย ๆ คน จะได้กลับมาร่วมต่อสู้ไปกับเหล่าฮีโร่ฝั่ง Avengers จากค่ายเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ต้องพลัดพรากและแยกกันอยู่คนละจักรวาลกินเวลาร่วมหนัง 2 ภาคด้วยกัน ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ The new Spidey จะได้ออกมาโลดแล่นในหนังเดี่ยวของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง หลาย ๆ คนคงคาดหวังที่จะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ และน่าตื่นเต้นในภาพยนตร์รีบูทฉบับนี้ ก็แหม น้องปีเตอร์จะได้กลับมาสู่ครอบครัวมาเวลสักทีนี่เนอะ เอาเป็นว่า เราจะสรุปประเด็นที่น่าสนใจไว้ให้อ่านกันตามนี้แล้วกัน เกิดอะไรขึ้นหลัง Civil War ? หลังจากที่สไปเดอร์-แมน ได้ออกมาปรากฎตัวแก่สาธารณะชนครั้งแรก (หลังรวมค่าย) ในภาพยนตร์เรื่อง Captain America : Civil War และได้ขโมนซีนฮีโร่รุ่นพี่ไปได้อย่างแยบคาย ด้วยความเกรียนอย่างน่ารัก เมื่อเรื่องราวใน Civil War จบลง โทนี่กลับมาส่งปีเตอร์ที่บ้านของเขาในย่านควีนส์ และมอบชุด (มูลค่าหลายร้อยล้านบาท ตามที่สตาร์คบอก) ให้กับเจ้าเด็กเอาไว้ใช้ อย่างไรก็ตาม ปีเตอร์กลับพบว่า มันจะไปมีประโยชน์อะไรเมื่อชุดสุดเท่แสนแพงที่สามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้หลายอย่าง (ไม่เชื่อหรอ ไปดูข้อมูลที่นี่สิ รู้จักกับ 7 ฟีเจอร์ใหม่สุดล้ำในชุด Spider-Man ภาคล่าสุด) กลับถูกนำมาใช้เพียงเพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์เล็ก ๆ น้อย ๆ ในละแวกบ้านเท่านั้น เพราะสตาร์คมองว่าเขายังเป็นเพียงแค่วัยรุ่น ยังไม่เหมาะจะกลายเป็นฮีโร่เต็มตัวแบบพวกรุ่นพี่ Avengers และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นการพิสูจน์ตัวเองของปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ว่าเขาทำอะไรได้มากกว่าที่โทนี่คิดไว้เยอะ ความสัมพันธ์ระหว่าง Iron Man และ Spider-Man จากที่ได้เห็นกันในเทรลเลอร์ คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ออกจะดูเหมือน พ่อ-ลูกอยู่ไม่น้อย ซึ่งก็สอดคล้องกับในคอมมิคที่โทนี่ก็มองปาร์คเกอร์เป็นเด็กคนหนึ่งที่เขารักเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ความรักที่เกิดขึ้นนี้อาจมีที่มาจากการที่ปีเตอร์ขาดความรักแบบ Paternal Love เพราะอย่างที่เรารู้ ๆ กันดี ว่าปีเตอร์ต้องเติบโตมากับลุงและป้า แถมยังต้องมาสูญเสียลุงเบนไปอีก (อันนี้คงไม่เรียกว่าสปอยล์แล้วเนอะ) ทำให้เขาอาจรู้สึกขาดโรล โมเดล ที่เป็นผู้ชาย และถึงแม้ความรักที่ป้าเมย์มีให้เขาจะมากมายอยู่แล้วก็ตาม แต่ลึก ๆ แล้ว วัยรุ่นทั่วไปก็คงต้องการความรักจากทั้งคนที่เป็นโรล โมเดลทั้งฝ่ายหญิงและชายแหละ จริงไหม ทั้งนี้ นอกจากน้องสไปดี้แกจะยกย่องไอรอนแมนเอามาก ๆ แล้ว น้องเขาก็ยังชอบกัปตันอเมริกาไม่ได้น้อยไปกว่าพี่โทนี่เลย ถึงแม้จะเคยต่อสู้กันมาแล้วก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่าง Iron Man และ Spider-Man จากที่ได้เห็นกันในเทรลเลอร์ คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ออกจะดูเหมือน พ่อ-ลูกอยู่ไม่น้อย ซึ่งก็สอดคล้องกับในคอมมิคที่โทนี่ก็มองปาร์คเกอร์เป็นเด็กคนหนึ่งที่เขารักเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ความรักที่เกิดขึ้นนี้อาจมีที่มาจากการที่ปีเตอร์ขาดความรักแบบ Paternal Love เพราะอย่างที่เรารู้ ๆ กันดี ว่าปีเตอร์ต้องเติบโตมากับลุงและป้า แถมยังต้องมาสูญเสียลุงเบนไปอีก (อันนี้คงไม่เรียกว่าสปอยล์แล้วเนอะ) ทำให้เขาอาจรู้สึกขาดโรล โมเดล ที่เป็นผู้ชาย และถึงแม้ความรักที่ป้าเมย์มีให้เขาจะมากมายอยู่แล้วก็ตาม แต่ลึก ๆ แล้ว วัยรุ่นทั่วไปก็คงต้องการความรักจากทั้งคนที่เป็นโรล โมเดลทั้งฝ่ายหญิงและชายแหละ จริงไหม ทั้งนี้ นอกจากน้องสไปดี้แกจะยกย่องไอรอนแมนเอามาก ๆ แล้ว น้องเขาก็ยังชอบกัปตันอเมริกาไม่ได้น้อยไปกว่าพี่โทนี่เลย ถึงแม้จะเคยต่อสู้กันมาแล้วก็ตาม Iron Man มีบทบาทมากน้อยแค่ไหน โทนี่ สตาร์ค เรียกได้ว่ามีบทบาทสำคัญต่อภาพยนตร์ Spider-Man Homecoming อยู่ไม่น้อย เอาง่าย ๆ ชุดของสไปดี้ พี่แกก็ทำให้ แถมยังเป็นแรงผลักดันสำคัญให้สไปดี้อยากพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีกขั้นอีกต่างหาก แต่ถ้าถามว่าพี่แกโผล่ออกมาเยอะไหม คงตอบได้ว่า พอ ๆ กับที่สไปเดอร์แมนเขาได้ไปโผล่ใน Civil War นั่นล่ะ ส่วนตัวแล้วคิดว่าก็ไม่เยอะไป หรือไม่น้อยไปนะ เพราะสามารถทำให้เราจดจำหลาย ๆ ฉากสำคัญที่พี่แกโผล่มาได้ทีเดียว นอกจาก Iron Man แล้ว จะมีใครจาก Avengers โผล่มาอีกบ้าง บอกได้ว่ามาเต็มจ้ะ มากันหลายคนมาก ๆ เหนือความคาดหมายทีเดียว บางคนมาแค่ชื่อ แต่บางคนก็มากันตัวเป็น ๆ เลย บางคนโผล่มาแปปเดียวแต่ก็ขโมยซีนเรียกเสียงฮาได้ไม่น้อย แอบกระซิบนิดนึงว่าตอนดูรู้สึกว่า cameo ของลุง Stan Lee ในภาคนี้ออกจะยาวกว่าหนังเรื่องอื่นอยู่ไม่น้อย ก็แหม ผู้ให้กำเนิดสไปดี้ทั้งคนนี่นา ให้ลุงเขาสักนิดเนาะ นอกจาก Iron Man แล้ว จะมีใครจาก Avengers โผล่มาอีกบ้าง บอกได้ว่ามาเต็มจ้ะ มากันหลายคนมาก ๆ เหนือความคาดหมายทีเดียว บางคนมาแค่ชื่อ แต่บางคนก็มากันตัวเป็น ๆ เลย บางคนโผล่มาแปปเดียวแต่ก็ขโมยซีนเรียกเสียงฮาได้ไม่น้อย แอบกระซิบนิดนึงว่าตอนดูรู้สึกว่า cameo ของลุง Stan Lee ในภาคนี้ออกจะยาวกว่าหนังเรื่องอื่นอยู่ไม่น้อย ก็แหม ผู้ให้กำเนิดสไปดี้ทั้งคนนี่นา ให้ลุงเขาสักนิดเนาะ ชุดใหม่ที่เขาว่าเท่ นี่เท่ขนาดไหน ก็คือเท่มาก ทำอะไรได้หลายอย่างมากทีเดียว เพราะโทนี่ สตาร์ค คงเห็นว่า ถ้าจะไปสู้กับเหล่า Avengers เจ้าปีเตอร์คงต้องการอะไรมากกว่าแค่พ่นใยแน่นอนล่ะ ก็แหม พี่ ๆ คนอื่นนี่ลีกใหญ่กันทั้งนั้น ถ้าพ่นใยได้อย่างเดียว ปีเตอร์คงไม่มีโอกาสได้ออกมาโลดแล่นในหนังเดี่ยวตัวเองต่อแน่ ๆ ฟังก์ชั่นหลายอย่างที่โทนี่ใส่ให้มาก็มีความคล้ายคลึงกับชุดของ Iron Man อยู่ไม่น้อย ถือว่าเป็นมิติใหม่ของชุด Spider-Man ที่เราไม่ได้เคยเห็จาก Spider-Man ภาคของ Toby Maguire หรือ Andrew Garfield มาก่อนเลย New York หรอ? พอได้แล้วมั๊ง เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ซูเปอร์ฮีโร่สายเกรียนฮาคนนี้ มีภูมิลำเนาเป็นชาวนิวยอร์กเกอร์ แต่จะให้คนดูมาเห็นมหานครนิวยอร์กถูกทำลายอีก หลังจากที่โดนทำลายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนก็คงจะเอียนอยู่ไม่น้อย ในภาคนี้ เราขอบอกลาตึก Empire State และเซย์ฮัลโหลให้กับ อนุสาวรีย์วอชิงตัน (Washington Monumen) แลนด์มาร์คจุดใหม่ที่กำลังจะถูกทำลาย (หืม) ซึ่งเป็นฉากไฮไลท์ฉากหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้เลยทีเดียว เพราะนอกจากจะได้ภาพในมุมมองที่แปลกตาแล้ว ยังได้ลุ้นจนตัวเหนียวอีกด้วย New York หรอ? พอได้แล้วมั๊ง เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ซูเปอร์ฮีโร่สายเกรียนฮาคนนี้ มีภูมิลำเนาเป็นชาวนิวยอร์กเกอร์ แต่จะให้คนดูมาเห็นมหานครนิวยอร์กถูกทำลายอีก หลังจากที่โดนทำลายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนก็คงจะเอียนอยู่ไม่น้อย ในภาคนี้ เราขอบอกลาตึก Empire State และเซย์ฮัลโหลให้กับ อนุสาวรีย์วอชิงตัน (Washington Monumen) แลนด์มาร์คจุดใหม่ที่กำลังจะถูกทำลาย (หืม) ซึ่งเป็นฉากไฮไลท์ฉากหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้เลยทีเดียว เพราะนอกจากจะได้ภาพในมุมมองที่แปลกตาแล้ว ยังได้ลุ้นจนตัวเหนียวอีกด้วย Michael Keaton จาก Batman สู่ Birdman สู่ The big bird guy (The Vulture) ยอมรับเลยว่าเมื่อดูเทรลเลอร์ครั้งแรก เรารู้สึกตื่นเต้นกับวายร้ายตัวนี้มาก คงมีคนไม่น้อยที่รู้สึกเหมือนกันว่ามาเวลมักได้นักแสดงมากฝีมือมาเล่นเป็นวายร้ายแต่มักจะทำให้ออกมาร้ายน้อยกว่าความเป็นจริง (ไม่เชื่อลองดู Kaecilius จากหมอแปลก หรือง่าย ๆ ก็พี่หุ่น Ultron จาก Avengers ภาคล่าสุด บอกตรง ๆ ว่าเราคาดหวังให้พี่เหล่านี้เป็นที่น่าจดจำกว่าความเป็นจริงไว้เยอะ) Michael Keaton ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะถึงแม้จะไม่ได้ร้ายจนเป็นที่น่าจดจำแบบ Joker จาก The Dark Knight แต่ก็ถือว่าเป็นตัวร้ายที่กลม หนังถ่ายถอดออกมาให้เรารับรู้ได้ว่า อะไรเป็นสาเหตุให้ตัวร้ายตัวนี้ทำในสิ่งที่เขาทำ ฟังก์ชั่นปีก และอาวุธหลาย ๆ อย่างของพี่แกก็สุดแสนจะเท่ ถือว่าทำให้เราประทับใจใน The Vulture มากกว่าตัวร้ายในเฟสหลัง ๆ ที่เราได้เจอมากอยู่ทีเดียว ว่าแต่ว่า เวลาพี่ไมเคิลเขาจะพิจารณารับบทอะไรนี่ เขาจะเลือกพิจารณาบทที่มีปีกเป็นพิเศษหรือเปล่าน้า (หยอกเล่นนนน) Come on, Spider-Man! ถึงแม้ว่าทีมสร้าง Spider-man ภาคนี้จะออกมายืนยันแล้วยืนยันอีกว่าหนังที่เขาทำจะออกมาในรูปแบบหนังวัยรุ่น Coming of age นะ แต่หนังก็ไม่ได้มีเพียงแง่มุมสนุก ๆ แบบเด็ก ๆ เท่านั้น เอาล่ะ ตอนนี้ขอเตือนก่อนว่ามีสปอยล์อยู่สักหน่อย ย้ำ! มีสปอยล์ ! ในตอนท้ายของเรื่อง มีฉากที่สไปเดอร์แมนถูก The Vulture บังคับปีกของเขาเพื่อทำให้ตึกถล่มลงมาใส่ปีเตอร์ และทิ้งให้เขานอนอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ร้องเรียกให้คนมาช่วย ในตอนนั้นเอง เรารู้สึกว่าเหมือนโทนี่ สตาร์ค ขึ้นมาทันทีว่าสุดท้ายแล้ว ปีเตอร์ก็คือเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งเท่านั้น จนเมื่อปีเตอร์ได้เห็นเงาของตัวเองผ่านแอ่งน้ำซึ่งมีหน้ากากสไปดี้ตกอยู่ เขาก็นึกถึงคำพูดสบประมาทของโทนี่ที่ว่า “ถ้าเธอทำอะไรไม่ได้โดยไม่มีชุดนี่ เธอก็ไม่ควรได้ครอบครองมัน” สไปเดอร์-แมน ฮึดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมตะโกนออกมาว่า “Come on, Spider-man!” ซึ่งเราคิดว่ามันเป็นอะไรที่สุดยอด และ Emotional มาก เพราะฉากนี้เป็นเหมือนสิ่งที่ Sony Pictures ออกมาบอกกับเรา ๆ ว่า ต่อให้หนัง Spider-man ภาคก่อน ๆ ที่ออกมาจะโดนวิจารณ์อย่างไร หรือตัวละคร Peter Parker จะถูกนำมาเล่าจนช้ำแล้วช้ำอีกขนาดไหน แต่พวกเขาก็ยังยืนหยัดและพร้อมที่จะเริ่มใหม่โดยไม่ยอมแพ้ และขอโอกาสพิสูจน์ตัวเองกับเหล่าแฟน ๆ ของไอแมงมุมคนนี้อีกสักครั้ง Come on, Spider-Man! ถึงแม้ว่าทีมสร้าง Spider-man ภาคนี้จะออกมายืนยันแล้วยืนยันอีกว่าหนังที่เขาทำจะออกมาในรูปแบบหนังวัยรุ่น Coming of age นะ แต่หนังก็ไม่ได้มีเพียงแง่มุมสนุก ๆ แบบเด็ก ๆ เท่านั้น เอาล่ะ ตอนนี้ขอเตือนก่อนว่ามีสปอยล์อยู่สักหน่อย ย้ำ! มีสปอยล์ ! ในตอนท้ายของเรื่อง มีฉากที่สไปเดอร์แมนถูก The Vulture บังคับปีกของเขาเพื่อทำให้ตึกถล่มลงมาใส่ปีเตอร์ และทิ้งให้เขานอนอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ร้องเรียกให้คนมาช่วย ในตอนนั้นเอง เรารู้สึกว่าเหมือนโทนี่ สตาร์ค ขึ้นมาทันทีว่าสุดท้ายแล้ว ปีเตอร์ก็คือเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งเท่านั้น กระทั่งเมื่อปีเตอร์ได้เห็นเงาของตัวเองผ่านแอ่งน้ำซึ่งมีหน้ากากสไปดี้ตกอยู่ เขาก็นึกถึงคำพูดสบประมาทของโทนี่ที่ว่า “ถ้าเธอทำอะไรไม่ได้โดยไม่มีชุดนี่ เธอก็ไม่ควรได้ครอบครองมัน” สไปเดอร์-แมน ฮึดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมตะโกนออกมาว่า “Come on, Spider-man!” ซึ่งเราคิดว่ามันเป็นอะไรที่สุดยอด และ Emotional มาก เพราะฉากนี้เป็นเหมือนสิ่งที่ Sony Pictures ออกมาบอกกับเรา ๆ ว่า ต่อให้หนัง Spider-man ภาคก่อน ๆ ที่ออกมาจะโดนวิจารณ์อย่างไร หรือตัวละคร Peter Parker จะถูกนำมาเล่าจนช้ำแล้วช้ำอีกขนาดไหน แต่พวกเขาก็ยังยืนหยัดและพร้อมที่จะเริ่มใหม่โดยไม่ยอมแพ้ และขอโอกาสพิสูจน์ตัวเองกับเหล่าแฟน ๆ ของไอแมงมุมคนนี้อีกสักครั้ง เปรียบเทียบ Spider-Man ของ Tom Holland กับ Spider-man ของ Toby Maguire กับ Andrew Garfield จริง ๆ แล้วสไปเดอร์แมนทั้งสามคนมีข้อแตกต่างที่เป็นจุดเด่นและจุดด้อยของแต่ละคนแตกต่างกันไป Spidey เวอร์ชั่นแรกของ Toby Maguire อาจได้เปรียบตรงที่เป็นหนังเซ็ทแรกของสไปเดอร์แมนที่ถูกปล่อยออกมา ตัวละครยังไม่ช้ำ และเทคโนโลยีที่ทำได้ตอนนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้คนดูตื่นตาตื่นใจไปกับภาพยนตร์ได้แล้ว จึงไม่แปลกใจที่หลาย ๆ คนจะประทับใจกับสไปเดอร์-แมน เวอร์ชั่นนี้มากที่สุด The Amazing Spider-Man ของ Andrew Garfield ก็ได้เปรียบตรงที่ ภาพยนตร์ถูกสร้างขึ้นมาในยุคที่ Visaul Effects ถูกพัฒนาขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ๆ ทำให้เราได้เห็นภาพสวย ๆ ที่แปลกตาไป โดยเฉพาะฉากแสงไฟของมหานครนิวยอร์กในยามราตรีของภาพยนตร์ทั้งสองภาค Spider-Man คนล่าสุดอย่าง Tom Holland นั้น เรียกได้ว่าน้องเป็นตัวแทนของ Spider-man ยุค Millenial เป็น Social Media Experts ที่แท้จริง สังเกตุได้จากการที่น้องชอบอัด Vlog ดูยูทูป และคอยเช็คฟีดแบ็คของตัวเองอยู่เรื่อย ๆ แถมยังเรียนรู้เทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ไว ทำให้เราได้เห็นฮีโร่ที่เป็นตัวแทนของเด็กยุคใหม่ ที่สำคัญ การแสดงของ Tom Holland ทำออกมาได้น่ารักมาก ทำให้เราเอ็นดู Spider-man คนใหม่นี้ได้อย่างไม่ยากเลย มี end credits ไหม ? มีจ้ะ มี end credits สองตัว คือหลังเครดิตแรกท้ายเรื่อง (ซึ่งทำออกมาได้สวยมาก) และหลังเครดิตยาว ขอบอกเลยว่า ใครที่คิดถึงกัปตันอเมริกาก็อย่าเพิ่งลุกหนีไปไหนล่ะ นั่งรอดูจนเครดิตที่สองจบไปเลยจ้ะ อุปส์ มี end credits ไหม ? มีจ้ะ มี end credits สองตัว คือหลังเครดิตแรกท้ายเรื่อง (ซึ่งทำออกมาได้สวยมาก) และหลังเครดิตยาว ขอบอกเลยว่า ใครที่คิดถึงกัปตันอเมริกาก็อย่าเพิ่งลุกหนีไปไหนล่ะ นั่งรอดูจนเครดิตที่สองจบไปเลยจ้ะ อุปส์ สรุป โดยรวมแล้ว Spider-man : Homecoming ทำออกมาได้ดีและคุ้มค่ากับการรอคอยของแฟน ๆ เหมาะกับผู้ชมทุกเพศ ทุกวัย ดำเนินเรื่องไม่น่าเบื่อ และที่สำคัญคือรวมจักรวาลมาร์เวลของทั้งสองค่ายได้อย่างกลมกลืน ภาพยนตร์เข้าโรงวันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคมนี้ เช็กรอบหนังได้ที่นี่ เนื้อเรื่อง 80% การรีบูท 95% ความเจ๋งของตัวร้าย (The Vulture) 80% ความน่าเอ็นดูของ Tom Holland 95% ภาพ และฉากที่น่าจดจำ 90% คะแนนรวม 78%