ไม่ต่างกับที่อื่นๆ ในโลก เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในญี่ปุ่นเองก็เป็นช่วงเวลาสำหรับครอบครัว มีประเพณีมากมายที่ชาวญี่ปุ่นจะปฏิบัติกันมาเป็นธรรมเนียม ตั้งแต่การไปวัด ขอพร ซื้อเครื่องราง ประดับตกแต่งบ้าน ชมรายการทีวีหรือทำกิจกรรมด้วยกันทั้งครอบครัว ฯลฯ แต่หนึ่งในประเพณีที่อร่อยที่สุดก็คือการรับประทานอาหารชุดมงคลที่เรียกว่า โอเซจิ-เรียวริ (おせち料理) อาหารมงคลมื้อแรกของปี เหมือนที่คนไทยเชื่อว่าไม่ควรเหนื่อยทำความสะอาดบ้านในวันมงคลเพราะจะเหนื่อยไปทั้งปี ชาวญี่ปุ่นเองก็เชื่อกันมาแต่โบราณว่าเราควรจะได้พักผ่อนสบายๆ ไม่ควรต้องเหนื่อยมาจุดเตาเผาฟืนทำกับข้าวกันตั้งแต่ปีใหม่เช่นกัน ช่วง 3 วันแรกของปีพวกเขาจึงรับประทานโอเซจิ ซึ่งมีลักษณะเป็นอาหารประเภทของแห้ง ของหมักดอง จัดเรียงกันในปิ่นโต ที่สามารถทำหรือซื้อเก็บไว้ตั้งแต่สิ้นปีแล้วกินได้หลายวัน ภาพ – hiroshimagal flickr เดิมทีแล้วโอเซจิเป็นอาหารที่มีไว้ถวายพระเจ้า อาหารแต่ละจานที่มาประกอบกันเป็นโอเซจิจึงมักจะความหมายถึงสิ่งดีๆ เช่น ถั่วดำ หมายถึงสุขภาพแข็งแรงและอายุยืน, ไข่ปลาเฮอร์ริง หมายถึงการมีลูกหลาน ผลผลิตงอกงาม, รากโกโบะ หมายถึงความแข็งแรง, รากบัวดอง ให้สิ่งไม่ดีผ่านไป, ไข่ม้วน หมายถึงความมั่งคั่ง และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ละท้องถิ่นก็จะมีวัตถุดิบพิเศษที่ต่างกันไป แล้วแต่ใครจะสรรหามาได้ นอกจากโอเซจิแล้ว อาหารที่ชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทานกันในช่วงปีใหม่ก็ยังมีโซบะ ซึ่งมักจะรับประทานกันในคืนข้ามปี หรือโอโซนิ ซึ่งมีลักษณะเป็นโมจิในน้ำซุป ก็มักจะรับประทานกันในวันแรกของปีเช่นกัน ประเพณีที่เริ่มเสื่อมความนิยม เดิมทีแล้วโอเซจินั้นเป็นสิ่งที่ครอบครัวจะทำกินกันเอง แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไป การทำกับข้าวเยอะขนาดนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ในปัจจุบันโอเซจิจึงมักจะสั่งจากร้านกันแทน โดยโอเซจิร้านดังๆ นั้นก็ต้องจะทำศึกแย่งชิงลูกค้าให้มาจองล่วงหน้ากันตั้งแต่เดือนตุลาคมเลยทีเดียว นอกจากนั้นแล้วโอเซจิก็เป็นอาหารที่หรูหราราคาแพง ที่อาจจะมีราคาตั้งแต่หมื่นเยน (3 พันบาท) ไปจนถึงแสนแยน (3 หมื่นบาท) ได้เลย ตามแต่จำนวนชั้นและความหรูหราทั้งของวัตถุดิบและตัวปิ่นโต บ้านไหนมีสมาชิกเยอะก็มีหมดกันเป็นล้านเลยล่ะทีนี้ ซ้าย – ชุดโอเซจิที่แพงที่สุดของห้างสรรพสินค้าโตคิว ราคา 648,800 เยน (2 แสนบาท) ขวา – ปิ่นโตใส่โอเซจิฉลองครบรอบ 180 ปี ห้างสรรพสินค้าทาคาชิมายะ ทำจากทอง 18 กะรัต ราคา 18.9 ล้านเยน (5 ล้านบาท) สามารถเลือกอาหารใส่ได้ตามใจชอบ เพราะความที่มันจะทำเองก็ลำบาก จะซื้อกินก็แพงนี้เอง ในปัจจุบันวัฒนธรรมโอเซจิจึงค่อยๆ ถูกลืมเลือนไป วัยรุ่น หรือแม้แต่ผู้ใหญ่หลายๆ บ้านก็เริ่มรู้สึกว่าโอเซจิเป็นประเพณีที่สิ้นเปลืองและไม่จำเป็น อาจจะยังคงเหลือการรับประทานอาหารมื้อใหญ่ร่วมกันเป็นครอบครัว แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องซื้อหาโอเซจิ เพราะไม่ได้สนใจเรื่องความมงคลไม่มงคลอยู่แล้ว โอเซจิในยุคปัจจุบัน เพื่อสืบสานประเพณีและรักษายอดขาย หลายๆ ภัตตาคารเลยเริ่มปรับภาพลักษณ์ของโอเซจิเสียใหม่ให้ไม่เป็นแค่ข้าวกล่อง แต่ต้องน่ากิน น่าสะสม และเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น ด้วยการนำซื้อลิขสิทธิ์การ์ตูนดัง คาแรกเตอร์ดัง มาปรับใช้กับโอเซจิ ทั้งที่ลายของปิ่นโต หรืออย่างชุดโอเซจิของเรื่อง Frozen ก็มีการแถมตุ๊กตาโอลาฟด้วย คราวนี้ถึงจะไม่อยากกินยังไงพ่อแม่ก็ทนเสียงรบเร้าของลูกน้อยไม่ไหวแน่ๆ สำหรับแฟนเกมคลาสสิกของนินเทนโด ก็มีโอเซจิที่สกรีนลายตัวละครจากเกมซูเปอร์มาริโอ พร้อมของแถมเป็นการ์ดเกมมาริโอ ให้เอามาเล่นกับเพื่อนๆ ในช่วงปีใหม่ได้ด้วย โอเซจิโปเกมอนนี้ก็มีการทำออกมาติดต่อกันหลายปีแล้ว เป็นโอเซจิที่ไม่ได้แค่ทำตัวปิ่นโตให้เป็นโปเกบอลเท่านั้น อาหารข้างในเองก็ออกแบบให้เป็นตัวละครปิกะจูด้วย หรืออย่างในปีนี้ ที่มีภาพยนตร์อย่าง Star Wars : Rogue One เข้าฉายพอดี สบโอกาสเล็งเห็นว่าคนคงยังอินกับหนังข้ามปี ก็มีการทำโอเซจิสำหรับแฟนสตาร์วอร์ส ไม่ใช่แค่ที่ลายกล่อง แต่เมนูอาหารต่างๆ ก็ดีไซน์ออกมาสำหรับแฟนๆ โดยเฉพาะ แถมยังมีของแถมอีกมากมายอีกต่างหาก สนนราคาอยู่ที่ชุดละ 24,000 เยน หรือประมาณ 7,300 บาท หรือถ้าไม่เปลี่ยนกันที่ดีไซน์ หลายร้านก็หันมาเปลี่ยนกันที่รูปแบบของอาหารโอเซจิ จากเดิมที่เต็มไปด้วยอาหารประเภทพืชผักของหมักดองที่ไม่ถูกใจวัยรุ่น เพราะวัยรุ่นอย่างเรามันไม่สนใจเรื่องมงคลหรือสุขภาพอยู่แล้ว! ก็มีการทำโอเซจิเนื้อย่าง หรือแบรนด์อย่างเคเอฟซีก็มีการทำโอเซจิไก่ทอดออกมาวางจำหน่ายในช่วงสิ้นปีด้วย โอเซจิประเภทของหวานซึ่งมีเค้กหลายชนิดบรรจุมาในกล่องเองก็กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบันเช่นกัน โดยเฉพาะในหมู่สาวๆ วัยรุ่น แบบนี้น่ากินกว่าผักดองเป็นไหนๆ บางเจ้าก็เพิ่มลูกเล่น อย่างการทำให้กล่องโอเซจิสามารถนำไปนึ่งได้ จะได้กินอาหารสดๆ ร้อนๆ ไม่ต้องมากินผักดองเย็นๆ อีกต่อไป แม้แต่โอเซจิแปลกๆ สุดขั้ว อย่างโอเซจิจากกองกำลังป้องกันตนเองของประเทศญี่ปุ่นนี้ ก็เอาอาหารซองแบบที่ทหารใช้กินเวลาค้างแรมในค่ายกันมาขายก็มีเหมือนกัน เอากับเขาสิ! หรือไม่ก็ทำการตลาดกันโต้งๆ ด้วยการเอาไอดอลระดับประเทศอย่าง AKB48 มาขายโอเซจิกันซะเลย โดยเมนูอาหารข้างในนั้นก็คัดสรรมาโดยเหล่าสมาชิกวง ซึ่งผู้ที่สั่งซื้อนอกจากจะได้กินอาหารอร่อยๆ แล้วก็ยังจะได้รับคลิปวิดีโออวยพรปีใหม่จากสาวๆ รวมไปถึงลุ้นรับผ้าที่ตัดมาจากเครื่องแบบของสาวๆ อีกด้วย นอกจากนี้แล้วก็เคยมีแคมเปญการตลาดที่หากซื้อโอเซจิกินในวันปีใหม่ ก็จะเป็นกรบริจาคเงินให้กับเด็กผู้ยากไร้อีกทางหนึ่งด้วย จากประเพณีปีใหม่ที่สืบทอดกันมานานหลายร้อยปี ผ่านวิกฤตที่เกือบจะทำให้สูญสลายไป การได้เห็นบทบาทใหม่ของโอเซจิที่ไม่เป็นเพียงอาหารมงคลวันปีใหม่ แต่เป็นศึกชิงไหวชิงพริบและความคิดสร้างสรรค์ของการตลาด แถมยังเป็นมื้อพิเศษและของสะสมชิ้นแรกของปีของชาวญี่ปุ่นแล้ว ก็ยิ่งทำให้เราซูฮกกับความคิดที่ยืดหยุ่นและสร้างสรรค์ของชนชาตินี้จริงๆ ที่มา – Makankluay, Rocketnews24 1, 2, 3, 4, 5, 6, KawaiiKakoiiSogoi