นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยหลังประชุมคณะทำงานแปรนโยบายเร่งด่วนไปสู่การปฏิบัติของกระทรวงคมนาคมว่า ได้หารือร่วมกับกรมทางหลวง, กรมทางหลวงชนบท, การทางพิเศษแห่งประเทศไทย, กรมการขนส่งทางบก, สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร และผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใน 2 ประเด็น ได้แก่ เรื่องการ “กำหนดความเร็วบนถนนสายหลักไม่เกิน 120 กม./ชม.” และการ “ปรับเวลาห้ามรถบรรทุกวิ่งในเมืองช่วงกลางวัน” ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อออกเป็นกฎหมาย และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับการกำหนดความเร็วบนถนนสายหลักไม่เกิน 120 กม./ชม. มีมติให้ปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 และ พ.ร.บ.พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 ซึ่งทั้ง 2 ฉบับ กำหนดอัตราความเร็วสูงสุดในการขับขี่แตกต่างกัน ให้เป็นฐานข้อมูลเดียวกันก่อน เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบถนนมีทั้งหมด 15 ประเภท และกำหนดความเร็วสูงสุดในการขับขี่รถตามประเภทของถนน ไม่ใช่มิติของพื้นที่ เช่น ถนนขนาด 4 ช่องจราจรขึ้นไปที่มีการแบ่งทิศทางจราจรแยกออกจากกัน โดยมีเกาะกลางหรือกำแพงกั้น สามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 120 กม./ชม. และถนนที่มีช่องจราจร 4 ช่องจราจรหรือน้อยกว่า ที่แบ่งทิศทางแยกออกจากกันด้วยเส้นสีหรือเกาะสี สามารถใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 90 กม./ชม. เป็นต้น เบื้องต้นระหว่างการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว กระทรวงคมนาคมสามารถออกกฎกระทรวงฯ เพื่อใช้สำหรับเส้นทางที่มีความพร้อม หรือเส้นทางสายหลักที่สามารถใช้ความเร็วรถได้สูงสุด 120 กม./ชม. ได้ก่อน
ส่วนการจำกัดเวลาห้ามรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งในเขต กทม.และปริมณฑล กำหนดให้ใช้ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันตก และตะวันออกเป็นตัวแบ่งเขตพื้นที่ ดังนี้
– พื้นที่นอกเขตถนนวงแหวนฯ และบนถนนวงแหวนรอบนอกฯ และทางพิเศษ รถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไป วิ่งได้ช่วงเวลา 21.00 – 06.00 น. (รวม 9 ชม.)
– ถนนภายในเขตพื้นที่วงแหวนรอบนอกฯ รถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งได้ช่วงเวลา 00.00 – 04.00 น. (รวม 4 ชม.) จ
– พื้นที่ภายในวงแหวนรอบนอกฯ วิ่งได้ในเวลา 21.00 – 06.00 น. น.
– พื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ วิ่งได้ในเวลา 10.00 – 16.00 น. และช่วง 20.00 – 06.00 น.
– พื้นที่นนทบุรี/ปทุมธานี 09.00 -16.00 น. และช่วง 19.00 น.-06.00 น.
– สำหรับรถที่ได้รับการยกเว้น ได้แก่ รถผสมปูนในการก่อสร้าง, รถบรรทุกเชื้อเพลิง และรถบรรทุกสินค้าเน่าเสียง่าย เป็นต้น
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังระบุว่า การแก้ปัญหาจราจรใน กทม. ต้องกล้าทำ กล้าตัดสินใจ และเป็นแนวทางที่เมืองใหญ่ๆ ในโลก ดำเนินการกันอยู่ ซึ่งให้ไปดูว่าผู้ประกอบการได้รับผลกระทบอย่างไร หรือมีต้นทุนเพิ่มตรงไหน เพื่อหาทางเยียวยาไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน แต่เชื่อว่าหากบริหารจัดการดี จะไม่มีผลกระทบ เพราะการกำหนดเวลาวิ่งในเขตเมือง เที่ยงคืน – ตี 4 ชัดเจน สามารถบริหารจัดการให้สอดคล้องกับเวลาที่กำหนด ซึ่งในอดีตให้เวลารถใหญ่วิ่งในเมืองค่อนข้างมาก ทำให้รถติดมาก