เชื่อว่าหลายคนที่เสพสื่อเกาหลี ไม่ว่าจะซีรีส์ วาไรตี้ หรือรายการเพลง จะต้องสังเกตเห็นเทปสีเนื้อแปะอยู่บนร่างกายของเหล่าคนดังเวลาออกสื่อ ซึ่งพวกเขาไม่ได้เจ็บป่วยแต่อย่างใด เพียงแต่เทปนั้นมีไว้เพื่อปกปิดรอยสักที่เป็นเรื่องต้องห้ามในประเทศเกาหลี ถึงแม้จะเป็นเรื่องต้องห้าม แต่…เราก็จะเห็นได้ว่า ยังมีคนดังหลายคนที่หลงรักในการสักบนเรือนร่าง เพราะสามารถแสดงเอกลักษณ์ และสไตล์ของตัวเองได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นจองกุก BTS , เจย์ปาร์ค หรือนักแสดง ไอดอลอีกมากมาย จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าเมื่อคนเกาหลีต่างก็รักในการสัก จนมีร้านสักเปิดอยู่ทั่วเมือง แต่ทำไมแล้วสิ่งนี้ยังเป็นเรื่องต้องห้าม และยังต้องปกปิดเวลาออกสื่อรายการต่าง ๆ วันนี้ Mango Zero จะมาหาคำตอบให้ทุกคนกันนน เริ่มต้นในสมัยยุคโครยอประวัติศาสตร์เกาหลีมีการระบุไว้ว่า รอยสักเป็นสิ่งที่นำมาใช้เพื่อลงโทษให้กับผู้ทำความผิด ซึ่งคนนั้นจะถูกสักลงบนใบหน้าเป็นเหมือนเครื่องหมายตีตราว่าเป็นอาชญากร จึงทำให้คนเกาหลีตั้งแต่ยุคอดีตมีมุมมองแง่ลบกับรอยสักมาโดยตลอด แต่…ในช่วงปี พ.ศ. 2546 แมทช์ฟุตบอลระหว่างเกาหลีกับญี่ปุ่น ซึ่งมีนักฟุตบอลเกาหลีชื่อ “อัน จองฮวาน” ได้เผลอถลกแขนเสื้อขึ้นทำให้เห็นรอยสัก โดยเป็นข้อความที่บอกรักภรรยา เลยทำให้ผู้คนเกาหลีต่างมองว่าเป็นเรื่องที่น่ารัก และเริ่มมองเห็นว่าการสักก็คือแฟชั่นอีกอย่างหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งในทางกฎหมายเกาหลียังถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดอยู่ดี เพราะกฎหมายมีการระบุไว้ว่า “การสักถือเป็นการใช้เข็ม ดังนั้นผู้ที่ทำงานด้านการแพทย์ และได้รับใบอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถสักได้” เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อจากหมึกและเข็มสัก ทำให้ช่างสักผู้ไม่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์ ต้องแอบเปิดร้านกันแบบลับ ๆ หรือผิดกฎหมายนั่นเอง ส่งผลให้ศิลปินสักหลายคนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันมาบ้างแล้ว ไม่เว้นแม่แต่ “ดอย” หนึ่งในศิลปินสักที่โด่งดังที่สุดของเกาหลีใต้ โดยเจ้าตัวเคยสักให้กับคนดังในวงการฮอลลีวูดมานับไม่ถ้วน ก่อนหน้านั้นเขาได้เป็นช่างสักอยู่ต่างประเทศ และได้รับชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในนามศิลปิน แต่พอย้ายกลับมาอยู่เกาหลี เขาดันกลายเป็นคนที่ทำผิดกฎหมาย เลยทำให้คนเกาหลีหันมาสนใจประเด็นเกี่ยวกับการสักขึ้นอีกครั้ง การสักไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อช่างสักอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อเหล่าคนดังในเกาหลีที่สักอีกด้วย โดยจะเห็นได้ว่าเมื่อพวกเขาต้องออกช่องทางสื่อหลักของประเทศ รอยสักของพวกเขาจะถูกปิดทับด้วยสก็อตเทปสีเนื้อ บางคนที่สักเยอะมากก็ต้องปิดแทบทุกจุด จนเรียกได้ว่าเหมือนมัมมี่เลยทีเดียว ส่วนสาเหตุที่พวกเขาต้องใช้เทปปกปิดรอยสักนั่นก็คือ เพื่อป้องกันการฟ้องร้อง หรือข้อหมิ่นเหม่จากกฎหมายในภายหลัง หรือบางคนที่มีรอยสักขนาดใหญ่อาจถูกห้ามไม่ให้เข้าสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นงานสำคัญระดับประเทศ อีกทั้งในสังคมเกาหลีผู้หญิงยังคงถูกปิดกั้นจากการมีรอยสักอยู่มาก โดยเราจะเห็นเลยว่าส่วนใหญ่จะเป็นศิลปินชายเท่านั้นที่นิยมสักกัน และได้รับการยอมรับจากสังคมมากกว่าศิลปินหญิง ซึ่งปัจจุบันคาดว่าวงการสักของเกาหลีเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น เพราะจากการสำรวจในเดือนมิถุนายน 2021 โดยแกลลัพเกาหลี (Gallup Korea) พบว่า 70% ของผู้ตอบแบบสอบถาม 1,002 คน เห็นว่าไม่จำเป็นต้องเบลอภาพรอยสักทางโทรทัศน์แล้ว และยังพบว่าหนึ่งในสี่ของคนเกาหลีเคยรับการสัก นับว่าเป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ดีของเกาหลี ไม่แน่…เราอาจจะได้เห็นศิลปินไอดอลหลายคน ไม่ต้องใช้สก็อตเทปปิดรอยสัก ที่บางครั้งก็ดูเหมือนปิดเป็นพิธีเฉย ๆ เพราะสุดท้ายก็ยังเห็นรอยสักอยู่ดี ในอนาคตเราต้องรอดูกันต่อไปว่า เกาหลีจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้กับวงการสักหรือไม่ รอติดตาม ที่มา : Creatip , Bbc News
