หนังพีเรียดย้อนยุค ชื่อเรียกไม่คุ้นหู โปสเตอร์สวยสะกด และวิดีโอโปรโมตที่นำเสนอความเป็นไทยโดดเด่นสะดุดตา สิ่งเหล่านี้คือไม่กี่อย่างที่ผู้ชมจะได้รับรู้ก่อนจะไปชม “แมนสรวง” ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ผลงานเรื่องล่าสุดจาก Be On Cloud ซึ่งใช้เวลาเนิ่นนาน ผนึกกำลังทีมงานคุณภาพหลายชีวิต ก่อนจะกลายมาเป็นผลงานสุดปราณีต และน่าประทับใจเกินความคาดหมาย “แมนสรวง” ภาพยนตร์ไทยพีเรียด บอกเล่าเรื่องราวปลายยุคสมัยรัชกาลที่ 3 ผ่านชีวิตของ “เขม” ไพร่หนุ่มผู้รักการร่ายรำ แต่ดันกลายเป็นแพะแบกรับความผิดที่ตนไม่ได้ก่อ เป็นเหตุให้เขาและ “ว่าน” สหายไพร่เพื่อนรักต้องแฝงตัวเขาไปในสถานเริงรมย์ลึกลับอย่าง “แมนสรวง” เพื่อสืบหาความจริงอันมืดดำที่ซุกซ่อนอยู่หลังเปลือกนอกแสนงดงาม อย่างแรกที่ต้องชื่นชมเกี่ยวกับแมนสรวง คือการรังสรรค์บรรยากาศของยุคเก่ายุคก่อน ผสมผสานวัฒนธรรมหลากหลายออกมาได้อย่างสวยงาม ไม่ว่าจะภาพ แสง สี เสียง ชุด เสื้อผ้า องค์ประกอบต่างๆ ที่ดูเพลินตาไปหมด คล้ายว่าจะสมจริง แต่ในขณะเดียวกันก็มีกลิ่นอายความแฟนตาซีอย่างบอกไม่ถูก ราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในดินแดนใหม่ โลกใหม่ ถูกเชื้อเชิญให้หลงเข้าไปผจญภัยในแมนสรวงพร้อมๆ กับตัวละคร ตั้งแต่เริ่มต้น เราก็ได้เข้าไป “ผจญภัย” จริงๆ ทั้งในส่วนของเนื้อหาที่เข้มข้น เน้นหนักไปทางการเมือง เสียดสีสังคม สืบสวนสอบสวน มีความลับซ่อนเร้นปกปิด มีปริศนาที่ต้องไขให้กระจ่าง และหาคำตอบชวนให้ลุ้นระทึกไปตลอดเรื่อง ถือว่าเป็นแนวที่แปลกใหม่ และเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจะได้เห็นจากวงการภาพยนตร์ไทยสักเท่าไร ซึ่งอาจจะด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้าของผู้ผลิต ที่มีเรื่องอยากเล่ามากมาย มีช่วงสะเปะสะปะ เล่าตัดสลับไปมา มีข้อมูลเยอะจับต้นชนปลายไม่ถูก ต้องใช้สมาธิอย่างสูงในการดู ทั้งยังผนวกเข้ากับภาษาเก่าแก่ที่ต้องใช้การประมวลผล ไม่สามารถแปลได้ทันที ทำให้หากหลุดโฟกัสไปครู่เดียวก็อาจจะไม่เข้าใจเลยก็เป็นได้ แต่พอเข้าช่วงกลางเรื่อง ก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง พูดได้เต็มปากว่า “สนุก” น่าติดตามไปจนจบ เหลือเพียงประเด็นของการร่ายรำ – นาฏศิลป์ต่างๆ ที่มีมาให้เห็นแบบจางๆ ทั้งที่ทำออกมาได้อลังการชวนมอง กลับมีน้อยไปสักหน่อยจนน่าเสียดาย กระนั้นเอง ส่วนสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีแรงดึงดูดมหาศาล คือเสน่ห์ของนักแสดงนำทั้ง 4 คน สาดฝีไม้ลายมือ ใส่พลังเต็มที่ในทุกจังหวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “อาโป ณัฐวิญญ์” ที่รับผิดชอบหน้าที่ของนักแสดงนำได้สมบูรณ์แบบ คำพูด ภาษา ท่าทาง การแสดงออกทางอารมณ์ ทำให้เราเชื่ออย่างสนิทใจว่าตัวละคร “เขม” คือไพร่หนุ่มผู้หลงใหลในการรำอย่างสุดหัวใจ เขามีตัวตนอยู่จริงที่ไหนที่ใดสักแห่งบนโลกนี้ เป็นการยากที่จะบรรยายความรู้สึกถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาเป็นตัวอักษร ยากที่จะเล่าเรื่องราวเพราะเกรงว่าจะเสียอรรถรส แต่อยากบอกเพียงให้ทุกๆ คนวางอคติที่มีเอาไว้สักประเดี๋ยว ลองเปิดใจรับความไทยแท้ที่หยิบความเก่ามาเล่าใหม่แบบไม่จำเจ ทำสมองให้โล่งพร้อมดำดิ่งสู่ห้วงความลับอันแสนมืดมิด โดยที่ไม่คาดหวังอะไร คุณอาจได้ความประทับจิตประทับใจตราตรึงเมื่อก้าวออกจากโรงภาพยนตร์ นาฏกรรมแห่งเลือดเนื้อและน้ำตา มหรสพแห่งกิเลสและกลลวง สะบัดม่านแดงอำพราง เปิดโปงทุกความลับ พิสูจน์ความจริงให้ประจักษ์แก่สายตา วันนี้ในโรงภาพยนตร์ รับชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ที่