[Mango Movie Review] Win or Lose: ชัยชนะที่ไม่ได้สุขสม ความพ่ายแพ้ที่ไม่ได้ทุกข์ระทมใน “สนามชีวิต”


: 20 กุมภาพันธ์ 2568

หลังจากที่เคยสร้างความประทับใจแบบน้ำตาท่วมโรงมาแล้วในแอนิเมชัน “Inside out” คราวนี้ “Pixar Animation Studios” กลับมาอีกครั้งพร้อมซีรีส์ออริจินัลเรื่องแรกอย่าง “Win or Lose” เตรียมส่งเรื่องราวสุดลึกซึ้งถึงทุกจอบ้านแล้ววันนี้ทาง Disney+ Hotstar 

8 คน – 8 มุม – 8 ตอน

“Win or Lose” เล่าเรื่องราวการเตรียมตัวสู่ศึกการแข่งขันชิงแชมป์ซอฟท์บอลของบรรดา 8 ตัวละคร 8 มุมมอง ผ่านแอนิเมชัน 8 ตอนที่เนื้อเรื่องดำเนินอยู่บนเส้นเวลาเดียวกัน

โดยในแต่ละตอนจะเล่าเรื่องราวของตัวละครที่พบเจอความสุข ความเศร้า และปัญหาที่แตกต่างกันไปตามช่วงวัยและภาระหน้าที่ ไม่ว่าจะเด็กน้อยในทีมที่เคร่งเครียดกับการแข่ง กรรมการที่ประสบปัญหาหัวใจ หรือมนุษย์แม่ตัวจี๊ดที่ติดโซเชียลเป็นชีวิตจิตใจ 

การเอาสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่างอารมณ์ความรู้สึกมานำเสนอให้เห็นภาพชัดแบบดูปุ๊บเก็ทปั๊บ! นับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ PIXAR ทำได้ดีเสมอมา เช่นเดียวกับที่ปรากฏผ่านแอนิเมชันเรื่องนี้ในรูปแบบที่หลากหลายกว่าเก่า บ้างเป็นเพื่อนในจินตนาการ บ้างเป็นเกมจำลอง ชวนให้เพลิดเพลินกับการคาดเดาว่ารูปแบบสถานการณ์ต่างๆ ที่เรากำลังดูอยู่นั้นกำลังสื่อถึงความรู้สึกแบบใดในชีวิตจริง 

ชัยชนะที่อาจจะไม่ได้สุขสม และความพ่ายแพ้ที่ไม่ทุกข์ระทมเสมอไป

อีกหนึ่งจุดเด่นของเรื่อง “Win or Lose” ที่หลายคนอาจได้เห็นตั้งแต่ในภาพโปสเตอร์หรือตัวอย่าง คือกีฬา “ซอฟท์บอล” ที่ถูกนำมาใช้เป็นพื้นหลังของแอนิเมชันเรื่องนี้ ซึ่งเป็นกีฬาโปรดในวัยเด็กของผู้กำกับ  

ทว่าเมื่อสังเกตดูให้ดี สนามซอฟต์บอลแห่งนี้กลับเปิดเผยความจริงของชีวิตได้อย่างน่าประหลาด สถานที่ที่มีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ มีผู้สมหวังและผู้ผิดหวัง มีรอยยิ้มและน้ำตา มีหลากหลายความรู้สึกอัดรวมไว้ และมีเรื่องราวไม่คาดคิดที่อาจเปลี่ยนเกมเกิดขึ้นได้เสมอ  

ยิ่งมองไปถึงชีวิตของ 8 ตัวละครที่แวดล้อมในสนาม ก็จะยิ่งพบว่าบางครั้งเส้นทางสู่การจะเป็น “ผู้ชนะ” นั้นก็ช่างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด และหลายทีการเป็น “ผู้พ่ายแพ้” บ้างก็อาจจะไม่ได้แย่เสมอไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถอดแบบมาจาก “สนามชีวิต” ของมนุษย์อย่างเราๆ เลยก็ว่าได้ 

“Win or Lost” ยังแฝงไปด้วยข้อคิดเตือนใจอีกหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเรื่องของการเอาใจเขามาใส่ใจเรา การเปิดใจสื่อสาร การรับมือกับความผิดหวัง และแง่มุมอื่นๆ อีกมากมาย แอนิเมชันเรื่องนี้จึงอาจทิ้งความรู้สึกและบทเรียนอันหลากหลายไว้ในหัวใจผู้ชมไปได้อีกนาน

ความสดใสเคลือบรอยน้ำตา

จากทั้งหมดที่พูดมาจะเห็นได้เลยว่า แม้แอนิเมชันเรื่องนี้จะมาพร้อมใบปิดสีสันสดใสและคาแร็กเตอร์สุดน่ารัก แต่เนื้อหาภายในกลับลึกซึ้งและบาดลึกจนอาจเรียกได้ว่าทำมาเพื่อสื่อสารกับ “ผู้ใหญ่” เสียมากกว่า 

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศโดยรวมทั้งหมดของเรื่องก็ไม่ได้ถึงขั้นเคร่งเครียดคิ้วขมวด เพราะ PIXAR ยังคงแทรกความตลกไว้อย่างกลมกล่อม ทำให้เด็กก็สามารถดูแอนิเมชันเรื่องนี้ได้ แต่ถ้าหากเป็นผู้ใหญ่ก็อาจจะต้องเตรียมผ้าเช็ดหน้าเผื่อไว้ซับน้ำตากันสักหน่อย 

เรียกได้ว่าแต่ละคนอาจจะสัมผัสอารมณ์ ความรู้สึก และเห็นมุมมองใหม่ๆ จากแอนิเมชันเรื่องนี้ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับช่วงวัย ภาระหน้าที่ และประสบการณ์ส่วนบุคคลที่พบเจอมานั่นเอง

 

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยตกหลุมรักเหล่าอารมณ์สุดป่วนใน “Inside Out” ขอการันตีเลยว่า “Win or Lose” คืออีกหนึ่งเรื่องราวที่ไม่ควรพลาด! โดยสามารถรับชมได้ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป ทั้งซับไทยและพากย์ไทยบน Disney+ Hotstar เท่านั้น

 

ชมตัวอย่าง “Win or Lose” ได้ที่นี่! :

Writer Profile : namwand.thanapa
Blog : Social Media : Facebook, Twitter
View all post

[SPECIAL INTERVIEW] เขินแรงแดงเป็นอ๊ะอาย นักพากย์ไทยเสียงใสในภาพยนตร์ Turning Red


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save