เร่เข้ามา เอ้า!! เรเข้ามา ทั้งคนที่ชอบอ่านหนังสือ ไม่ชอบอ่าน และอยากจะอ่าน ต้องลองมาดูมหากาพย์การรีวิวครั้งนี้ เพราะเราเริ่มรักการอ่านก็ตอนที่เจอหนังสือเหล่านี้นี่แหละ! เราชอบหนังสือบันทึกการเดินทางมาก ๆ เพราะมันเป็นหนังสือที่พาเราไปเที่ยว โดยที่เราจ่ายเงินแค่หลักร้อย พาเราไปรู้จักวัฒนธรรมใหม่ ๆ ด้วยเวลาเพียงไม่กี่วัน
บางครั้งเหนื่อย ๆ ท้อใจ ไม่รู้จะทำงานไปเพื่ออะไร ชีวิตไร้จุดหมาย พอได้อ่านหนังสือบันทึกการเดินทางเหล่านี้แล้วกลับมีกระจิตกระใจจะทำงาน มีแรงฮึดขึ้นมาสู้เอาซะแบบนั้น! วันนี้เรารีวิวแบบไม่ยั้ง มหากาพย์แมงโก้รีวิว ตอน : หนังสือบันทึกการเดินทางที่ฉันเคยอ่าน
New York 1st Time
นี่ถือว่าเป็นหนังสือของสำนักพิมพ์แซลมอนเล่มแรกที่เราซื้อมาอ่านเลยก็ได้นะ และยังเป็นหนังสือบันทึกการเดินทาง (จริง ๆ ก็บันทึกประสบการณ์) เล่มแรกที่เราซื้อแบบตั้งใจไปซื้อ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการเสียเงินมากมายหลายบาทให้กับสำนักพิมพ์แซลมอนอีกด้วย 555 พี่เบ๊นเป็นคนที่ค่อนข้างกวน… กวนใจ! เพราะตลอดเล่มมีมุกตลก ๆ อยู่เรื่อย ๆ อ่านแล้ววางไม่ลง วันเดียวก็จบแล้ว ใครที่อยากหาอะไรเบาสมองแต่มีสาระก็ต้องเล่มนี้เลย ประหนึ่งว่าได้ไปเรียนต่อที่นิวยอร์กกับพี่เบ๊น!
THE REAL ALASKA
ในเมื่อมีเล่มแรกแล้ว เราก็กลายเป็นสาวกพี่เบ๊นไปโดยปริยาย พอพี่เบ๊นออกหนังสือบันทึกการเดินทางที่ไป “อลาสก้า” เราก็รีบไปสอยเลยจ้า เล่มนี้บันเทิงกว่าเล่ม New York 1st Time อีก!! พ่อคุณเอ๊ยย คนบ้าอะไรไปเที่ยวอลาสก้าให้ตลกได้ขนาดนี้ (เอาจริง ๆ ก็ไม่ตลก แต่พี่เบ๊นเป็นคนตลก ก็เลยตลก) บางบทนี่คิดภาพตามแล้วเหมือนกันได้ไปสัมผัสบ้านเมืองของเขาที่นั่นจริง ๆ เลย ส่วนบางบทก็… อือ อ่านจนจบบทแล้ว พี่แกเพิ่งมาเฉลยว่าล้อเล่น! เอาสิ เอาสิ้!!
BON EN KHMER
ข้ามมาฝั่ง a book กันบ้าง เล่มนี้ชื่อว่า BON EN KHMER หรือ บอง ออง แขมร์ นั่นเอง ซึ่งหมายความว่า “บองในเขมร” เพราะครเขียนชื่อ “บองเต่า” ชื่อนี้ก็มีที่มาจากประสบการณ์ที่เขียนไว้ในเล่มนี้นี่แหละ เล่มนี้พูดถึงการไปใช้ชีวิตทำงานแบบเฟิร์สจ็อบเบอร์ของ “้เต่า” แต่กว่าหนังสือเล่มนี้จะออกมาให้ประชาชีได้อ่าน ได้ขำ ได้สูบความรู้และประสบการณ์ ก็ผ่านไปเป็นสิบปีแล้ว พี่บองเต่าบอกว่าประสบการณ์มันตกตะกอนแล้ว เลยเอามาเขียนหนังสือได้ เล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มที่สนุกมาก ๆ อ่านแล้ววางไม้ลง พี่บองเต่ามีสำนวนเขียนที่สนุกมาก จิกนี่นิดนึง แซะนั่นนิดหน่อย 555 มันส์!
BON EN VOYAGE
ด้วยความที่ติดอกติดใจกับการเล่าเรื่องของพี่บองเต่าจากเรื่อง “BON EN KHMER” ไปแล้ว เราก็ซื้ออีกเล่มหนึ่งที่พี่บองเต่าเขียนด้วย ซึ่งชื่อว่า “BON EN VOYAGE” หรือเล่มรวมความแรดรอบโลกของพี่บองเต่า (อันนี้พี่เต่าพูดเองนะ เราไม่ได้ว่าพี่เขา) ถ้าใครอ่านเล่มก่อนนี้มาแล้วก็จะรู้ว่าพี่บองเต่าจะถูกคนรอบข้างแซวเสมอว่า “แรด” มากเลยนะเวลาไปเที่ยว เพราะมีสไตล์ที่จัดจ้านตลอดการเดินทาง เล่มนี้เราก็ได้อ่านเกี่ยวกับประสบการณ์การเที่ยว ทำงาน ตกเครื่อง 5555 ซึ่งสนุกมาก ๆ อีกแล้ว อ่านไม่เบื่อเลย!
LOST AND FOUND IN ICELAND
เล่มนี้ซื้อมาเพราะช่วงนั้นกำลังอิน ๆ กับการล่าแสงเหนือต่าง ๆ แล้วก็เห็นว่าเล่มไม่หนามาก อ่านง่าย พกง่าย ใครที่มีความฝันว่าอยากจะไปล่าแสงเหนือที่ประเทศ Iceland น่าจะชอบมาก ๆ เลยแหละ เพราะหนังสือเล่มนี้ไม่ได้มาสอนว่าเราจะต้องทำอย่างไรให้ได้เจอกับแสงเหนือที่คาดเดาไม่ได้ แต่มันคือการบอกเราว่า ถึงจะหาแสงเหนือไม่ค่อยเจอ แต่ความงดงามระหว่างทางก็เป็นสิ่งที่เราควรใส่ใจไม่แพ้กัน ชอบมาก ๆ ตอนที่ผู้เขียนลืมจาตั้งกล้องราคาหลักหมื่น ตื่นเต้นสุด ๆ มีแต่เรื่องไม่คาดฝันทั้งนั้น
โตเกียวไม่มีขา
ใครว่านิ้วกลมเขียนแต่หนังสือเกี่ยวกับความรักและชีวิต? บอกเลยว่าหนังสือบันทึกการท่องเที่ยวทุกเล่มของนิ้วกลมอ่านสนุกจริง ๆ ที่สนุกเพราะเนื้อหาที่ค่อนข้างจะเป็นเอกลักษณ์ การเล่าเรื่องที่ลื่นไหล ใช้ภาษาได้สวยงามและช่วยทำให้เราเห็นภาพวิว บรรยากาศ และภาพความงดงามของสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน จะติดนิด ๆ ก็ตรงที่เวลานิ้วกลมเล่นมุกทีไร เราจะได้ยินเสียงกาบ้าง เสียงจิ้งหรีดบ้างในหัวเราตลอดเลย 5555 เป็นมุกที่แบบขอคาราวะ ไม่แน่จริงไม่กล้าเล่นนะเนี่ย อย่างเล่มนี้ “โตเกียวไม่มีขา” ก็เป็นเล่มที่อ่านง่าย อ่านเพลิน เล่มเล็กด้วย แปป ๆ ก็จบแล้ว
walking on the sun
กลับมาต่อกันที่สำนักพิมพ์ a book กันค่ะ เล่มนี้ “walking on the sun” ถ้าจำไม่ผิด ผู้เขียนเล่มนี้เคยเป็นช่างภาพของ a day ก่อนที่จะลาออกไปทำตามความฝันโดยการไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นตอนที่ทำงานประจำมาแล้ว 6 ปี! ถือเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ของชีวิตเลย ความฮาคือเล่มนี้เราเคยยืมหอสมุดมาอ่านแล้ว แต่ก็ยังไปซื้อมาอีกเพราะจำชื่อเล่มไม่ได้ อ่านไปอ่านมา เอ๊า เคยอ่านแล้วหนิ! เล่มนี้คือเนื้อหาค่อนข้างสบาย ๆ พูดถึงชีวิตของนักเรียนภาษาที่ญี่ปุ่น พูดถึงส้วมอุ่นตูด พูดถึงรูมเมทเพี้ยน ๆ พูดถึงการทำอาหารกินเองในญี่ปุ่น โอ้ย เยอะสิ่งมาก ๆ ใครที่ชอบญี่ปุ่นหรืออยากไปใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นคงอ่านแล้วได้ประโยชน์ไปเยอะเลย
MY BEST FRIEND IS ME
ชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะไปเรียนเยอรมันคนเดียว!! เล่มนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ได้จากหน้าปกเลยว่าเป็นเรื่องของหญิงสาวที่ไปเรียนในประเทศเยอรมันนี ในประเทศที่อยู่ไกลบ้านเกิดกว่า 8 พันกิโลเมตร ในสังคมที่มีวัฒนธรรมแตกต่างจากบ้านเกิดอย่างสิ้นเชิง ไหนจะเรื่องภาษาที่เรียกได้ว่าเป็นหนึงในภาษาที่ยากที่สุดในโลกอีก ชีวิตของพวงสร้อยไม่ง่ายเลยจริง ๆ หนังสือเล่มนี้มีทั้งบันทึกความคิดของพวงสร้อยระหว่างที่ไปเรียนต่อ และมีทั้งบันทึกประสบการณ์ที่เธอเจอ สิ่งที่ได้เรียนรู้ และยังบันทึกให้เห็นถึงการเติบโตของเธออีกด้วย เล่มนี้อ่านแล้วฮึดสู้มาก อยากไปเรียนต่อบ้างเลย
LONDON Scene
พูดถึงหนังสือที่เล่าเรื่องเรียนต่อกันแล้วก็ขอต่อด้วยเล่มนี้เลยแล้วกัน “LONDON Scene” เป็นหนังสือบันทึกช่วงชีวิตของ “โอ๊ต มณเฑียร” ตอนที่ไปเรียนต่อด้านแฟชัน ดีไซน์ที่ประเทศอังกฤษ เราซื้อเล่มนี้มาด้วยความหลงรักหน้าปกที่ดูยังไง ๆ ก็ไม่เบื่อ แต่พอเราเปิดอ่านทีละหน้าจนแล้วก็พบว่า หนังสือเล่มนี้มีดีกว่าแค่หน้าปก ด้านในก็มีอาร์ตเวิร์คสวย ๆ ให้เราได้ดูตลอดเล่ม ประกอบกับบันทึกที่พูดถึงย่านสุดอาร์ตในลอนดอน วิธีเรียน วิชาเรียน เพื่อนร่วมชั้น ไปจนถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เขาพบเจอตลอดระยะเวลาที่ไปเรียนที่ลอนดอน ใครที่ชอบด้านแฟชัน และการออกแบบบอกเลยว่าเล่มนี้ควรโดน!
LONDON MUSEUMS
ต่อกันกับหนังสือของ “โอ๊ต มณเฑียร” เล่มนี้ชื่อว่า “LONDON MUSEUMS” ซึ่งเป็นเล่มที่โอ๊ตจะพาเราเข้าไปเยี่ยมชมศิลปะหลากหลายแขนงในพิพิธภัณฑ์หลากหลายแหล่งในลอนดอน แล้วพอเป็นโอ๊ต มณเฑียรเป็นคนเขียนแล้ว แน่นอนว่าไม่มีอะไรธรรมดา เพราะนอกจากอาร์ตเวิร์คในเล่มที่ยังคงทำให้เราหลงใหลและเพลิดเพลินแล้ว โอ๊ตยังบันทึกความคิดและมุมมองของเขาที่มีต่อศิลปะเหล่านั้นไว้ในเล่มนี้อีกด้วย บอกเลยว่าอ่านเพลิน ย่อยง่าย ได้ความรู้เต็ม ๆ
Paris Souvenir
หนังสือของ “โอ๊ต มณเฑียร” เล่มล่าสุดที่เราอ่านคือเล่มนี้นี่แหละ โอ๊ตยังคงความเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้ผ่านภาพประกอบที่สวยงาม ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับทุก ๆ หน้า ทุก ๆ บทของหนังสือเล่มนี้ ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือความโรแมนติก ความอีโรติก และจริตจะก้านของความเป็นปารีเซียงที่เพิ่มเข้ามา ทำให้หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่หนังสือบันทึกกาเรดินทางธรรมดา แต่เป็นหนังสือเดินทางที่พาเราไปเที่ยวปารีสในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน คุ้มเงินมากจริงเล่มนี้
LONELY LAND
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยคิดเลยว่าจะหยิบหนังสือของ “เบลล์” หรือ “jirabell” มาอ่าน เพราะดูเป็นหนังสือแบบฟุ้ง ๆ ออกแนวชีวิต ๆ แต่บอกเลยว่าเล่มนี้คือเล่มแรกที่เราหยิบมาอ่านแล้วทำให้เราหลงรัก “เบลล์” ไปเลย เล่มนี้พูดถึงดินแดนเดียวดาว มีความหว่อง กาไวอยู่เนือง ๆ จะเป็นเมืองไหนไปได้ถ้าไม่ใช่ “ฮ่องกง” ด้วยความที่ครอบครัวบางส่วนของเบลล์ใช้ชีวิตที่นั่น ทำให้เขามีโอกาสได้ไปเที่ยวและสัมผัสกับความหว่องนี้ จนได้นำมุมมองของการเดินทางครั้งนั้นมาเขียนเป็นหนังสือนั่นเอง บางบทถึงกับทำให้เราน้ำตาคลอเลยนะ เหงาตามเลยจริง ๆ
อยู่ญี่ปุ่นอย่างหมาป่า
ใครที่มีความฝันว่าอยากจะไปทำงานในฟาร์มแล้วก็อยู่ฟรีกินฟรีชิลล์ ๆ ก็ต้องอ่านเล่มนี้นี่แหละ เพราะผู้เขียนไปเข้าร่วมโครงการ WWOOF โครงการที่อนุญาตให้เราเข้าไปทำงานในฟาร์มของประเทศญี่ปุ่นได้ โดยได้ที่พักและอาหารเป็นการตอบแทน ซึ่งหบางคนอาจจะมองว่า เห้ย เรื่องง่าย ๆ งานมันจะขนาดไหนกันเชียว แต่พออ่านเล่มนี้แล้วคือเปลี่ยนความคิดเลยนะ แบบหันหลังกลับแทบไม่ทัน! 555 แต่ก็เป็นอีกเล่มที่บอกเล่าประสบการณ์ได้ดีมาก ๆ ประหนึ่ง่วาเราได้ไปทำงานเองเลยทีเดียว แถมยังช่วยจุดประกายความคิดที่จะไปลองทำแบบนี้ดูบ้างด้วย
ระหว่างทาง ระหว่างดาว
เล่มนี้เป็นหนึ่งในหนังสือบันทึกการเดินทางที่เรารักมากที่สุดเลย ที่บอกว่ารักเพราะว่าเราชอบหิมาลัยมาก ๆ อยู่แล้ว หลาย ๆ หนังสือที่พูดถึงเส้นทางการเดินทางในหิมาลัย เราอ่านแล้วอินมาก อาจจะเพราะอยากไปเอง 555 แต่เล่มนี้นอกจากประสบการณ์การเดินทางที่สุดยอดอเมซิ่งแล้ว (เพราะเล่มนี้เล่าถึงการไปเดินเส้นทางอันนาปุระเซอร์กิตถึง 2 ครั้งจนครบวงนั่นแหละ) ยังรวบรวมความงดงามของธรรมชาติ การตระหนักรู้ถึงการมีอยู่ของตัวเองและผู้อื่น การทบทวนตัวเอง และรวมไปถึงการพบเจอผู้คนใหม่ ๆ เราอินมากจริง ๆ อ่านไปบางบทก็น้ำตาคลอ ๆ ไป เหมือนผู้เขียนทำให้เราตั้งคำถามกับตัวเองไปด้วยว่าจริง ๆ แล้วเราต้องการอะไรกันแน่ สู้ไหม ไหวไหม รักเล่มนี้จ้า
PARIS SYNDROME
พี่ต่อ คันฉัตร เป็นคนที่เที่ยวแล้วพีคมากทุกทริปเลย ถ้าไม่ใช่เพราะไปเที่ยวแล้วพายุเข้า ฝนตกเกือบทั้งทริป ก็ต้องหลงทางออกไปนอกเมืองจนเสียแผนทุกที (พูดจริง ๆ นะเนี่ย ไม่ได้โกหก) เล่มนี้เราซื้อมาล่าสุดเลย พูดถึงทริปปารีส ที่บอกเล่าความปารีสแบบที่ปารีสเป็นจริง ๆ ทั้งรถไฟใต้ดินที่พีคมาก ๆ ไปจนถึงเรื่องราวของสังคมและความเป็นอยู่ของชาวปารีเซียง อ่านไปอ่านมาก็คิดว่า “นี่มันปารีสหรือกรุงเทพวะ!” 555 ใครที่กำลังจะไปปารีสก็แนะนำเลย อ่านเล่มนี้ รู้เลยนะว่าไปปารีสต้องเจอกับอะไรบ้าง จะได้เตรียมตัวถูก ส่วนคนที่เคยไปมาแล้ว แล้วมาอ่านเล่มนี้ คงอ่านไป ขำหึหึ ในคอไปด้วยแน่นอน
AUSTRIA Sanata
อีกหนึ่งเล่มที่เต็มไปด้วยความวายป่วงตามแบบฉบับของต่อ คันฉัตร ไปเที่ยวที่ไหนก็มีเรื่องให้โชคไม่ดีทุกที อย่างทริปนี้ที่พี่ต่อไปออสเตรีย ออสเตรียนะ ยุโรป ประเทศนี้ใช้ภาษาเยอรมัน เป้นประเทศเล็ก ๆ ที่ใคร ๆ ก็บอกกันว่าคนประเทศนี้เป็น “ไบโพลาร์” 5555555 ตลกตั้งแต่รู้แบบนี้แล้ว แล้วพี่ต่อที่เจอแต่เรื่องป่วง ๆ ไปประเทศนี้อ่ะ คือสุดมาก พีค พีคที่สุดแล้วจริง ๆ อ่านไปขำไป แต่ก็ได้ความรู้เกี่ยวกับเมือง ศิลปะ และประวัติศาสตร์ด้วยนะ ผ่านการหลงทาง ผ่านการเจอกับคนมึน ๆ งง ๆ นั่นแหละ
เดินข้างเขา หนาวข้างเธอ
เล่มสุดท้าย ก็ยังคงเป็นเล่มที่พูดถึงเรื่องราวของกาเรดินทางในเส้นทางการเดินเขาหิมาลัย การเดินทางครั้งนี้แปลกกว่าครั้งไหน ๆ เพราะเป็นการเดินทางของผู้ชายอกสามศอกกับหญิงสาวที่มาพร้อมกับรอยยิ้มละมุนละไมแบบ สอง ต่อ สอง! ตามเส้นทางมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ผู้เขียนเขียนได้เป็นธรรมชาติมาก เหมือนเรานั่งฟังเขาเล่าเรื่องแบบเพลิน ๆ แถมยังมีแอบ ๆ ใส่ความคิดที่มีต่อเพื่อนร่วมทางเข้ามาในแต่ละหน้าด้วยนะ อ่านไปยิ้มไป
เลือกซื้อชั้นวางหนังสือเพื่อเก็บหนังสือได้ ที่นี่