ไม่นานมานี้ Mango Zero ได้มีโอกาสไปร่วมงาน Ford Smart Navi Race ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ฟอร์
เพื่อความชัวร์ว่าของเขาดีจริงไหม Mango Zero ได้มีโอกาสไปทดสอบความแม่นยำ ความล้ำสมัยของระบบนำทางสามมิติสุดล้ำ เองกับมือซึ่ง Navigation System ที่เราได้ทดสอบอยู่ในรถ Ford Ranger Wildtrak 2017
แต่สถานที่ที่เราได้ไปทดสอบความแม่นของระบบนำทางนั้นทางทีมงานไม่บอกว่าเป็นที่ไหน แต่เขาให้เป็นรหัสปริศนามาเพื่อให้เราทดสอบการใช้งานแผนที่เองว่าจะนำทางเราไปถูกไหมโดยใส่ตัวเลขลงไปในเมพแทน โอ้วว ลึกลับไปไหน! ลึกลับไปตามทางที่ให้นั่นแหละ
สรรพคุณของ Navigation System
แต่ก่อนอื่นเรายังไม่บุ่มบ่ามทดสอบโดยที่ไม่รู้อะไร ต้องเรียนรู้ระบบนำทางนี้ก่อนเพื่อความชัวร์เดี๋ยวใช้มั่วหาว่าของเขาไม่ดีแต่จริงๆ เราพลาดเอง และนี่คือรายละเอียดสรรพคุณของ Navigation System
- ระบบนำทางอยู่ในจอดิจิทัลทัชสกรีน หน้าจอสีสดสวยงามขนาด 8 นิ้ว
- รองรับได้หลายภาษาหนึ่งในนั้นคือภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
- มีเมนูครอบคลุมการใช้งานเพื่อนำทาง เช่นหาสถานที่จากการคีย์เวิร์ด, หาสถานที่จากรัศมีรอบตัว, หาสถานที่ตามพิกัด หรือหาสถานที่สำคัญที่ระบบเซ็ตไว้ระบบเช่น ที่จอดรถ สถานีตำรวจ หรือโรงพยาบาล
- ระบบแผนที่แสดงผลเป็นสามมิติ หรือสองมิติก็ได้ โดยระบบสามมิติจะแสดงผลเฉพาะเมืองใหญ่เช่นกรุงเทพฯ หาดใหญ่ ขอนแก่น หรือเชียงใหม่ทำให้เข้าใจง่ายไม่หลง
- มีการคำนวณระยะเวลาเมื่อสั่งให้นำทาง
- มีเสียงพูดเตือนตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงที่หมาย
- เมื่อถึงแยกจะมีป้ายนำทางการเลี้ยวของช่องจราจรชัดเจนไม่สับสน
- ระบบจะคำนวนเส้นทางเองอัตโนมัติเมื่อเราเลี้ยวผิด
- กำหนดจุดแวะพักระหว่างนำทางได้ เมื่อขึ้นรถก็นำทางให้ต่อ
- สามารถจิ้มบนแผนที่แล้วสั่งนำทางไปยังจุดที่เราจิ้มมั่วๆ ก็ได้
- เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านระบบ Sync 3 ทำให้สามารถสั่งงานได้ด้วยเสียงรองรับทั้ง Apple car play และ siri รวมถึงรองรับ Android Audio ด้วย
ทดลองใช้ Navigation System นำทางจริง
หลังจากรู้แล้วว่าทำอะไรได้บ้าง เรามาลองใช้กันจริงๆ เลยดีกว่าว่าใช้แล้วรู้สึกอย่างไร ตลอดการเดินทางของทริประยะสั้นๆ ของเรา
- อย่างแรกสุดเราใส่ละติจูด และลองติจูด ซึ่งเป็นเลขปริศนาที่ทีมงานให้มาสาบานเลยว่าเราไม่รู้ว่าระบบนำทางนั้นจะพาเราไปที่ไหน อ่ะ…พาเราไปที
- ส่วนวิธีการใส่เลขนั้นก็ง่ายมั่กๆ เลือกฟังก์ชั่น ‘พิกัด’ แล้วทำการใส่ตัวเลขพิกัดลงไปตามภาพ
- แต่ในกรณีที่เรารู้อยู่แล้วว่าเราอยากจะไปที่ไหนก็เลือก ‘ที่อยู่’ ได้เลย (ซึ่งเราไม่รู้ไง)
- กลับมาที่เป้าหมายเราวันนี้ต่อ พอใส่พิกัดลงไปปุ๊บระบบนำทางจะคำนวนเส้นทางอย่างว่อง ถ้าจะให้นำทางเราก็กดปุ่ม ‘เลือกเป็นปลายทาง’ ระบบจะทำการบอกเส้นทางเราอย่างละเอียดทุกแยกทุกทางไปยังปลายทาง…ที่ฉันรอเธอที่สุดก็จบตรงนี้ ไปดีเถอะนะคนดีไม่ต้องคิดอะไร เว้ย! พอ
- ระหว่างทางเราทดสอบเลี้ยวผิดไม่ไปตามที่ระบบแผนที่นำทางจากสุดล้ำบอก ปรากฎว่าระบบทำการคำนวณเส้นทางใหม่อัตโนมัติทันที และไม่ได้เปลี่ยนพิกัดเราด้วย (จริงๆ คือเลี้ยวผิดเองไม่ได้จะทดสอบอะไรหรอก…)
- หากมาถึงแยกที่ต้องเลี้ยวแล้วมีทางเลี้ยวที่ซับซ้อน Navigation System จะขึ้นป้ายบอกทางจะได้รู้ว่าเลี้ยวไปทางไหนรับรองว่าไม่หลงแน่ๆ
- ถึงที่หมายแล้วคือ ‘ช่างชุ่ย’ จ้าสรุปว่าไม่หลงเลย เย้! (แค่เลี้ยวผิดไปรอบนึง)
มาถึงช่างชุ่ย ก็ต้องลุยถ่ายรูปสักหน่อย
ฟังก์ชั่นอื่นๆ ที่ใช้ระหว่างทาง
ไม่ใช่แค่ระบบนำทางเท่านั้นที่เป็นจุดขาย แต่ยังมีระบบ ‘sync 3’ ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อความบันเทิงตลอดการเดินทาง และทำให้การเดินทางสนุกขึ้น ซึ่งฟังก์ชั่นที่เราใช้ได้แก่ (ป.ล. เราสาวกแอปเปิลเลยเชื่อมต่อกับ iPhone)
- ทดลองโทรออกด้วยเสียงสั่งงานผ่าน Siri ซึ่งเมื่อได้ลองทดสอบแล้วเหมือนกับเราสั่งงาน siri ใน iPhone ทุกอย่าง เนื่องจากระบบได้เชื่อมต่อกับ apple car play ส่วนวิธีการสั่งต้องกดปุ่มตรงพวงมาลัยเพื่อเปิดระบบ siri ถึงสั่งงานได้
- สั่งเปลี่ยนวิทยุด้วยเสียง นี่ถือเป็นหนึ่งในฟังก์ชั่นลับ ที่สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้ (กรณีที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน) แค่ออกเสียงสถานีที่เราต้องการเป็นตัวเลขภาษาอังกฤษเช่น ninety-nine point five
- เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นมิวสิคสตรีมมิ่ง ซึ่งอันนี้ดีย์กรณีที่เบื่อจะฟังวิทยุ
- Apple Car Play ยังไม่รองรับภาษาไทย รายชื่อเลยเป็นภาษาต่างดาว
สรุปผลการรีวิว
- ชอบตรงระบบทัชสกรีนที่ใช้งานง่าย ลื่นนิ้วเหมือนใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน
- ประมวลผลหาสถานที่ที่ต้องการได้ไวทันใจ ไม่รอนาน ไม่ต้องต่ออินเทอร์เน็ตด้วย
- มีไอคอนสถานที่ปรากฎบนแผนที่ ถ้าไม่อยากจะพิมพ์ก็เอานิ้วจิ้มตรงนั้นแล้วสั่งนำทางได้เลย
- มั่นใจว่านำทางได้แม่นด้วยระบบ GPS เพราะเสาสัญญาณติด GPS อยู่ที่หลังคารถเลย
- ชอบฟังก์ชั่นหาที่จอดรถ ยังไม่ได้ลองใช้จริงจัง แต่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์