เร่เข้ามาเลยจ้า ! ใครที่มีความปรารถนาอยากฝึกงานแบบได้ทำจริง ลงมือจริง ยุ่งจริง กลับดึกจริง ต้องมาที่เว็บไซต์ Mango Zero และวันนี้เราจะมาเล่าสิ่งที่ได้ทำ พร้อมประสบการณ์ดีๆ ที่ได้รับ หลังจากฝึกงานมา 8 สัปดาห์ ซึ่งเข้มข้นสุดๆ (แต่ก็สนุกสุดๆ เหมือนกันนะ) ก่อนอื่นเลยเราชื่อฟ่อน เป็นนักศึกษาเอกโฆษณา เราเข้ามาฝึกงานที่นี่ผ่าน โครงการ LAB Rabbit ซึ่งเป็นโครงการรับนักศึกษาฝึกงานของ Rabbit Digital Group ที่มีบริษัทในเครือมากมาย เราได้เข้ามาฝึกงานในส่วนของบริษัท The Zero ที่ประกอบด้วยหลากหลายเว็บไซต์ โดยหนึ่งในนั้นคือเว็บไซต์ Mango Zero และเราได้ฝึกงานในตำแหน่ง Content ตำแหน่งนี้ว่าง่ายๆ ก็คือมาเขียนบทความ สร้างเนื้อหาต่างๆ ลงเว็บไซต์ ซึ่งพี่ๆ ก็ให้เราทำจากสิ่งที่เราชอบหรือสนใจ โดยให้เราคิดเอง เขียนเอง หรือบางครั้งก็ให้ทำภาพกราฟิกประกอบบทความเองด้วย ใครที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นเป็ดที่ทำได้หลายอย่าง (ถึงเราจะไม่รอดซักอย่าง) บอกเลยว่าที่นี่ได้ทำครบ ! มาดูกันดีกว่าว่าเราได้เจอและได้ทำอะไรบ้าง เพื่อนร่วมทีมสุดแกร่ง กับโปรเจกต์แสนทรหด วันแรกที่เข้ามาฝึกงานก็ได้รู้จักกับเพื่อนๆ 3 คนที่ได้เข้ามาฝึกงานเว็บไซต์ Mango Zero เหมือนกัน โดยเรียกทีมพวกเราว่า The Zero junior #3 ได้แก่ มีน เป็น Graphic designer น้ำหวาน เป็น Video editor และเนิร์ส เป็น Project manager เมื่อมารวมกับเราที่ทำ Content ก็ครบทีม และนั่นคือจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์ K-POP Fanclub เพราะในวันแรกเราก็ได้รับโจทย์ให้ทำโปรเจกต์ร่วมกัน โดยให้คิดหัวข้อที่เราสนใจมาทำคอนเทนต์ในหลายรูปแบบ ทั้งบทความ ภาพชุด Infographic และวิดีโอ ลงในเว็บไซต์ Mango Zero ประมาณสัปดาห์ละ 1 ชิ้น จากนั้นนำทุกอย่างมารวมเป็นบทความขนาดยาวแบบ Longform แต่จุดที่ยากที่สุดก็คือ เราทั้ง 4 คนต้องหาเรื่องที่ชอบเหมือนกันให้ได้ เพื่อนำมาเป็นหัวข้อโปรเจกต์นี้ จนในที่สุดก็ได้หัวข้อเกี่ยวกับ “แฟนคลับ K-POP ในประเทศไทย” ซึ่งมาจากเสี้ยวความสนใจของพวกเราที่ตรงกันมากที่สุด และได้นำมาทำคอนเทนต์เกี่ยวกับแฟนคลับในหลายแง่มุม ทั้งกิจกรรมของแฟนคลับ อุปกรณ์ของแฟนคลับ แฟนคลับกับแรงบันดาลใจ เรื่องราวของแฟนเบส รวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจในหัวข้อนี้ เขียนในสิ่งที่เราอยากจะเขียน นอกจากโปรเจกต์ K-POP Fanclub ที่ต้องทำแน่นอนแล้ว เราก็ได้เขียนบทความเรื่องอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย หากไม่ใช่งานรีวิวหรือข่าว พี่ๆ ก็จะให้เราเลือกหัวข้อเรื่องที่เราต้องเขียนจากสิ่งที่เราชอบหรือสนใจทำ แม้บางเรื่องเราอาจจะรู้สึกไร้สาระ แต่พี่ๆ ก็ให้เขียนลงเว็บไซต์ได้ ดังนั้น Mango Zero จึงเหมือนเป็นพื้นที่ให้เราได้นำเสนอสิ่งที่เราสนใจหรือเรื่องที่เราชอบให้คนอื่นได้รู้จักไปด้วย ในงานแต่ละชิ้นพี่ๆ จะให้คำแนะนำตลอด ทั้งสไตล์วิธีการเขียนให้ตรงกับเอกลักษณ์ของเว็บไซต์ วิธีตั้งชื่อเรื่องให้สะดุดตา การเว้นบรรทัดบ่อยๆ หรือการทำตัวหนังสือเล็กใหญ่ เพื่อให้คนอ่านสามารถอ่านได้ง่าย รวมไปถึงการทำภาพประกอบให้อารมณ์เข้ากับเนื้อหา และนอกจากจะได้เขียนเรื่องที่เราสนใจแล้ว อีกสิ่งที่เราชอบก็คือการเขียนรีวิวของต่างๆ โดยเฉพาะของเล่น หรือของน่ารักๆ เพราะเมื่อพี่ๆ ให้เราเขียนรีวิว เราก็จะได้ของชิ้นนั้นกลับไปด้วยเป็นของแถม ได้สัมภาษณ์ด้วยตัวเอง และไปงานแถลงข่าว ตื่นเต้นสุดๆ เมื่อได้สวมป้าย Press คล้องคอเพราะรู้สึกเป็นนักข่าวตัวจริง อิอิ โดยพี่ๆ จะพาเราไปงานแถลงข่าวต่างๆ ด้วย และให้เรากลับมาเขียนข่าวด้วยตัวเอง ที่สำคัญคือไม่ได้ให้เราตามไปเพื่อสัมผัสบรรยากาศเท่านั้น แต่ข่าวที่เราเขียนก็ได้ลงเว็บไซต์ด้วย ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่มาฝึกงานสัปดาห์แรก ทำให้เราต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองจากการทำงานจริง ในสถานการณ์จริง อีกทั้งยังพาไปสัมภาษณ์ในงานต่างๆ โดยให้เราเป็นผู้ช่วยจดที่ได้เรียนรู้วิธีการสัมภาษณ์จากพี่ๆ และนอกจากนี้ยังได้สัมภาษณ์ด้วยตัวเองในส่วนของโปรเจกต์ K-POP Fanclub ด้วย เชื่อแล้วว่างานโปรเจกต์นี้ให้น้องๆ ทำเองจริงๆ จัด Event เพื่อชาว YouTuber เมืองไทย Event ดีๆ ที่ให้น้องๆ ฝึกงานได้ทำเอง (อีกแล้ว) ความไว้เนื้อเชื่อใจที่พี่ๆ มีต่อเด็กฝึกงานนั้นพุ่งปรี๊ดถึงขีดสุดจริงๆ เพราะพี่ๆ ให้ทีมเด็กฝึกงานช่วยกันจัด Event ชื่อว่า iCreator Meetup #4 ของเว็บไซต์ RAiNMaker ซึ่งเป็นเว็บไซต์ในเครือ The Zero เช่นเดียวกัน และครั้งนี้มาในหัวข้อ YouTube Trending นั่นเอง โดยให้พวกเราทำทุกขั้นตอนตั้งแต่เลือกวิทยากรจนถึงติดป้ายบอกทางไปห้องน้ำ Event นี้เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่หาได้ยาก แต่ก็ต้องขอบคุณ เนิร์ส Project Manager ที่เป็นหัวเรือ คอยแจกจ่ายงานให้กับเพื่อนๆ เด็กฝึกงาน และพี่ๆ ที่คอยควบคุมดูแลอยู่ไม่ห่าง รวมถึงวิทยากร YouTuber ใจดีทั้ง 4 ท่าน ที่ทำให้งานออกมาประสบความสำเร็จขนาดนี้ พี่ๆ น่ารัก และเป็นกันเองสุดๆ เล่ามาแต่ละเรื่องที่ขาดไม่ได้เลยคือพี่ๆ ในบริษัททุกคน ที่น่ารักมากๆ ทุกคนใจดีและเป็นกันเอง คอยสอน คอยช่วยเหลือในทุกเรื่อง อีกทั้งเรายังได้เรียนรู้วิธีการทำงานจากพี่ๆ แต่ละคน ถึงแม้จะมีหลากหลายสไตล์แต่ทำงานร่วมกันได้ และได้รู้จักพี่ๆ จากหลากหลายเว็บไซต์ในเครือ The Zero ทั้ง Parents One ,Thumbsup ,RAiNMaker และ GG2 ดังนั้นนอกจากเว็บไซต์ Mango Zero แล้วเราก็อาจมีโอกาสได้ช่วยงานพี่ๆ จากเว็บไซต์อื่นด้วยเช่นกัน และที่สำคัญ บรรยากาศในออฟฟิศก็ไม่ตึงเครียด ค่อนข้างผ่อนคลาย และมีเสียงเฮฮาตลอด มีทั้งทำงาน ทั้งเล่นเกม ขนาดเวลาประชุมยังมีแต่เสียงหัวเราะ ใครที่อยากฝึกงานแต่กังวลเรื่องพี่ๆ ในบริษัทจะดุก็หมดห่วงได้เลย Lab Rabbit ที่มาพร้อมความรู้ และประสบการณ์จากอีกหนึ่งโปรเจกต์ สำหรับโครงการ LAB Rabbit นอกจากเราจะได้ฝึกงานโดยแบ่งกันตามบริษัทใน Rabbit Digital Group แล้ว ก็ยังมีกิจกรรมให้ทำร่วมกันด้วย ทั้งคลาสเรียนให้ความรู้จากพี่ๆ ในบริษัททุกสัปดาห์ ที่มาทั้งความรู้เน้น ๆ จัดเต็มทุกประสบการณ์ และยังให้แง่คิดชีวิต ซึ่งหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว รวมไปถึงยังมีอีกหนึ่งโปรเจกต์ให้ทำร่วมกับเพื่อนๆ จากบริษัทอื่นในโครงการ Lab Rabbit ที่ทำให้เราได้เรียนรู้วิธีทำงานในรูปแบบอื่นๆ ได้ใช้ความคิดแก้ปัญหาสถานการณ์ต่างๆ กับโจทย์ที่ท้าทาย ดังนั้นการมาฝึกงานโครงการนี้บอกเลยว่าครบรสทั้งฝึกงานตามตำแหน่งในบริษัทเหมือนทำงานจริง และได้ทำโปรเจกต์จัดเต็มที่ได้รับคำแนะนำและได้พรีเซนต์กับพี่ๆ สุดท้ายนี้ช่วงเวลา 2 เดือนที่ได้มาฝึกงานที่ Mango Zero นั้น เป็นช่วงเวลาคุ้มค่าที่ได้เรียนรู้และได้รับประสบการณ์มากมาย อยากขอบคุณพี่ๆ ในบริษัทที่คอยช่วยเหลือและดูแลอยู่เสมอ ขอบคุณเพื่อนๆ ในทีม The Zero junior #3 ทั้งเรื่องงานหรือเรื่องกินตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ขอบคุณเพื่อนๆ ในโครงการ Lab Rabbit ที่ร่วมกันทำโปรเจกต์จนกลับบ้านดึก และสุดท้ายขอบคุณโครงการ Lab Rabbit และบริษัท The Zero ที่เปิดพื้นที่ให้ได้มาฝึกงานและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆ แบบนี้