ส่องสถิติและที่มาของ “ศึกแดงเดือด” ฉบับรวบรัด! จบในที่เดียว
จบกันไปแล้วกับศึก “แดงเดือด” ศึกที่มาจุดไฟความร้อน และดับลมฝนให้เราในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เรียกได้ว่าสร้างเสียงฮือฮาให้กับเหล่าแฟนบอลชาวไทยได้ไม่น้อย ส่งผลให้แฮชแท็ก #TheMatchBangkokCenturyCup2022 ติดขึ้นเทรนด์ทวิตในไทยมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับใครที่ยังไม่รู้ เราขอแวะมาเล่าคร่าว ๆ กันก่อน “ศึกแดงเดือด” เป็นการแข่งขันฟุตบอลของทีมยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีกระหว่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งทั้งสองต่างก็มีประวัติศาสตร์ และความสำเร็จในวงการลูกหนังมาอย่างยาวนาน ทำให้ศึกแดงเดือดแต่ละครั้งเป็นที่จับตามองของแฟนบอลทั่วโลกอยู่เสมอ
เชื่อว่าในไทยแฟนบอลหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับคำว่า “แดงเดือด” อย่างแน่นอน แต่รู้หรือไม่ว่า ที่มาของวลีนี้ เกิดจากคุณกิตติกร อุดมผล นักพากย์มากความสามารถเบอร์ต้น ๆ ของไทย ได้ทำงานร่วมกับ ย.โย่ง เอกชัย นพจินดา คัมภีร์ลูกหนังในตำนาน โดยตอนนั้นทั้งสองต้องคิดชื่อโปรเจกต์ที่จะเชียร์ฟุตบอลไปกับแฟน ๆ
คุณกิตติกรได้เสนอไอเดียไปหลายชื่อ จนกระทั่งอยู่ดี ๆ เขาก็ได้คำว่า “แดงเดือด” ขึ้นมา อิงจากการที่ทั้งสองทีมใส่เสื้อสีแดงเหมือนกัน บวกกับการแข่งขันในแต่ละครั้งก็ดูเหมือนอยู่ในสงคราม เพราะว่าใส่เต็มข้อล่อเต็มแข้งกันสุด ๆ เลยได้ชื่อนี้มาเป็นแคมเปญ จนทำให้ติดปากแฟนบอล และสื่อหลาย ๆ เจ้าเริ่มนำคำนี้มาใช้เวลาที่ทั้งสองทีมแข่งขันกัน
เอาล่ะ! ไม่รอช้า…เรามาเริ่มส่องสถิติและที่มาของ “ศึกแดงเดือด” กันเลยดีกว่าา~
นัดแรกที่ทั้งสองทีมพบกัน เกิดขึ้นในรอบเพลย์ออฟ ในวันที่ 28 เมษายน 1894 โดยในตอนนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังใช้ชื่อว่า นิวตัน ฮีธ อยู่ ผลของการแข่งขันเป็นฝั่งลิเวอร์พูลเอาชนะไปได้ 2-0 และนี่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นแมตช์แดงเดือดต่อ ๆ กันมา
และหลังจากนั้นเป็นเวลาเกือบ 130 ปี ประวัติศาสตร์ก็ได้ถูกจารึกมาเรื่อย ๆ โดยทั้งคู่พบกันมาแล้ว 209 นัด (เฉพาะรายการที่เจอในลีกและทัวร์นาเมนท์หลักในอังกฤษ รวมถึงรายการระดับยุโรป) ซึ่งแมนยู ชนะ 81 นัด ลิเวอร์พูล ชนะ 70 นัด เสมอ 58 นัด
สำหรับนักเตะที่ทำประตูได้สูงสุดในศึกแดงเดือด ทำประตูมากถึง 9 ประตู มีด้วยกัน 4 คน ได้แก่
🥅 แซนดี เทิร์นบูลล์ หนึ่งในคนสำคัญของทีมแมนยูที่สามารถทำประตูอย่างเป็นกอบเป็นกำ และพาทีมสามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้เป็นครั้งแรก
🥅 จอร์จ วอลล์ นักเตะชาวจอร์ดี้ถือเป็นปีกซ้ายที่โดดเด่นในยุคช่วงแรกที่แมนยูประสบความสำเร็จ
🥅 สตีเวน เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันลิเวอร์พูลผู้มากความสามารถ และต้นแบบของนักฟุตบอลหลายคน ปัจจุบันหลายคนรู้จักเขาในนามผู้จัดการทีมแอสตันวิลลา
🥅 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หนึ่งในปีกคนสำคัญของลิเวอร์พูลยุคปัจจุบัน ผู้ครองตำแหน่งรองเท้าทองคำ คู่กับ ซน ฮึง-มิน จากสเปอร์ส เมื่อฤดูกาล 2021/2022
นอกจากนี้ศึกแดงเดือดยังเคยจัดการแข่งขันนอกเกาะอังกฤษมาแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง แบ่งเป็น 2 ครั้งที่อเมริกา กับอีก 1 ครั้งที่ไทย
⚽️ ครั้งแรก เมื่อปี 2014 ในรายการ “ไอซีซี คัพ” ที่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ปีนั้นแมนยูเพิ่งแต่งตั้ง “หลุยส์ ฟาน กัล” กุนซือชาวดัตช์เข้ามาปีแรก และคุมทัพปีศาจแดงเอาชนะลิเวอร์พูล ไปได้ 3-1
⚽️ ครั้งที่สอง เกิดขึ้นในปี 2018 รายการ “ไอซีซี คัพ” ที่รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ลิเวอร์พูลภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ สามารถล้างแค้นได้สำเร็จไปด้วยสกอร์ 4-1
⚽️ ครั้งที่สาม นัดล่าสุดในค่ำคืนของวันอังคารที่ผ่านมาอย่าง THE MATCH Bangkok Century Cup 2022 จัดขึ้นที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน กรุงเทพฯ ซึ่งนัดนี้ถือเป็นนัดแรกของตัวกุนซือคนใหม่ของปีศาจแดงอย่าง “เอริก เทนฮาก” และเปิดตัวได้อย่างสวยงาม กับการถล่มหงส์แดงไปถึง 4-0 เลยทีเดียว
ที่มา : lfchistory , Matichon , TNNthailand , wikipedia