พระเอกตาย ประโยคนี้ไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องสปอยล์แต่อย่างใด แต่เรื่องนี้พระเอกแล้วตายอีกทั้งเรื่องเลยทีเดียว ซึ่งก็เป็นชนวนของภาพยนต์เรื่อง Ajin Demi-Human นั่นเอง Ajin Demi-Human เป็นภาพยนตร์ Sci-Fi จากการ์ตูนชื่อดังนำมาทำเป็น Live-Action เน้นฉาก Action ที่โคตรเท่ บู๊กันสนั่นทั้งเรื่อง พร้อมทั้งความฉลาดของพระเอกและตัวร้ายที่เชือดเฉือนกันด้วยไหวพริบและทักษะการต่อสู้ในรูปแบบ Ajin ตีกัน เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อโลกได้รู้จักกับ Ajin ครั้งแรกเมื่อ 26 ปีที่แล้ว มีมนุษย์คนหนึ่งที่ตายแล้วสามารถฟื้นขึ้นมาได้ (ไม่ใช่ว่าไม่ตายนะ แต่ตายแล้วฟื้นได้ พร้อมกับบาดแผลที่หายเป็นปกติ) เป็นการค้นพบสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลก ซึ่งประเทศญี่ปุ่นเองก็เปิดเผยว่าพบ Ajin แล้วสองราย จนกระทั่ง เคย์ นากาอิ พระเอกของเราถูกรถชนตาย แต่เจือกฟื้นขึ้นมาได้หน้าตาเฉย พร้อมกับญี่ปุ่นมุงกันอยู่หลายสิบคน จึงทำให้เคย์ถูกรัฐบาลพาตัวไป แต่ผู้มีพลังพิเศษในเรื่องนี้ไม่ได้ใช้ชีวิตเท่ๆ บนตึกสูงๆ เหมือนในหนัง Mavel กลับกันที่ Ajin นั้นถูกรัฐบาลจับไปทดลอง ตัดแขน ตัดขา พอสาแก่ใจแล้วก็ฆ่าให้ฟื้นตัวใหม่ เพื่อทดลองผลิตอาวุธและยากันสนุกสนาน ตายแล้วฟื้นวนเวียนไปอย่างน่าอนาถ และเมื่อ ซาโต้ หนึ่งใน Ajin ที่เคยหนีออกไปได้นั้น วางแผนที่จะล้างแค้นมนุษย์… ความเท่ของฉาก Action อย่างที่ทราบ เนื่องจากเรื่องที่ทั้งพระเอกและตัวร้ายมันฆ่ากันไม่ตาย เราจึงได้เห็นการต่อสู้ที่ต่างออกไป เปรียบเทียบให้เห็นภาพหน่อยก็ลองนึกถึง Death Note ที่คิระและแอลสู้กัน อาวุธก็ใช้ทั้งยมทูตและสมุดโน๊ตเฉือนเหลี่ยมกันทั้งเรื่อง ด้วยมุมกล้องที่เล่นใหญ่ ซาวน์ที่เหมาะเจาะ ทำให้การต่อสู้ทุกครั้งมีความตื่นเต้น Epic ทุกฉาก CG ของผีสีดำ หรือร่างแยกของเหล่า Ajin ทำได้ดีมากกก ฉากต่อสู่ทำได้ลื่นไหล ดูมีพลัง ความเท่ของฉาก Action อย่างที่ทราบ เนื่องจากเรื่องที่ทั้งพระเอกและตัวร้ายมันฆ่ากันไม่ตาย เราจึงได้เห็นการต่อสู้ที่ต่างออกไป เปรียบเทียบให้เห็นภาพหน่อยก็ลองนึกถึง Death Note ที่คิระและแอลสู้กัน อาวุธก็ใช้ทั้งยมทูตและสมุดโน๊ตเฉือนเหลี่ยมกันทั้งเรื่อง ด้วยมุมกล้องที่เล่นใหญ่ ซาวน์ที่เหมาะเจาะ ทำให้การต่อสู้ทุกครั้งมีความตื่นเต้น Epic ทุกฉาก CG ทำได้ดีมากกก ฉากต่อสู่ทำได้ลื่นไหล ดูมีพลัง การเล่าเรื่องจาก Manga แบบฉากต่อฉาก เนื้อเรื่องว่าด้วยการต่อสู้สองฝ่ายระหว่าง Ajin และรัฐบาลญี่ปุ่นที่กดดันกันไปมา วางแผนเฉือนเหลี่ยมกันระหว่างพระเอกและตัวร้าย ฉบับภาพยนตร์ถูกถอดมาตาม Manga แบบเป๊ะๆ มีหลายฉากและตัวละครหลักบางตัวถูกถอดออกไปบ้างเพื่อให้เล่าได้กระชับในเวลา 2 ชั่วโมง มีตัวละครที่ผมและแฟนหลายคนชอบถูกถอดออกไป อันนี้แอบเสียดาย ฉาก Action หลายฉากก็ถอดมาจากฉบับ Manga เช่นกัน ราวกับว่าเราได้เห็นภาพใน Manga เคลื่อนไหวบนจอภาพแบบโคตรเท่ บอกเลยว่าแฟนการ์ตูนต้องไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เนื้อเรื่องค่อนข้างเดินเร็วมาก ตรงนี้บางคนอาจจะรู้สึกว่าเร็วไปนิดหนึ่งเหมือนกัน นักแสดงหน้าตาตี แต่ไม่ค่อยเหมาะกับบท Ajin ฉบับภาพยนตร์ได้นักแสดงชื่อดังอย่าง Takeru Satoh ที่รับบทเป็น Kei Nagai พระเอกของเราทำให้ดูมีสีสัน และแฟนๆ ก็น่าจะปลื้มกันแน่นอน นักแสดงแต่ละคนเล่นดีสมบทบาท โดยเฉพาะ Rina Kawaei ที่รับบทเป็น Izumi Shimomura ผู้ช่วยแสนซื่อสัตย์ของ Yu Tosaki เล่นฉาก Action ได้เท่มาก บทบู๊เธอกินขาดสุดๆ แต่สิ่งที่ทำให้ผมตะหงิดคือตัวร้ายอย่าง Satou ที่ใน Manga เป็นคุณลุงผมสีขาวเจนโลกดูสุขุมน่าจะวัยสัก 45+ แต่กลับรับบทโดย Gou Ayano หนุ่มวัย 26 ปีที่มาย้อมผมสีขาว เข้าใจว่ามาเพื่อโชว์ซิกแพคและเรือนร่างอันยั่วน้ำลายสาวๆ แต่ทำให้ดูไม่ค่อยอินกับตัวละครนี้เท่าไหร่ ซึ่ง Satou เป็นตัวละครที่เด่นที่สุดในเรื่องเลยนะ เด่นกว่าพระเอกอีกแหน่ะ นักแสดงหน้าตาตี แต่ไม่ค่อยเหมาะกับบท Ajin ฉบับภาพยนตร์ได้นักแสดงชื่อดังอย่าง Takeru Satoh ที่รับบทเป็น Kei Nagai พระเอกของเราทำให้ดูมีสีสัน และแฟนๆ ก็น่าจะปลื้มกันแน่นอน นักแสดงแต่ละคนเล่นดีสมบทบาท โดยเฉพาะ Rina Kawaei ที่รับบทเป็น Izumi Shimomura ผู้ช่วยแสนซื่อสัตย์ของ Yu Tosaki เล่นฉาก Action ได้เท่มาก บทบู๊เธอกินขาดสุดๆ แต่สิ่งที่ทำให้ผมตะหงิดคือตัวร้ายอย่าง Satou ที่ใน Manga เป็นคุณลุงผมสีขาวเจนโลกดูสุขุมน่าจะวัยสัก 45+ แต่กลับรับบทโดย Gou Ayano หนุ่มวัย 26 ปีที่มาย้อมผมสีขาว เข้าใจว่ามาเพื่อโชว์ซิกแพคและเรือนร่างอันยั่วน้ำลายสาวๆ แต่ทำให้ดูไม่ค่อยอินกับตัวละครนี้เท่าไหร่ ซึ่ง Satou เป็นตัวละครที่เด่นที่สุดในเรื่องเลยนะ เด่นกว่าพระเอกอีกแหน่ะ สรุป Ajin Demi-Human เป็น Live-Action ที่ทำได้โคตรดี แฟนๆ ประทับใจแน่นอน ไม่ได้เอาฉบับการ์ตูนมาฆ่าทิ้งเหมือน Live-Action เรื่องอื่นๆ ฉาก Action ทำได้สุดมาก มันสุดกระดิ่ง ซาวน์ประกอบทำให้ทุกฉากดูตื่นเต้น ควรไปดูในโรงภาพยนตร์ ดำเนินเรื่องค่อนข้างเร็วเพื่อเก็บเนื้อหาตาม Manga ซึ่งก็เล่าได้กระชับดี แต่รู้สึกว่าแอบเร็วไป นักแสดงหน้าตาดีโดยเฉพาะฝั่งตัวร้าย สาวๆ น่าจะชอบ แต่คุณลุง Satou ใช้นักแสดงที่วัยรุ่นไปหน่อยเลยดูไม่อิน