ในยุคที่ใคร ๆ ต่างก็เป็นครีเอเตอร์ได้ทุกเพศ ทุกวัย จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอาชีพ ‘ครีเอเตอร์’ กำลังเป็นอีก 1 งานในฝันแห่งโลกอนาคตที่หลายคนอยากทำเป็นอาชีพ และเมื่อหันกลับมามองวงการครีเอเตอร์ของไทยเองในตอนนี้ เราก็มีครีเอเตอร์มากความสามารถในหลายแขนงที่มีฝีมือเป็นที่ประจักษ์ในสายตาระดับโลกอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะสายดนตรี, ภาพยนตร์, ศิลปะ, เกมเมอร์ หรือแม้แต่ครีเอเตอร์เฉพาะทางอีกหลายด้าน ต่างก็มีฝีมือหากแต่ยังขาดพื้นที่ที่ส่งเสริมและสนับสนุนวงการให้ไปต่อได้อย่างมั่นคง ล่าสุด MQDC บริษัทอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ก็ได้ผุดไอเดียสร้างโปรเจกต์อสังหาริมทรัพย์ใหม่ในชื่อ ‘Cloud 11’ ตั้งเป้าเป็นฮับของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ส่งเสริมพื้นที่ให้คนทำงานสร้างสรรค์แบบครบวงจร รวมถึงสร้างพื้นที่สวนลอยฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ เพื่อส่วนรวม เปลี่ยนชุมชนย่านสุขุมวิทใต้ ให้เป็นย่านสำหรับคนรุ่นใหม่และการสร้างสรรค์นวัตกรรมบนพื้นที่ใช้สอย 254,000 ตารางเมตร เบื้องหลังโปรเจกต์นี้จะถูกพัฒนาออกมาหน้าตาเป็นอย่างไรและการออกแบบโครงการนี้จะมีประโยชน์ยังไงกับวงการครีเอเตอร์และพื้นที่ย่านสุขุมวิทใต้อีกบ้าง วันนี้เรามีโอกาสได้เข้าฟังสัมภาษณ์พิเศษกับทีมพัฒนาโครงการ ทั้งคุณองศา จรรยาประเสริฐ ผู้อำนวยการโครงการ Cloud 11 พร้อมพันธมิตรบริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมชั้นนำระดับประเทศอย่าง A49 นำโดยคุณนิธิศ สถาปิตานนท์ กรรมการบริหาร A49 และคุณเคเจติล ทราดาล ธอร์เซ่น ผู้ก่อตั้งบริษัทระดับโลกอย่าง Snøhetta ที่เข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้กับโครงการ Cloud 11 ในครั้งนี้ด้วย มาติดตามเบื้องหลังไปพร้อมกันได้ที่นี่ ‘Empowering Creators’ แนวคิดสำคัญที่อยู่เบื้องหลังทุกสิ่ง ความตั้งใจใน Theme Project ครั้งนี้ของ MQDC คือ การติดปีกให้คอนเทนต์ครีเอเตอร์… เมื่อความตั้งใจนี้เป็นสารตั้งต้น จึงนำมาสู่โจทย์การออกแบบพื้นที่กว่า 254,000 ตารางเมตร เพื่อตอบโจทย์ 3 โจทย์ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ เป้าหมายของ ‘Cloud 11’ ที่ต้องการสร้างพื้นที่ Content Creation Ecosystem ศูนย์รวมการสร้างคอนเทนต์ที่หลากหลาย ครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุด ทั้งพื้นที่สตูดิโอ เงินทุนสนับสนุน บุคลากร และอุปกรณ์ทันสมัย รองรับงานสร้างสรรค์ที่หลากหลาย ทั้งเพลง พอดแคสต์ ภาพยนตร์ วิดีโอสั้น แอนิเมชั่น เกม และ งานศิลปะ ดีไซน์ที่ออกมาจึงต้องตอบความต้องการทุกแง่มุมในชีวิตของ Content Creator เอื้อให้เกิดระบบนิเวศพื้นที่ของนักสร้างสรรค์ได้ง่าย ในอีกด้านทีมก็มองเห็นว่าในอนาคตอันใกล้เทคโนโลยีและโลก Virtual จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคอนเทนต์ครีเอเตอร์ รวมถึงคนทั่วไป จึงต้องการออกแบบพื้นที่นี้ให้รองรับนวัตกรรมต่าง ๆ ที่จะผสานโลกเสมือนและโลกความจริงเข้ากันได้อย่างไร้รอยต่อ เป็นสะพานนำครีเอเตอร์ไทยสู่เวทีระดับโลก นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะนำเทคโนโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้ สนับสนุนครีเอเตอร์ในเรื่องลิขสิทธิ์และการแบ่งรายได้ตลอดห่วงโซ่ เพื่อให้การสร้างสรรค์คอนเทนต์เป็นไปอย่างยุติธรรมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโจทย์สุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การออกแบบในโครงการนี้ จะต้องนึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งกับชุมชน เพื่อพื้นที่สาธารณะโอบกอดความแตกต่าง พร้อมสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนในย่านนี้ อันเป็นที่มาของความตั้งใจปรับปรุงพื้นที่รอบด้าน ตั้งแต่ Canel Walk เดิมที่ไม่มีใครอยากเดินผ่าน บูรณะคูคลองรอบด้าน รวมถึงพื้นที่สีเขียวที่เชื่อมต่อทั้งโครงการอย่างร่มรื่น กลายเป็นอีกแหล่ง Hang Out ที่ครีเอเตอร์สามารถมาทำงาน ส่วนผู้คนในชุมชนก็สามารถแวะมาพักผ่อนหย่อนใจได้ รู้จัก 7 องค์ประกอบบนพื้นที่ Cloud11 ด้วย 3 โจทย์ที่เป็นหัวใจสำคัญ จึงกลายเป็นพื้นที่ 7 ส่วนในโครงการ ‘Cloud 11’ ที่ตอบรับกับทุกชีวิตในพื้นที่ ประกอบไปด้วย – Creative Office & Studio Space สำนักงาน Grade-A พร้อมพื้นที่สตูดิโอ ตอบโจทย์การทำงานวงการครีเอเตอร์ที่สามารถเข้าใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีลิฟท์ส่วนตัวสำหรับศิลปินดารา พร้อมมุ่งสู่มาตรฐาน LEED ด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม, มาตรฐาน WELL ด้านสุขภาวะและความเป็นอยู่ของผู้ใช้อาคาร และมาตรฐาน WiredScore SmartScore ด้านระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมระบบโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงพิเศษสำหรับการทำงานด้านคอนเทนต์ – Hybrid Retail ศูนย์การค้าในคอนเซปต์ใหม่ที่จะสนับสนุนธุรกิจร้านค้าของครีเอเตอร์ ทั้ง Fulfillment Center สำหรับการสต๊อก, แพ็ก, ส่งสินค้า โดยมีหน้าร้านขนาดเล็กมีประสิทธิภาพ หรือ Cloud Kitchen สำหรับครีเอเตอร์สายอาหารที่ยังไม่ประสงค์ลงทุนหน้าร้าน นอกจากนี้ในศูนย์การค้ายังจะมีแบรนด์ระดับโลกทำงานร่วมกับครีเอเตอร์ (creator collaboration) ต่อยอดนำลิขสิทธิ์ผลงานไปใช้ผลิตสินค้าพิเศษ เพื่อให้แฟน ๆ ของเหล่าครีเอเตอร์สามารถเข้าชมและเลือกซื้อได้ที่นี่ – Smart Hotel และ Lifestyle Hotel นอกจากมีพื้นที่ทำงาน พื้นที่ประกอบการแล้ว ก็ยังมีส่วนของที่พักอาศัยเป็นโรงแรม 2 แบรนด์ใหม่ระดับโลก ที่จะเปิดตัวในไทยเป็นครั้งแรก รองรับการเติบโตของย่านนวัตกรรม ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ สตาร์ทอัพ นักลงทุน และนักธุรกิจต่างชาติ สามารถเข้าพักที่นี่ได้อย่างสะดวก – Education เมื่อส่งเสริมอาชีพด้านครีเอเตอร์แล้ว การเติมความรู้เพื่อกลุ่มคนสร้างสรรค์ก็เป็นอีกองค์ประกอบที่สำคัญ จึงมีพื้นที่โซน สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย ศูนย์วิจัย พื้นที่บ่มเพาะ เพื่อสร้างบุคลากรด้านการสร้างสรรค์คอนเทนต์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมอยู่ที่นี่ด้วย – Cultural เติมเต็มชุมชนนักสร้างสรรค์ด้วยส่วนพื้นที่จัดแสดง ประกอบไปด้วยฮอลล์จัดงานคอนเสิร์ต การแข่งขันอีสปอร์ต โรงละคร Blackbox Theatre สำหรับครีเอเตอร์และศิลปินรุ่นใหม่ – Public Space สุดท้ายคือพื้นที่สีเขียวที่เชื่อมต่อทั้งโครงการไว้ด้วยกันด้วยสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่สาธารณะที่เปิดให้ครีเอเตอร์ได้มาใช้ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงเปิดให้คนในชุมชนได้เข้ามาออกกำลังกายพักผ่อนหย่อนใจ เพื่อตอบโจทย์การเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในย่านสุขุมวิทใต้ให้มากขึ้น จากปรัชญา ‘For all well-being’ สู่ดีไซน์เพื่อทุกคน บนสวนลอยฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ อีกหนึ่งไอเดียการออกแบบที่เป็นไฮไลท์สำคัญของพื้นที่โครงการนี้ นอกจากออกแบบโครงการมาเพื่อกลุ่มคนนักสร้างสรรค์ในวงการ ก็ยังคิดถึงผู้คนในชุมชนย่านสุขุมวิทใต้ จากข้อมูลที่พบว่าตลอดเส้นทางในช่วงสถานี BTS บางจาก, ปุญณวิถี, อุดมสุข และบางนา ในย่านนี้ยังแทบจะไม่ค่อยมีสวนสาธารณะดี ๆ ที่จะเป็นแหล่งเติมพลัง ยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้คนได้ เกิดเป็นดีไซน์สวนลอยฟ้าขนาดใหญ่กึ่งกลางของโครงการที่เรียกได้ว่า เป็นพื้นที่สวนลอยฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ คุณองศา จรรยาประเสริฐ ผู้อำนวยการโครงการ Cloud 11 ก็ได้เผยกับทีมสัมภาษณ์ว่า โครงการ Cloud 11 ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบในพื้นที่นี้ โดยเฉพาะต้นไม้ที่โครงการได้เก็บต้นไม้ใหญ่เดิมอายุกว่า 100 ปีที่เคยเติบโตในบริเวณนี้ไว้ กลายเป็นที่มาที่โครงสร้างตึกของ Cloud 11 จะมีการยกขึ้นเพื่อเว้นพื้นที่เพื่อให้ต้นไม้ได้เติบโตต่อไป และโปรเจกต์อื่น ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ทั้งความตั้งใจที่จะทำความสะอาดคลองโดยรอบ สร้างแหล่งกรองอากาศภายในตึกที่จะช่วยส่งเสริมสิ่งแวดล้อมให้ครีเอเตอร์ทำงานได้สะดวกที่สุด ไปจนถึงปลายทางที่อยากส่งเสริมอุตสาหกรรมวงการครีเอเตอร์อย่างจริงจัง ขณะเดียวกันคุณนิธิศ สถาปิตานนท์ จาก A49 เสริมว่า ทางทีมออกแบบเริ่มต้นรูปแบบโครงการด้วยโจทย์และ Data ที่รวบรวมมาผ่านการฟังความคิดเห็นจากเพื่อนบ้านในพื้นที่ เกิดเป็นการปรับปรุง Canal Walk ให้น่าเดิน รวมถึงตัวอาคารที่โอบล้อมรอบพื้นที่ กลายเป็นร่มเงาให้กับสวนลอยฟ้าในช่วงเวลาที่แดดร้อน ทำให้สวนแห่งนี้สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน แต่ก็ยังเว้นช่องลมให้มีอากาศสามารถถ่ายเทได้ตลอด ทำให้ผู้คนที่เข้ามาในพื้นที่นี้ สามารถสัมผัสอากาศที่สดชื่นท่ามกลางเมืองหลวงแห่งนี้ได้ นอกจากนี้คุณเคเจติล จาก Snøhetta บอกเล่าถึงความประทับใจต่อโปรเจกต์นี้ที่พื้นที่สีเขียวในสวนสาธารณะ ไม่เพียงเชื่อมต่อทุกส่วนของโครงการได้อย่างไร้รอยต่อ แต่ยังเชื่อมต่อชุมชนรอบข้างเข้าไว้ด้วยกัน ตั้งแต่ตัวอาคารไปจนถึงสถานีรถไฟฟ้า อีกทั้งความตั้งใจการบูรณะปรับปรุงพื้นที่รอบข้างให้น่าอยู่ ทำให้ Cloud11 กลายเป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่ย่านสุขุมวิทใต้ เหมาะกับทั้งคนทำงานสายครีเอทีฟที่จะได้เห็นสีเขียวตลอดทุกมุมตึก ส่วนคนในชุมชนย่านนี้เองก็สามารถเข้ามาใช้งานได้ตลอดเวลาเช่นกัน ทำให้ได้เห็นพลังของงานดีไซน์ที่นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คนได้จริง ๆ พอได้ฟังแบบนี้แล้ว ทีมงาน Mango Zero เองในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของวงการครีเอเตอร์เองก็อยากเห็นการเติบโตของโปรเจกต์นี้ไว ๆ และหวังว่าจะเป็นอีกแหล่งพื้นที่ดี ๆ ที่ช่วยซัพพอร์ตอุตสาหกรรมครีเอเตอร์บ้านเราให้ไปไกลได้อีกเรื่อย ๆ สำหรับตัวโครงการเริ่มต้นก่อสร้างไปแล้วตั้งแต่ปี 2022 ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างงานโครงสร้างอาคาร คาดว่าจะเปิดให้ใช้บริการได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2024 คงต้องรอดูกันต่อไปว่าเมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้วจะออกมาเป็นอย่างไร แน่นอนว่าพวกเราไม่พลาดที่จะเก็บภาพมาให้รับชมกันต่อไปแน่นอน
