เรียกว่าเป็นข่าวดีสำหรับแฟนหงส์แดงลิเวอร์พูลทั่วโลกเลยก็ว่าได้ หลังจากที่เมื่อคืนนี้ เชลซีเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยแมตช์นี้เป็นแมตช์สำคัญของทั้ง 3 ทีมหัวตาราง เพราะถ้าเชลซีชนะจะทำให้ระยะห่างของคะแนนที่ตามทีมอันดับสามอย่างเลสเตอร์ ซิตี้แคบลง และลิเวอร์พูลการันตีแชมป์อย่างแน่นอน ส่วนแมนซิตี้ถ้าชนะในเกมนี้ จะทำให้โอกาสคว้าแชมป์ลิเวอร์พูลช้าลงไปอีก 1 นัด
โดยในนาทีที่ 35 เชลซีเป็นฝ่ายขึ้นนำจากความผิดพลาดของกองหลังแมนซิตี้ เปิดโอกาสให้พูลิสิคโมยบอลจากกลางสนามเลี้ยงเดี่ยวขึ้นไปทำประตูนำ 1-0 และเป็นประตูเดียวที่เกิดขึ้นในครึ่งแรก
เริ่มครึ่งหลัง นาทีที่ 54 แมนซิตี้ได้ประตูตีเสมอ 1-1 จาก ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษโดย เควิน เดอ บรอย ที่ประเคนบอลเข้าสู่สามเหลี่ยมเสาแรกไปอย่างงดงาม
และในนาทีที่ 56 แมนซิตี้เกือบขึ้นนำจากจังหวะสวนกลับ โดยเป็นการส่ง 2 จังหวะจาก เดอบรอย ไป มาเรสและมาเรซส่งบอลให้สเตอลิ่งแต่ยิงไปชนเสาเน้นๆ
นาทีที่ 70 เชลซีก็เกือบขึ้นนำหลังจากการหลุดเดี่ยวของพูลิสิคคนดีคนเดิม ที่เพิ่มเติมคือยิงไปแล้วแต่บอลร้ำหนักเบาไปนิดเดียว ทำให้วอล์คเกอร์สไลด์ไปหยุดบอลคาบเส้นได้พอดิบพอดี
จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมนี้เกิดขึ้นประมาณนาทีที่ 75 จากจังหวะนัวกันหน้าประตูของแมนซิตี้และเป็นเฟอร์นันดินโย่ กองกลางทีมเรือใบจงใจใช้มือปัดบอล ส่งผลให้โดนใบแดงและทีมเสียจุดโทษ และเป็นวิลเลียน กองหน้าเชลซีเป็นผู้สังหารจุดโทษขึ้นนำเป็น 2-1
และในนาทีที่ 92 เชลซีเกือบได้ประตูเป็น 3-1 จากจังหวะขึ้นบอลจากด้านซ้ายของเปรโดปั่นโค้งบอลพุ่งตรงกรอบแต่ผู้รักษาประตูแมนซิตี้อย่าง แอนเดอร์สัน ก็พุ่งปัดบอลด้วยปลายนิ้ว
จบเกมเชลซีเฉือนชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไป 2-1 ทำให้ตอนนี้เชลซีตามหลังเลสเตอร์ ซิตี้เพียง 1 แต้ม และทิ้งห่างแมนยูและวูล์ฟไป 5 แต้มเรียบร้อย ส่วนแมนซิตี้จากความพ่ายแพ้ในนัดนี้ส่งผลให้ลิเวอร์พูลสตาร์ทรถแห่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังเหลือการแข่งอีก 7 นัดก็ตาม