เรียกได้ว่าเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่จากฝั่ง Marvel เรื่องแรกของปีนี้ที่เปิดตัวออกมาได้ประทับใจเอามากๆ เพราะนอกจากจะทำให้เราได้รู้เรื่องราวความเป็นมาขององค์ชายแห่งวาคานด้า ที’ชัลล่า แล้ว ยังถือว่าเป็นการอุ่นเครื่องและเรียกน้ำย่อยเล็กๆ ก่อนที่เราจะได้ไปเจอหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล Marvel อย่าง Avengers : Infinity War นั่นเอง – เรื่องราวภายในหนังได้เล่าถึงความเป็นมาของประเทศวาคานด้า ประเทศที่คนทั้งโลกรู้จักแค่ว่าเป็นประเทศแห่งกสิกรรม แต่แท้จริงแล้วเบื้องหลังของวาคานด้า เป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยสุดๆ (ถึงจะไม่มีปืนกระสุนทั่วๆ ไป แต่ประเทศนี้ก็มีหอกที่ทำมาจากแร่ไวเบรเนี่ยม..แร่ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลมาร์เวล!) – ความเข้มข้นของเนื้อเรื่อง ส่วนตัวถ้าเทียบกับเมื่อตอน Captain America : Civil War รู้สึกว่า Black Panther มีประเด็นที่ค่อนข้างแข็งแรงกว่าอยู่หน่อยนึง เพราะใน Civil War จะพูดถึงเรื่องของสนธิสัญญาโซโคเวีย ที่มีเป้าหมายหลักในการควบคุมและจัดการเกี่ยวกับฮีโร่ในการปฏิบัติภารกิจ (ซึ่งรายละเอียดจะไม่ลงลึกนะ ลองไปหาดูจากหนังเอาเน่อ) ส่วนฝั่ง Black Panther จะหนักไปทางพิธีกรรม ธรรมเนียมต่างๆ ในราชวงศ์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ไม่ค่อยเห็นชัดในหนังของมาร์เวล (อาจจะมีบ้างนะ แต่แค่รู้สึกว่า Black Panther ดูละเอียดกว่า..หรืออาจจะเป็นเพราะค่อนข้างคุ้นเคยกับระบบราชวงศ์ก็เป็นได้ฮะ) – นอกจากตัวเนื้อเรื่องแล้ว สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือการหยิบวัฒนธรรมแบบชนเผ่าที่เราไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยๆ ในจอภาพยนตร์ ซึ่งใน Black Panther เรียกได้ว่าหยิบมาวางในหนังได้ดีเลยละ ทั้งจังหวะที่นำมาใส่ (ช่วงประลองฝีมือ) รวมไปถึงสิ่งต่างๆ ในหนังไม่ว่าเป็นสถานที่เอย เครื่องแต่งกายของแต่ละชนเผ่าเอย รวมไปถึง “เพลง” ที่ประกอบในหนังมันสามารถเข้ากันได้ดีเลยล่ะ (ขอยกให้เป็น 1 ในหนังที่มีเพลงประกอบโดดเด่นที่สุดในจักรวาลมาร์เวล!) – และถ้าพูดถึงตัวนักแสดงแล้วละก็..ไม่ต้องห่วงเลย เพราะแต่ละคนเล่นกันทรงพลังเอามากๆ ไม่ว่าจะเป็น แชควิค โบสแมน ผู้รับบท ที’ชัลล่า (แบล็ค แพนเธอร์) ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดูปร๊าดแรกแล้วหล่อปังเหมือนกัปตันอเมริกา แต่ก็มีความเท่และออร่าราชาอย่างแท้จริง รวมไปถึง ไมเคิล บี. จอร์แดน ผู้รับบท อีริค คิลมองเกอร์ ตัวร้ายของเรื่องที่ขอบอกเลยว่าเล่นได้ดี และขอยกให้เป็น 1 ในตัวร้ายในจักรวาลมาร์เวล ที่เรารู้สึกเห็นใจและเข้าใจสิ่งที่พี่แกทำลงไปนะ – อีกส่วนที่เรารู้สึกว่าเราดีคือ กลุ่มนักแสดงหญิงทั้งหลายในเรื่องเลยฮะ ไม่ว่าจะเป็นเหล่ากองกำลังพิเศษ “ดอร่า มิลาเจ” ที่ทั้งกองกำลังมีแต่หญิงล้วนที่แต่ละคนเท่มากๆ รวมไปถึง ลูพิต้า ยองโก้ นักแสดงหญิงดีกรีออสการ์ ผู้รับบท นาเคีย ก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน – อีกสองนักแสดงที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือ มาร์ติน ฟรีแมน ที่รับบทเป็น เจ้าหน้าที่รอส จากซีไอเอ และ แอนดี้ เซอร์คิส ที่รับบทเป็น ยูลิซิส คลอร์ ซึ่งทั้งสองแสดงได้ดีมากกๆๆๆๆๆๆๆ โดยเฉพาะเซอร์คิส ที่เล่นมีเอกลักษณ์น่าจดมาสุดๆ เลยล่ะ – สรุป โดยรวมเป็นหนังที่เปิดทางใหม่ๆ ให้กับมาร์เวล มีความสดใหม่ในเนื้อเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน ส่วนฉากแอ็คชั่นบางฉากก็ดูจะหลวมๆ ไปบ้างนิดหน่อย แต่ก็มีอย่างอื่นมาช่วยเสริมให้หนังดูมีมิติและน่าติดตาม โดยเฉพาะฉาก End Credit ทั้งสองตัวที่เรียกว่า “คุ้มค่าในการนั่งรอ” อย่างแน่นอน เพราะงั้นกำตังค์ไปดูรับรองว่าไม่เสียดายเงินฮะ 🙂