นอกจากออฟฟิศที่เต็มไปด้วยคาแรคเตอร์ LINE ทุกโซนทำงานจนเราต้องอิจฉาแล้ว เชื่อว่าสวัสดิการของบริษัท LINE Thailand ก็เป็นอีกสิ่งที่หลายคนอยากรู้ ทีมงานแมงโก้จึงถือโอกาสเยี่ยมชมออฟฟิศใหม่ของบริษัท LINE และได้เชิญคุณเนตร-สุชาติ ภวสิริพร (Head of Human Resources and General Administration) มาเล่าถึงสวัสดิการของบริษัทแบบละเอียดเน้นชัดทุกข้อทุกเรื่อง จนทำเอาคนสัมภาษณ์อย่างเราต้องอิจฉา มาดูกันว่ามีสวัสดิการอะไรบ้างที่เจ๋งๆ และทำให้บริษัท LINE เป็นอีกหนึ่งสถานที่ทำงานในฝันของคนรุ่นใหม่
1. วันหยุดสงกรานต์ 1 สัปดาห์ (Golden Week)
บริษัท LINE THAILAND ได้นำเอาวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาปรับใช้กับองค์กร นั่นก็คือช่วงวันหยุดยาวที่เรียกว่าโกลเด้นวีค(Golden Week) นั่นเอง ซึ่งเมื่อมาปรับใช้ที่ไทยพนักงานบริษัท LINE THAILAND เลยได้หยุดต่อเนื่องยาวติดกันหนึ่งสัปดาห์ในช่วงสงกรานต์ ถือเป็นวันหยุดที่พนักงานบริษัทรอคอยมากที่สุด บางคนก็จองตั๋วเครื่องบินข้ามปีกันเลย
คุณเนตร-สุชาติ ภวสิริพร (หัวหน้าฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์และธุรการทั่วไป) กล่าวว่า “เรามองว่าถ้าเกิดเราทำงานมาเหนื่อยทั้งปีเราควรจะต้องใช้เวลาอยู่กับครอบครัวบ้าง โกลเด้นวีคก็จะเป็นช่วงที่พนักงานชอบมาก จองตั๋วกันไว้ไปเที่ยวต่างประเทศยาว”
2. นวดฟรีครั้งละ 15 นาที
คุณเนตรบอกกับเราว่าหนึ่งใน CSR ที่ LINE ทำก็คือการจ้างหมอนวดตาบอดจากสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทยมาประจำอยู่ที่ออฟฟิศตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น ทำให้คนกลุ่มนี้มีอาชีพและได้รับการดูแลเสมือนเป็นหนึ่งในพนักงานของที่นี่เลย
ซึ่งสำหรับพนักงาน LINE ก็สามารถจองคิวนวดได้ครั้งละ 15 นาทีแบบฟรีๆ เลย ฟินสุดไรสุด
3. วันลาพักร้อนเท่ากันทั้งบริษัท
ที่บริษัท LINE คุณเนตรบอกว่าพนักงานทุกคนมีวันลาเท่ากัน ไม่ว่าคุณจะเป็นระดับจูเนียร์หรือผู้บริหารก็ตาม โดยถ้าเข้ามาทำที่บริษัทปีแรกคุณจะมีวันลาพักร้อน 10 วัน และหลังจากปีแรกจะเพิ่มเป็น 15 วัน เป็นเกณฑ์เดียวกันหมดตั้งแต่น้องเข้าใหม่หรือพี่บี๋-อริยะ พนมยงค์ (MD, LINE Thailand)
“เราใช้เกณฑ์เดียวกันหมด เพราะเรามองว่าคนที่จะพักผ่อนมันคือคน แล้วเรื่องสวัสดิการรักษาพยาบาลก็ไม่มีว่าแก่แล้วจะได้มากกว่าหรือเด็กต้องได้น้อยกว่า เราเท่ากันหมดทั้งบริษัท เพราะเราคิดว่าถ้าเราไม่สบายมันก็คือคนไม่สบายเหมือนๆกัน ไม่เกี่ยวกับระดับตำแหน่งหรือความอาวุโส” – คุณเนตร
4. ข้าวเช้าและข้าวกลางวันฟรีทุกวัน
คุณเนตร ได้แบ่งประโยชน์ในการมีข้าวฟรีในออฟฟิศออกเป็น 2 ข้อ
1. Time saving : พนักงานหลายคนมักจะมีปัญหากับการกินข้าวกลางวัน อย่างเช่น ‘เที่ยงแล้วกินไรดี’ ต้องลงไปต่อคิว แย่งโต๊ะ บางครั้งลงไปสิบเอ็ดโมงกว่าจะกลับขึ้นมาก็บ่ายสามเพราะมัวแต่ต้องไปต่อคิวทานข้าวกลางวัน การมีสวัสดิการอาหารฟรีในออฟฟิศเลยจะช่วยให้ประหยัดเวลาของพนักงาน แถมเมนูที่มีให้ก็ไม่ซ้ำกันซักวัน มีอาหาร 3 อย่าง ขนมหวานหรือผลไม้อีก 1 อย่าง
2. Cost saving : หลายคนงงว่าเราต้องจ่ายตังไม่ใช่หรอทำไมถึงประหยัดเงิน? แต่คุณเนตรมองว่าบางครั้ง ถ้าแผนกไหนมีลูกค้ามาบริษัท จากที่เราต้องพาลูกค้าไปทานข้าวกลางวันข้างนอก เราก็สามารถปรับให้ลูกค้ามากินกับเราที่บริษัทได้เลย นอกจากจะทำให้ลูกค้าได้เห็นวัฒนธรรมองค์กรแล้วยังได้ชิมอาหารที่รสชาติไม่แพ้ใครด้วย
นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างวัฒนธรรมว่าเราก็กินข้าวเหมือนผู้บริหาร พี่บี๋ก็นั่งกินข้างๆ คุณ เราก็กินเหมือนกัน เป็นการทำให้เห็นว่าเรารักพนักงานเท่าๆ กัน นอกจากนี้พอเรากินในโรงอาหารบริษัทของเราเอง พนักงานก็ได้นั่งกินนั่งคุยกันไปโดยปริยายด้วย และในบริษัทก็มีหลายฝ่าย การมีอาหารกลางวันฟรีก็ทำให้คนจากฝ่ายต่างๆ ได้มาเจอกันที่โรงอาหาร
เกร็ดความรู้ : บริษัท LINE ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีก็มีข้าวเช้าฟรีให้พนักงานเหมือนกัน แต่ไม่มีข้าวกลางวันให้ ส่วนใหญ่ข้าวเช้าของเขาคือโอนิกิริ (ข้าวปั้น) หรือที่เกาหลีก็คือแซนวิชสามเหลี่ยม แต่พี่เนตรมองว่าคนไทยไม่ได้ชอบกินแซนวิช คนไทยชอบกินของหนักไปเลยสำหรับมื้อเช้า ก็เลยปรับเปลี่ยนออกมาเป็นรูปแบบอาหารจริงจังไปเลย
5. ห้องนอนพักผ่อนในออฟฟิศ
หลายๆ บริษัทเริ่มมีห้องนอนในออฟฟิศกันบ้างแล้ว สำหรับที่ LINE เองก็มีเช่นกัน แบ่งออกเป็นหลายห้องบรรยากาศคล้ายกับที่นอนโฮสเทลเวลาเราไปต่างประเทศเลย ตอนทีมงานแมงโก้ได้ไปเยี่ยมชมออฟฟิศใหม่ของ LINE Thailand ก็เห็นมีพนักงานนอนอยู่ด้วยนะ ^^
6. ประกันสุขภาพครอบคลุมถึงคู่สมรสและบุตร
สวัสดิการพื้นฐานของหลายๆ บริษัทก็คือ ประกันชีวิต, ประกันอุบัติเหตุ, ประกันสุขภาพ, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และค่าทำฟัน ซึ่งสำหรับบริษัท LINE Thailand นอกจากจะมีสวัสดิการข้างต้นแล้วยังครอบคลุมไปถึงเรื่องประกันสุขภาพ (Heath Insurance) ของคู่สมรสและบุตรของพนักงานด้วย
คุณเนตรบอกทีมงานว่า “ที่นี่เปิดกว้างมากในเรื่องของ LGBT เพราะเรามองว่าคนพวกนี้เขามีความสามารถ เรารู้สึกว่าถ้ามาแล้วมันสร้างประโยชน์ให้กับเราก็ดีมาก ซึ่งอย่างประกันสุขภาพที่ครอบคลุมเรื่องคู่สมรส ถ้าคู่สมรสของพนักงานเป็นเพศเดียวกันที่มีการจดทะเบียนแล้ว เราก็ครอบคลุมเรื่องประกันสุขภาพให้เช่นกันเดียว”
7. เงินขวัญถุงแต่งงาน 20,000 บาท (เป็นมาตรฐานของบริษัท)
ข้อนี้ไม่ต้องพูดอะไรมาก เอาเป็นว่าถ้าได้เป็นพนักงาน LINE จะรีบหาคู่ให้เร็วที่สุด!!!!
8. Honeymoon Leave 7 วัน
นอกจากจะได้เงินขวัญถุงแล้ว คู่รักจะได้วันลาเพื่อไปฮันนีมูนกันอีก 7 วัน คุณเนตรบอกเราว่าจะใช้เลย 7 วันก็ได้ จะใช้ 2 วันก็ได้ หรือจะใช้ยังไงก็ได้เลย ไม่ได้กำหนดว่าหลังแต่งงานภายในกี่วันต้องใช้ สามารถไปกี่รอบก็ได้ภายใน 7 วัน
9. สิทธิคุณพ่อลาคลอด (Paternity leave)
นอกจากวันลาคลอดสำหรับคุณแม่แล้ว พนักงานที่เป็นผู้ชายและภรรยาคลอดบุตรก็สามารถลาไปดูแลภรรยาได้เช่นกัน 🙂
10. เซ็ตต้อนรับ (Welcome Pack)
เป็นพนักงาน LINE ทั้งทีเราก็ต้องต้อนรับน้องใหม่กันด้วย Welcome Pack ที่ประกอบไปด้วย
- เสื้อยืด LINE Freshy สำหรับใส่วันแรกที่มา Orientation เวลาพนักงานรุ่นพี่เห็นก็จะเข้ามาต้อนรับทักทายน้องใหม่
- MacBook
- Calendar
- Sticker
- ปากกา
- thumb drive
- นามบัตร
- ฯลฯ
11. Gift Code 6,000 บาทต่อปี
ที่บริษัท LINE มี Gift Code ให้พนักงานปีละ 6,000 บาท สามารถเอาไปซื้อสติ๊กเกอร์แจกหรือซื้อไอเทมในเกมก็ได้
คุณเนตรเล่าว่า “ในช่วงแรกที่เปิดบริษัทเมื่อปี 2013 CEO ของ LINE จะบินมาบ่อยมากเพื่อดูว่าธุรกิจเป็นยังไง ก็มีครั้งนึงที่ทำ Townhall แล้วเขาก็ถามว่าใครมีคำถามอะไรไหม?”
“พี่ก็บอกว่าพี่ไม่มีคำถาม แต่พี่มีเรื่องจะขอ พี่ก็เล่าให้เขาฟังว่าเวลาพี่บอกคนอื่นว่าทำงานที่ LINE ก็จะโดนถามกลับมาว่า มี Sticker ฟรีมั้ย ขอ Sticker หน่อยสิ พี่ก็เลยบอกเขาไปว่ามันจะ cool แค่ไหน ถ้าได้ฟรีแล้วเอาไปแจกคนอื่นได้ด้วย เขาก็เลยปิ๊งไอเดียขึ้นมาแล้วหันไปหาผู้ช่วยเขา แล้วก็บอกว่า ‘เนตรดำเนินการได้เลย’ เราก็เลยเป็นประเทศแรกที่มี Gift Code ตัวนี้ ซึ่งตอนนั้นประเทศไทยเป็นประเทศแรกเราได้แค่ 200 บาทต่อเดือน แต่พอเป็น Global Benefit Program แล้ว ทุกประเทศได้ปีละ 6,000 บาท ซึ่งประเทศอื่นเขาต้องส่ง LINE ส่งอีเมลมาขอบคุณเรา เพราะพนักงานเขาแฮปปี้มากที่มีสวัสดิการข้อนี้”
12. ส่วนลดซื้อของ LINE FRIENDS
ถ้าทำงานที่ LINE เวลาไป LINE FRIENDS STORE ที่ญี่ปุ่นหรือเกาหลี จะได้ส่วนลดด้วยนะ ที่ประเทศญี่ปุ่น 10% ประเทศเกาหลี 20%
13. ซัพพอร์ตอุปกรณ์ไอทีถ้าขอมาก็จัดให้ (IT accessory)
พี่เนตรบอกว่าจุดเด่นของบริษัทอีกอย่างก็คืออุปกรณ์ซัพพอร์ตการทำงาน พวก IT accessory ต่างๆ อย่างเช่น เมาส์ คอนเนคเตอร์ เอ็กเทอร์นอล ฮาร์ดไดร์ฟ จอมอนิเตอร์ โต๊ะปรับได้ หรืออะไรก็ตามสามารถขอมาได้หมดเลยถ้าเหมาะสมก็จัดให้ได้ ยิ่งโดยเฉพาะสมาร์ทโฟนที่ไม่ว่าจะออกมากี่รุ่นถ้าทีมงานต้องการนำไปทดสอบระบบก็สามารถจัดซื้อให้ได้ เพราะที่นี่เป็นบริษัทแพลตฟอร์มที่ขึ้นกับมือถือ พนักงานจึงต้องตามโลกให้ทัน
14. ออกกำลังกายทุกวันพุธต้านออฟฟิศซินโดรม
คุณเนตรเล่าถึงกิจกรรมอื่นๆ ในบริษัทให้ฟังว่า จะมีกิจกรรมใหญ่ๆ อยู่ 4 งาน คือ เอาท์ติ้งบริษัท, งานกีฬาสี, กิจกรรม CSR ต่างๆ และงานปาร์ตี้ปีใหม่ แต่ระหว่างเดือนก็จะมีอีเวนต์ LINE FINEDAY เชิญวิทยากรจากทั้งข้างนอกและข้างในบริษัทให้มาเทรนพนักงานเรา รวมถึงมีการจัดแข่งปิงปอง แข่งพูล แข่งเต้นด้วย ซึ่งพนักงานที่นี่ก็เข้าร่วมกิจกรรมกันดีมาก
ซึ่งในบริษัทมี Facilities รองรับตั้งแต่โต๊ะปิงปอง กลองชุด โต๊ะพูล ไปจนถึงอุปกรณ์ฟิตเนส เป็นบริษัทที่ใส่ใจเรื่อง Office Syndrome และมีกิจกรรมออกกำลังกายทุกวันพุธเลย
“Facility ทุกอย่างค่อนข้างอยู่ใกล้กับบริเวณทำงานของพี่บี๋ เป็นการแสดงออกถึงวัฒนธรรมว่า คุณไม่กลัวจะเล่นพูลตอนพี่บี๋ทำงานอยู่ พี่บี๋บางทีว่างๆ ก็เดินมาเล่นด้วย” -คุณเนตร กล่าว
15. โทรปรึกษาจิตแพทย์ฟรี (LINE Care)
เพราะเป็นบริษัทที่เติบโตไวมากจากต้นปี 2017 มีพนักงานประมาณ 140 คน มาปีนี้ (เม.ย. 2018) บริษัท LINE Thailand ขยายเป็นสองเท่าตัวมีพนักงานปัจจุบัน 330 กว่าคน จึงอาจมีบ้างที่พนักงานบางคนปรับตัวไม่ทันและทำให้เกิดความเครียดขึ้น
สวัสดิการ LINE Care เป็นบริการที่ LINE ร่วมกับบริษัท Outsource ที่ทำโปรแกรมนี้โดยเฉพาะ โดยปรับใช้มาจากบริษัทแม่ของ LINE เป็นบริการที่ให้พนักงานสามารถโทรปรึกษาเรื่องต่างๆ ได้ โดยปลายสายก็จะมีจิตแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านเอชอาร์ คอยให้คำปรึกษาว่าคุณควรจะต้องรับมือกับปัญหาต่างๆ ยังไง ซึ่งนอกจากจะพนักงานจะโทรปรึกษาได้ฟรีแล้ว ครอบครัวของพนักงานก็สามารถโทรปรึกษาได้เช่นกัน
Q: คนแบบไหนที่ LINE อยากได้?
- รู้แล้วว่าสวัสดิการดีแค่ไหน แล้วถ้าอยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท LINE Thailand ล่ะ? อ่ะมาดูเลยว่าพนักงานแบบไหนที่บริษัทต้องการ
1. Innovation : ต้องมีคำถามในหัวตลอดเวลาว่า ‘อะไร’ ‘ยังไง’ ‘ทำไม’
คุณเนตรเล่าว่าอย่าง LINEMAN ที่เกิดขึ้นมาก็เพราะความสงสัยว่าทำไมเราต้องไปต่อคิวเจ๊โอวยาวขนาดนั้น ไปต่อโอ้กะจู๋นานขนาดนั้น แต่เราอยากกินอะ แล้วมันจะทำยังไงได้บ้าง? เพราะฉะนั้นมันก็เป็นที่มาของบริการ LINE MAN เป็นการตอบ Pain Point ที่ว่าทำไมเราต้องไปต่อคิวที่ไปรษณีย์ถ้าเรามีคนไปรับของแล้วมาส่งที่บ้านให้
2. Risk taking : กล้าได้ กล้าเสีย กล้าลุย
“คนที่เป็น Super Perfectionist อยู่นี่ลำบาก เพราะธุรกิจด้านเทคโนโลยีมันเร็วมาก เพราะฉะนั้นต้อง คิด กล้าได้กล้าเสีย ลุย! เพราะบริษัทก็กล้าจะเสี่ยงไปกับเรา คุณผิดแล้วห้ามผิดซ้ำ ถ้าผิดซ้ำของเดิมคือไม่โอเคแล้วแหละ นั่นแสดงว่าคุณไม่เรียนรู้จากข้อผิดพลาด
3. Passion : ต้องมีแพชชั่นกับ LINE
คุณเนตรเล่าว่าพนักงานบางคนรักคาแรคเตอร์มาก บางคนรักเกมมาก มีแพชชั่นมาเต็ม ตอนคุณเนตรเข้ามาใหม่ๆ แล้วสัมภาษณ์เด็กเข้ามาทีมเกม (ซึ่งในช่วงนั้นคนทำเกมในประเทศไทยมีน้อยมาก) พี่เนตรได้เลือกพนักงานจากงานอดิเรก ซึ่งงานอดิเรกของน้องคนนั้นเขาคือ ‘ชอบเกม’ ถึงพนักงานคนนี้จะเรียนอักษรฯ มาไม่เกี่ยวกับหลังบ้านหรือหัวด้านออนไลน์เลย แต่เหตุผลเรื่องงานอดิเรกก็ทำให้คุณเนตรรับเข้ามาทำงานกับ LINE Thailand
4. Tech-savvy
“ในโลกของ Tech Industry ถ้าเราไม่ติดตามข่าวสารของโลกเทคโนโลยี เราไม่น่าจะอยู่ที่ไหนได้ ต้องตามโลกของเทคโนโลยีให้ทัน”
Q: ดูตำแหน่งสมัครงานได้ที่ไหน?
LINE official account : LINE CAREER TH