Mango Zero

[Review] CORO Harvest วัตถุดิบสดใหม่จากฟาร์ม CORO Field ขนมาเสิร์ฟใจกลางเมือง

หลายคนน่าจะรู้จักกับ CORO Field ฟาร์มชื่อดังของจังหวัดราชบุรีกันมาบ้างแล้ว สำหรับ CORO Harvest ก็เป็นร้านที่เค้าขนวัตถุดิบสดๆ มาจากไร่ CORO Field นั่นเอง

CORO Harvest เป็นร้านอาหารจากฟาร์มภายใต้แบรนด์ CORO ก่อตั้งโดยสองพี่น้องพอทและพีท ซึ่งทั้งสองคนมี Passion เดียวกันที่อยากทำฟาร์มเจ๋งๆ และยกระดับคุณภาพของการเกษตรของไทย

 


รูปน่ารักๆ ที่แอบจิ๊กมาจาก Fanpage CORO Harvest

ด้วยการที่ทั้งสองอยู่ในวงการเกษตรและเดิมทีธุรกิจครอบครัวทำกิจการปุ๋ยออร์แกนิก จึงมีความรู้ความสามารถในการทำการเกษตรไม่แพ้ใคร ด้วยความรู้ความสามารถบวกกับความตั้งใจที่แน่วแน่ เกิดเป็นฟาร์มผักและผลไม้ที่มีชื่อว่า CORO Field ในพื้นที่ 104 ไร่ในจังหวัดราชบุรี

จนทุกวันนี้ CORO Field มีชื่อเสียงโด่งดังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดราชบุรีไปเลยทีเดียว

CORO Harvest นั้นไม่ใช่ร้านของหวาน ไม่ใช่ร้านอาหารคลีน ไม่ใช่ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ แต่เป็นร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพจากฟาร์ม นิยามด้วยคำว่า “Everyday Farm Food”

 

ซึ่ง CORO Harvest ก็เป็นร้านอาหารที่ต่อยอดมาจาก CORO Field นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าวัตถุดิบที่ร้านก็ขนกันสดๆ มาจากฟาร์มเลย และเมนูของที่ร้านเป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นใหม่จากเกษตรกรซึ่งเป็นรสชาติและหน้าตาที่แปลกใหม่แน่นอน

 

เราจะได้ทานผักสดๆ จากฟาร์ม CORO Field เพียงแค่นั่ง MRT ไปลงศูนย์วัฒนธรรม เดินเข้าห้าง Esplanade แล้วก็จะเจอร้านอยู่ที่ชั้น G หน้าร้านก็จะมีน้องโคโร่คุงมายืนต้อนรับอยู่แบบนี้

 

บรรยากาศภายในร้านตกแต่งให้อารมณ์แบบนั่งทานอยู่ในฟาร์ม เน้นโทนสีน้ำตาล และมีพื้นที่สีเขียวจากต้นไม้ประดับ ฝั่งกระจกสังเกตว่าจะมีท่อโยงไปโยงมา ซึ่งเป็นท่อจากฟาร์ม CORO Field สำหรับให้ต้นเมลอนเลื้อยนำมาใช้ตกแต่งร้านด้วย อย่างเท่

 

ในร้านจะมีภาพสวยๆ พร้อมกับเรื่องเล่าจากฟาร์ม CORO Field ให้ได้อ่านเพลินๆ ด้วยนะครับ เรียกว่าถ่ายรูปสวยทุกจุดเลย

 

ที่ผมชอบมากๆ คือ ร้านนี้เค้าเป็นครัวเปิดครับ ซึ่งร้านลักษณะนี้ถือว่าเป็นร้านที่มีคุณภาพแน่นอน นอกจากความพิถีพิถันที่เราพิสูจน์ได้แล้ว เราก็ได้ดูพี่ๆ พนักงานเค้าทำอาหารกันเพลินๆ ด้วยครับ

 

เนื่องจากเจ้าของร้านที่เป็นเกษตรกร เมนูที่คิดมาจึงเริ่มคิดโดยมองจากวัตถุดิบก่อน ว่าเรามีวัตถุดิบแบบนี้ มีจุดเด่นแบบนี้ จะเอามาทำเมนูอะไรดี เมนูของร้านจึงเป็นเมนูที่แปลกใหม่จากไอเดียของเกษตรกรผู้รักวัตถุดิบ

มาเริ่มทานกันเถอะ 🙂

 

น้ำเมลอนปั่น, น้ำมะเขือเทศปั่น และชามะเขือเทศ สำหรับเป็นเครื่องดื่มปั่นรสชาติจะออกเข้มข้นจากผลไม้ ผมชอบชามะเขือเทศมากเลยครับ หอมสดชื่นมาก เมนูน้ำปั่นของที่นี่มี Selction หลากหลายเลยครับ ต้องมาทานหลายรอบแหละ กว่าจะได้ลองจนครบ

 

เจ้าของร้านเค้าค่อนข้างใส่ใจในรายละเอียดทุกๆ อย่างภายในร้านเลยครับ ถ้าสังเกตให้ดีที่แก้วก็จะมีเรื่องราวน่ารักๆ ให้อ่านด้วย

 

สลัดผักออร์แกนิคมะเขือเทศเชอร์รี่ฮอลแลนด์ (135 บาท)

เปิดด้วยจานสลัดเบาๆ เรียกน้ำย่อยกันก่อนครับ ผักที่นี่แน่นอนว่าสดมาก ทานแล้วอร่อยสดชื่นจริงๆ ดอกจันทร์สามตัวไปที่มะเขือเทศครับ อร่อยมาก

 

สำหรับมะเขือเทศจะสังเกตเห็นว่าเค้าจะมีขั้วติดอยู่ที่ผลด้วย ซึ่งตรงนี้แสดงให้เห็นถึงความสดของวัตถุดิบครับ เพราะถ้าขั้วนั้นไม่ใช่สีเขียวแสดงว่ามะเขือเทศไม่สด ซึ่งมีเพียงไม่กี่ร้านที่กล้าการันตีความสดด้วยการไม่นำขั้วออก

 

ส้มตำโทมิเมลอน (165 บาท)

โทมิเมลอนที่มาในสไตล์ของส้มตำแบบไทยๆ จริงๆ จะเรียกว่าส้มตำก็ไม่ได้เต็มที่นัก เพราะไม่มีมะละกอ แต่ใช้เมลอนคลุกกับน้ำปรุงในแบบส้มตำ รสชาติหวานนำ ไม่เผ็ดมากนัก แต่จุดเด่นของเมนูนี้คือความหอมความสดชื่นจากเมลอนสดๆ นี่แหละ

 

เมลอนคัตสึโอะ (145 บาท)

เป็นเมนูที่แปลกตาค่อนข้างมาก อย่างที่เราเห็นคือเป็นเมลอนที่นำมาราดซอสรสชาติหวานหอมสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมกับโรยปลาคัตสึโอะแห้งที่ด้านบน

เคล็ดลับในการทานเมลอนที่หั่นมาในลักษณะนี้คือต้องทานจากชิ้นที่อยู่ตรงกลางแล้วไล่ไปด้านข้าง ตัวเมลอนและซอสเข้ากันได้อย่างลงตัวมากเลยครับ

เรียกว่าเป็นความเจ๋งของเชฟเลยทีเดียว ที่นำวัตถุดิบมาพลิกแพลงให้มีความแปลกใหม่แต่ก็ยังคงคุณภาพแล้วความอร่อยเอาไว้ได้ด้วย สุดยอดจริงๆ

 

มันม่วงหวานทอดซอส 3 ฤดู (145 บาท)

มันม่วงก็เป็นอีกหนึ่งผลผลิตจากฟาร์มที่เค้าภาคภูมิใจมากในเรื่องของรสชาติและคุณภาพ เมนูนี้เป็นเมนูยอดนิยมของร้านเลย เสิร์ฟพร้อมกับซอสสามแบบสามสไตล์ที่ทางร้านทำเอง (ร้านนี้ทำเองแทบทุกอย่างเลยแหละ)

 

เป็นมันม่วงทอดปรุงรสด้วยพริกปาปริก้า ข้างนอกกรอบๆ คล้ายกับ Potato Wedges มันทอดชิ้นใหญ่ๆ แต่มาในสูตรของมันม่วง

 

โรตีน้ำพริกอ่องมะเขือเทศเชอร์รี่ฮอลแลนด์ (175 บาท)

เรียกว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยทีเดียวที่ได้ทานน้ำพริกอ่องกับโรตี เข้ากันได้ดีจนน่าแปลกใจ น้ำพริกอ่องที่มีรสชาติของมะเขือเทศชัดเจนมาก เข้มข้นดี

 

แซลมอนย่างซีอิ๊วกระทะร้อน (185 บาท)

แซลมอนชิ้นโตเสิร์ฟมาในกระทะร้อน (ร้อนมาก) หนังกรอบ เนื้อแน้นดี ซอสรสชาติออกหวานเค็ม และหอมมาก ส่วนตัวแล้วผมชอบซอสของเค้ามากเลยครับ ชอบขนาดเอาช้อนตักมาทานเปล่าๆ เลยแหละ 555+

 

สปาเก็ตตี้มะเขือเทศเชอร์รี่ฮอลแลนด์ไก่สับ (175 บาท)

จุดเด่นของเมนูนี้อยูที่เส้นสปาเก็ตตี้ครับ เป็นเส้นทำเองที่เค้านำแป้งไปผสมกับเมลอนและผักโขม เท็กเจอร์จะมีความนุ่มๆ ก็อร่อยไปอีกแบบครับ (แต่ส่วนตัวชอบเส้นแข็งๆ มากกว่า) ส่วนตัวซอสก็รสชาติเข้มข้นดี เมนูที่ผสมเมลอนหรือมะเขือเทศของร้านนี้แจ่มทุกเมนูเลยแหละ

 

เต้าฮวยโฮมเมดมันม่วงหวาน (135 บาท)

เมนูนี้จุดเด่นอยู่ที่เต้าฮวยเลยครับ เป็นเค้าฉวยถั่วเหลืองสูตรของทางร้านที่ทำขึ้นมาเองจากถั่วเหลืองเข้มข้น นุ่มๆ มาพร้อมกับมันม่วงเชื่อม เม็ดบุก

มีกิมมิคน่ารักๆ โดยการนำนมสดใส่ในภาชนะที่คล้ายกับฝักบัวรดน้ำสำหรับราดลงไปบนเต้าฮวย ช็อตนี้ไม่ควรพลาดที่จะถ่ายรูปไว้อย่างเด็ดขาด

 

โรตีไอแลนด์ (185 บาท)

ไอศกรีมเมลอนนมสดเสิร์ฟพร้อมโรตีกรอบๆ และผลไม้สด ไอศกรีมเมลอนหอมม๊ากกกกก

 

เมลอนลาวา + ไอศกรีม (195 บาท)

ไอศครีมซอฟท์เสิร์ฟเมลอนมาพร้อมกับทีเด็ดเมลอนปังลาวาไส้เยิ้ม ช็อตบังคับคือการแหวกไส้ให้ทะลักพร้อมถ่ายรูปอัพลง IG

 

ทางร้านมีของฝากที่เป็นผลิตภัณฑ์จากฟาร์ม CORO Field ด้วยนะครับ ก่อนกลับก็แวะเลือกกันได้ ผมติดใจน้ำมะเขือเทศเข้มข้นมากๆ

 

สรุปรีวิวร้าน CORO Harvest