Mango Zero

มือใหม่สมัครแอร์ ไม่ติด แต่ได้ประสบการณ์ กับ 7 สิ่งที่ต้องรู้เมื่อสมัคร Cabin Crew

“แอร์โฮสเตส” อาชีพในฝันของใครหลาย ๆ คน เพราะเป็นอาชีพที่ดูดี ได้ท่องเที่ยวบ่อย ๆ แถมยังได้เงินเดือนสูงอีกด้วย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความมานะและการพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง หลาย ๆ คนไปเข้าร่วมการคัดเลือกแล้วได้ตั้งแต่ครั้งแรกก็มี 

แต่ก็มีอีกหลายคนที่ลองแล้วลองอีกถึงจะได้รับคัดเลือก ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงการเตรียมตัวด้วยตัวเองล้วน ๆ จากประสบการณ์จริงล้วน ๆ ให้ทุกคนได้ลองนำไปปรับใช้กันค่ะ 

ถ่ายภาพสมัครแอร์แบบด่วนจี๋ มีที่ไหนบ้าง?

เราเห็นว่ามีการเปิดรับสมัคร Cabin Crew รอบใหม่ในกรุงเทพฯ ตอนนั้นเหลือเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็จะถึงวันคัดเลือกแล้ว เลยตัดสินใจว่า “ลองดูก็คงไม่เสียหาย” ตอนนั้นเพิ่งลาออกจากงานประจำด้วย หาอะไรทำสักหน่อยก็ดี เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ก่อนวันคัดตัวรอบแรก เรายังไม่มีเอกสารอะไรเลย  เพราะลืม!

เอ๊า! ทีนี้แหละ วิ่งวุ่นเลย ทั้งต้องหาที่ถ่ายภาพติดใบสมัคร ขอเอกสารจากมหาวิทยาลัย ไหนจะต้องเตรียมเสื้อผ้าหน้าผมอีก วุ่นวายมาก ๆ แต่ก็ทำทุกอย่างมาได้ด้วยตัวเองทั้งหมด เลิศ!

สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านถ่ายภาพสมัครแอร์ – สจ๊วต เฟิร์นแนะนำร้าน “พรกมล STUDIO” พอดีมีรุ่นน้องแนะนำร้านนี้มาอีกที ราคาประมาณ 1,7000 บาท แต่ที่ร้านมีบริการให้ทุกอย่าง ทั้งแต่งหน้า ทำผม และมีชุดให้ใส่ถ่ายภาพด้วย! ใครติดใจอยากจะเช่าชุดไปวันสมัครก็ยังได้อีก

พี่ ๆ ทุกคนในร้านเป็นกันเองสุด ๆ ใช้เวลาประมาณ 3 วันก็ได้ภาพถ่ายทางอีเมลล์แล้วค่ะ เราสามารถเลือกไปรับภาพถ่ายจริงได้เองที่ร้าน หรือจะให้เขาส่งมาให้ที่บ้านก็ได้ (เสียค่าส่งเพิ่ม) โดยภาพที่ได้มาจะมีภาพเต็มตัวใบ 4*6 แล้วก็มีภาพขนาด 1 นิ้วและ 2 นิ้วด้วยค่ะ (จำจำนวนไม่ได้แล้ว เยอะมาก) 

ซื้อชุดสมัครแอร์ได้ที่ไหน? ราคาเท่าไหร่?

เนื้อจากมีเพื่อนเพิ่งสมัครแอร์กับ Qatar Airways ไป เพื่อนแนะนำมาว่าทั้งเสื้อด้านใน เสื้อสูท กระโปรงและรองเท้า ได้มาจากที่ตลาดร้อยร้ายข้าง ๆ ห้าง Center One ตรงอนุสาวรีย์ชัย แถมยังได้มาด้วยงบไม่ถึง 1,000 บาทด้วย (ทั้งชุดอ่ะคิดดู!) ตัวเราไม่รอช้า รีบพุ่งตัวไปซื้อทันทีเพราะเหลืออีกไม่กี่วันก็จะต้องไปคัดรอบ Pre Screen แล้ว

ซึ่งขึ้นตอนก็ง่ายมาก ๆ ในนั้นจะมีร้านขายชุดสูทหลายร้านเลย ราคาทั้งชุดไม่เกิน 500 – 700 บาท เข้าไปที่ร้านแล้วก็บอกว่าพอดีจะไปสมัครแอร์ ช่วยแนะนำให้หน่อย วัดตัว ลองกระโปรง ลองสูทแปปเดียวก็เรียบร้อย ส่วนรองเท้าเราเลือกเป็นส้นเตี้ย จริง ๆ ควรใส่ส้นสูงอย่างน้อย 3 นิ้วนะคะ ตัวนี้ราคาไม่ถึง 300 บาท คุ้มสุด

*สำหรับใครที่เท้าไซส์ใหญ่แบบเราจะหารองเท้าส้นสูงยากมาก แนะนำว่าให้ไปที่ตึกใหม่ข้าง ๆ แพลตทินัม ประตูน้ำค่ะ ชั้น 5 มั้ง จะมีร้านขายรองเท้าไซส์ใหญ่เยอะมาก ราคาอเริ่มต้นที่ประมาณคู่ละ 650 บาท

ลงทะเบียนออนไลน์ ไม่ได้มีแค่เอกสาร!

ก่อนจะไปวันคัดเลือกตัวหรือ Pre Screen เราจะต้องสมัครและเพิ่มเอกสารที่สแกนไว้ไปยังเว็บไซต์ของสายการบินก่อนค่ะ (ของเราสมัคร Qatar Airways) ในเว็บจะมีบอกเป็นขั้นตอนเลยว่าต้องเขียนอะไรบ้าง อัปโหลดไฟล์เอกสารอะไรบ้าง

หลาย ๆ คนอาจจะชะล่าใจในจุดนี้เพราะว่าเห็นว่าคงไม่มีอะไรมาก ก็แค่เพิ่มเอกสารและข้อมูลส่วนตัว แต่ผิด! สำหรับคนที่สมัครครั้งแรกแบบเราคือกดเข้าไปแล้วช็อกมาก

เพราะมีคำถามเกี่ยวกับทัศนคติและคำถามอื่น ๆ อีกเยอะเลย ให้เรานั่งอ่านและตอบ ถ้ามีเวลามากกว่านี้ก็คงได้ใช้เวลาคิดกรั่นกรองคำตอบมากกว่านี้สินะ 555

แต่งหน้า ทำผม เครื่องประดับ เรื่องเล็กน้อยที่ห้ามมองข้าม

ทุก ๆ สายการบินเขาจะมีมาตรฐานของตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งเราก็ต้องแต่งตัวให้ได้ตามมาตรฐานของเขาด้วยนะเวลาไปสมัคร อย่างถ้าสมัคร Qatar Airways แต่แต่งหน้าใส ๆ เหมือนสาวเกาหลีไป ก็อาจจะเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ตกรอบได้นะ

ทางที่ดีเราควรศึกษาไปก่อนว่าสายการบินนั้น ๆ ชอบการแต่งหน้าลักษณะไหน เสื้อผ้าสีโทนไหน ถุงน่องสีอะไร ควรใส่นาซิกาแบบหนังหรือแบบเหล็ก ต่างหูต้องเป็นต่างแบบไหน ทำผมอย่างไร ซึ่งดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้นี่แหละที่จะทำให้เราเข้าใกล้ความฝันของเรามากยิ่งขึ้น!

ตื่นให้ไว เพื่อไปรับคิว

วันจริงเราตื่นตั้งแต่ 05.30 น. แต่งหน้า ทำผม แล้วก็ออกจากบ้านไปถึงโรงแรมที่จัดการคัดเลือกตอนประมาณ 07.30 น. พอรับคิวก็ได้คิวที่ 800 กว่า ๆ แล้ว คุณพระ! เห็นว่าคนแรกมาตั้งแต่ 04.30 น. สุดยอดไปเลย!

ส่วนตัวแล้วเราคิดว่ายิ่งไปเร็ว ได้รับคิวแรก ๆ ก็ยิ่งดี เพราะเราจะได้ไม่ต้องนั่งรอหลายชั่วโมงจนเราเหนื่อย ง่วง หรือเครียดเป็นกังวลมากขึ้นตามเวลาที่เราต้องรอ ดังนั้นถ้ายิ่งไปรับคิวได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น

คำถามในห้อง Pre Screen 

เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้าไปในห้องคัดเลือกตัว (เข้าไปพร้อมกันทีละ 3 – 5 คน แต่ละคนก็จะมีกรรมการที่สัมภาษณ์แยกกันไป) เราก็ได้พูดคุยกับกรรมการเกี่ยวกับตัวเราเอง สบายไหม? ทำอะไรอยู่? เรียนอะไรมา? แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ใบสีขาว (ที่เขาเรียกกันว่า Secret Letter) ติดตัวออกมาด้วย

โดยกรรมการที่สัมภาษณ์เราบอกทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “วันนี้ตอนหนึ่งทุ่มจะมีอีเมลล์แจ้งผลกลับไปนะคะ ขอบคุณมาก ๆ” ความรู้สึกตอนนั้นก็คือค่อนข้างเฟลนะ แต่ไม่ถึงกับเสียใจ เพราะเราตั้งใจว่ารอบนี้จะมาลองสนามดูก่อน และไม่ได้คาดหวังอะไรมาก 

เพราะ Comfort Zone มีไว้ให้ก้าวข้าม

เราจำได้ว่าความตั้งใจแรกของเราคือการเอาตัวเองออกไปลองทำอะไรใหม่ ๆ อะไรที่เราไม่กล้าทำ หรือไม่เคยคิดจะทำดูบ้าง เพราะช่วงนั้นเพิ่งลาออกจากงานประจำ ไม่รู้จะยังไงดี ค่อยข้างเสียหลัก พอไปลองสมัครสายการบินแล้วก็ทำให้รู้ว่า จริง ๆ แล้วเราเก่งกว่าที่ตัวเราคิดไว้นะ เตรียมเอกสาร หาข้อมูลเองทุกอย่างจนเรียบร้อย ภายในเวลาแค่ 1 สัปดาห์

แถมยังต้องดูแลเรื่องบุคลิกภาพของตัวเองอีก (ปกติไม่ใส่ใจเลย แต่ก่อนไปสมัครคือพยายามนั่งตัวตรง หลังตรง หัดใส่ส้นสูง โอ้ย สารพัด) สุดท้ายแล้วถึงเราจะไม่ได้งานที่ Qatar Airways ไม่ผ่านแม้รอบพรีสกรีน เราก็ยังภูมิใจกับตัวเองมาก ๆ ที่กล้าออกมาทำอะไรแบบนี้ รู้สึกมีไฟขึ้นมาทันที มันได้มากกว่าแค่ประสบการณ์การไปสมัครแอร์ แต่มันได้ทั้งความมั่นใจในตัวเอง รู้ว่าตัวเองสามารถผลักดันตัวเองไปได้อีกไกลมาก ได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ และยังได้เพื่อนใหม่ ๆ อีกด้วย

ใครที่กำลังเดินทางสาย Cabin Crew กำลังไล่ลาความฝัน เราเองก็ขอเป็นหนึ่งในกำลังใจให้ทุกคนเลยนะ เรามองว่าอาชีพนี้ไม่ง่ายเลยจริง ๆ มันมีหลังม่านอีกมากมายที่ต้องพยายาม พวกคุณเก่งมากจริง ๆ ใครที่กำลังงง ๆ กับชีวิต ไม่รู้จะเอายังไงดี

เราแนะนำว่าให้ลองทำอะไรที่มันดูเกินตัวมาก ๆ ดู 555 มันช่วยได้ อย่างน้อยเราก็ได้ลองผลักตัวเองออกจาก Comfort Zone ดูบ้าง แล้วจะรู้ว่าเราเก่งกว่าที่ตัวเราเองคิด!