“ไคเซกิ” เป็นวัฒนธรรมอาหารชั้นสูงของประเทศญี่ปุ่นที่มีมาตั้งแต่วิถีเซน จะเสิร์ฟอาหารเป็นลำดับขั้นตามเมนู เหมือนกับการเล่นดนตรีที่จะไล่เรียงไปทีละสเต็ป จากเบาไปจนถึงหนักขึ้น ในประเทศไทยถือว่าอาหารแบบ “ไคเซกิ” ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับ “โอมากาเสะ” ซึ่งนั่นเป็นการทานอาหารแบบขึ้นอยู่กับเชฟ ครั้งนี้ Mango Zero มีโอกาสสุดพิเศษที่จะได้ล้วงถึงเมนูอาหารในรูปแบบ “ไคเซกิ” ที่ร้าน ชินโซโคะ ซูชิ สุขุมวิท 26 ค่ะ บอกเลยว่ากินไป ฟังเรื่องราวจากเชฟเทเบิ้ลไป มันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งทำให้เข้าใจเลยว่าประเทศญี่ปุ่นเขาใส่ใจทุกรายละเอียดของการทำอาหารจริงๆ “ไคเซกิ” เป็นวัฒนธรรมอาหารชั้นสูงของญี่ปุ่นจะมีการเสิร์ฟเป็นลำดับขั้นตามลำดับเมนูเหมือนกับอาหารยุโรปชั้นสูงค่ะ โดยหัวใจสำคัญคือ “ความพิถีพิถันในการคัดเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาล การปรุงแต่ง และกรรมวิธีปรุงรสชาติออกมาดีเยี่ยม” อีกอย่างการกินลักษณะแบบนี้สามารถใช้เวลาได้อย่างเรื่อยๆ ไม่ต้องเร่งรีบ หากย้อนกลับไปสมัยอดีตอาหารแบบ “ไคเซกิ” เริ่มต้นจากราชวงศ์ กินเพื่อความอร่อย ต่อมาเป็นช่วงยุคโชกุน และนักธุกิจไว้สำหรับพูดคุยธุรกิจ เนื่องจากมีจำนวนอาหารค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งในหนึ่งคอร์สมีอาหารตั้งแต่ 9-18 อย่างเลยค่ะ เริ่มแรกเป็น Appetizers Yuba Salad & Hiyayakko เมนูแรกเชฟมาพร้อมกับการอธิบายอย่างละเอียด โดยมีสลัดผักโรยด้วยฟองเต้าหู้กรอบและเต้าหู้ในน้ำซอสรสชาติกลมกล่อม Maguro Hamachi & Hirame ซาซิมิปลา 3 ชิ้นเป็นปลาที่มีอายุไม่เกิน 4 ปีเวลาทานให้เริ่มจากปลาสีขาวก่อนแล้วไล่สีไปหาสีเข้ม เพื่อได้ลิ้มรสชาติความหวานของเนื้อปลาอย่างชัดเจน เข้าสู่ Main Courses มีด้วยกัน 5 อย่างผ่านกรรมวิธีย่างทอดต้มนึ่ง YAKIMONO : Hokkaido King Crab ปูฮอกไกโดเบิร์นด้วยไฟพอเหมาะ วางไว้บนซอสที่ใช้หัวไชเท้าหมักในซอสยูซึ หรือส้มญี่ปุ่น ความเปรี้ยวของซอสตัดกับความหวานของเนื้อปูทำให้คำนี้เข้ากันอย่างลงตัว AGEMONO : Japanese Oyster หอยนางรมชุปแป้งทอด ทานคู่กับซอสมันปู เคี่ยวด้วยเหล้าญี่ปุ่น โปะหน้าด้วยอูเมะ และทานคู่ด้วยซอสยูซึ เพื่อตัดรสชาติเลี่ยน SUMOMONO : Hokkaido Scallop หอยเชลล์ฮอกไกโดเบิร์นด้วยไฟ ทานคู่กับซอสที่ใช้งาดองด้วยน้ำส้มยูซึ ผสมไข่ขาวรสชาติจะมีความเปรี้ยวเล็กน้อย กลิ่นงาลอยเตะจมูก Buro-Mono : Inaniwa Mentaiko the Traditional Noodles Inaniwa เป็นเส้นแบนหนึ่งในเส้นที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นวางบนซอสไข่ปลาคอดที่ดองเกลือซึ่งมีรสชาติเค็ม ทานคู่กับความหวานของเนื้อกุ้งที่เบิร์นด้วยไฟกลมกล่อมมาก KIKU KAISEKI : The Crown of Sushi ปิดท้ายอาหารหลักด้วยซูชิ 6 คำที่ได้รับแรงบันดาลใจจากปราสาท 6 แห่งในญี่ปุ่น โดยเจ้าของร้านบอกว่าผุดไอเดียการตั้งชื่อให้เหมือนกับปราสาทในประเทศญี่ปุ่น ทำให้ลักษณะของซูชิจึงมีความคล้ายคลึงกับปราสาทอีกด้วย The Crown of Sushi มีซูชิตัวท็อปทั้งหมด 6 ชนิด Kumamoto เนื้อโกเบท็อปด้วยฟัวกราส์และอูนิ ไม่มีกลิ่นคาวของเนื้อเลยค่ะ เนื้อโกเบเบิร์นใกล้สุกทำให้ได้ความหวานละมุน Himeji ครีบปลาตาเดียวท็อปด้วยฟัวกราส์ ใครที่คิดว่าจะมีความคาวของปลานั้นให้ลืมรสชาติของคำนี้ไปเลยค่ะ เพราะว่าไม่คาวและนุ่มมาก Matsumoto โอโทโรสับ อูนิ และไข่ปลาแซลมอน บอกคำเดียวฟินนนนน ^^ Shuri สำหรับคนที่รักโอโทโร แต่ก็ชอบอูนิ Hirosaki ทาสเนื้อโกเบต้องหลงรักชิ้นนี้ค่ะ Osaka เนื้อปลารวมคลุกด้วยซอสหวานหรือวาซาบิ ใส่อะโวคาโดและไข่หวานหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าผสมลงไปเล็กน้อย ต่อเนื่องด้วย SOUP เพื่อล้างท้องเล็กน้อย Akadashi Yuba Mochi เมื่อเปิดฝาถ้วยแล้วกลิ่นซุปลอยเตะจมูกทันทีค่ะ ด้านในน้ำซุปจะมีโมจิที่ทำมาจากข้าวเหนียวญี่ปุ่น ผสมผสานกับฟองเต้าหู้ รสชาติกำลังดี แก้เลี่ยนได้เลยค่ะ ปิดท้ายด้วย Dessert ล้างปาก Sweet Melon & Popcorn Tea Ice-cream with Jelly วิธีทานให้เริ่มจากเมล่อนก่อน จะได้ความหวานเจี๊ยบ ต่อด้วยเยลลี่ที่ทำจาก เมเปิ้ลไซรัปจากแคนนาดา มีความเหนียวหนึบ และไอศครีมโฮมเมด ทำด้วยชาข้าวญี่ปุ่นทานคู่พร้อมกัน ปิดท้ายอย่างสวยงาม สำรวจร้าน “ชินโซโคะ ซูชิ สุขุมวิท 26” “ชิน” ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า หัวใจ ส่วนคำว่า “โซโคะ” หมายถึง ก้นบึ้ง เมื่อเอามารวมกันจึงมีความหมายว่า “ก้นบึ้งของหัวใจ” นั่นเอง ไม่แปลกที่เราจะได้ความประทับใจตั้งแต่แรกเข้ามาในร้านจนกระทั่งได้ทานอาหารจานสุดท้าย ภายในร้านมี 2 ชั้นด้านล่างจะเป็นโต๊ะนั่งแบบครอบครัว และเคาเตอร์บาร์ค่ะ ส่วนชั้น 2 จะมีห้องแบบไพรเวทรองรับได้สูงสุด 30 ที่นั่ง สรุป ร้านชื่อ ชินโซโคะ ซูชิ สุขุมวิท 26 เปิดทุกวันเวลา 11.30 -14.30 น. และ 18.00 – 22.00 น. มีโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าบัตรเครดิต KTC ลด 15% ถึง 30 มิ.ย.นี้ เพิ่มเติม ShinsokoSushiBKK