พล.ต.ต นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บังคับการตำรวจจราจร เปิดโครงการปรับปรุงและพัฒนาระบบตรวจจับรถฝ่าสัญญาณไฟจราจรแบบใหม่(Red light camera system) ซึ่งพัฒนาระบบตรวจจับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรได้อัตโนมัติ เริ่มตรวจจับจริง 1 กันยายน 62 นี้ เป็นต้นไป
สำหรับกล้องตรวจจับระบบใหม่นี้ มีความคมชัดมากถึง 12 ล้านเมกกะพิกเซล และได้เพิ่มระบบอินฟาเรดติดมากับกล้องด้วย ทำให้สามารถจับภาพรถที่กระทำความผิดได้ตลอด 24 ชั่วโมงในทุกสภาพอากาศ แม้ในวันที่ฝนตกหนัก หรือผู้ที่แก้ไขป้ายทะเบียน ขูดขีด พ่นสี ก็สามารถตรวจจับได้หมด โดยก่อนถึงแยกที่มีการติดตั้งระบบดังกล่าวจะมีป้ายแจ้งเตือนในระยะ 100 เมตรและ 50 เมตรก่อนถึงจุดตรวจจับ
เมื่อได้ภาพรถผู้กระทำผิดแล้ว จะนำข้อมูลของทะเบียนรถยนต์ รุ่นรถ และสีของรถ มาตรวจสอบความถูกต้องกับกรมการขนส่งทางบก และส่งใบสั่งพร้อมหลักฐานภาพถ่ายไปยังที่อยู่ของผู้กระทำความผิด โดยผู้ครองครองรถยังสามารถเข้าไปตรวจสอบการกระทำความผิดในใบสั่งนี้ได้ที่เว็บไซต์ของกองบังคับการตำรวจจราจร www.trafficpolice.go.th โดยใส่รหัสผ่านที่ระบุในใบสั่ง
ระบบการตรวจจับจะจับเฉพาะรถที่ฝ่าไฟแดงที่พ้นจากเส้นหยุดไปแล้วเต็มคัน หากรถหยุดไม่ทันเลยจากเส้นหยุดออกไปเล็กน้อย หรืออยู่ในช่วงไฟเหลืองและจอดรถล้ำจุดจอดรถจักรยานยนต์ ระบบจะไม่ออกใบสั่งให้ โดยระบบสามารถเก็บข้อมูลไว้ได้ไม่น้อยกว่า 2 เดือน ทั้งภาพนิ่งและวิดิโอ
สำหรับข้อหาฝ่าฝืนสัญญาณจราจร มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท และอาจจะถูกตัดคะแนนความประพฤติการขับขี่ด้วย ซึ่งสามารถตรวจจับรถได้ทุกประเภทที่มีป้ายทะเบียน โดยจุดที่ติดตั้งระบบตรวจจับฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร (Red light camera system) รวม 30 จุด ได้แก่
จากสถิติการทดลองตรวจจับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. ถึง 25 ส.ค. ที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร รวม 22,260 รายต่อเดือน เฉลี่ย 890 รายต่อวัน พบในช่วงเวลากลางวันมากที่สุด ประมาณ 15,000 ราย โดยจุดที่ฝ่าฝืนมากที่สุดในช่วงกลางวันพบที่ “แยกรัชดาพระราม 4” จำนวน 3,082 ราย รองลงมาได้แก่ “แยกนรินทร ขาออก” และ “แยกตากสิน” ส่วนในเวลากลางคืนพบ จุดที่ฝ่าฝืนมากที่สุดอยู่ในบริเวณ “แยกรัชดาพระราม 4” เช่นกัน รองลงมาคือ “แยกอโศกเพชรบุรี” และ ”แยกนรินทร ขาออก”