FacebookTwitterGoogle PlusLineเมื่อใครๆ ก็อยากเข้าไปลงทุนค้าขายกับประเทศจีน ประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตอันดับต้นของโลก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายเพราะกฏระเบียบรวมถึงเงื่อนไขที่มากมาย ล่าสุด KBank หรือธนาคารกสิกรไทยได้รับอนุมัติ License เป็นธนาคารท้องถิ่นอย่างเป็นทางการในจีน ซึ่งเป็นธนาคารต่างชาติรายที่ 7 ในโลกที่ได้มาเปิดที่นี่ นอกจากนี้ KBank ยังได้เปิดสำนักงานใหญ่ที่เมืองเซินเจิ้น จุดศูนย์กลางด้านไอที และ FinTech ที่ประเทศจีน เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจไทย-จีน พร้อมพัฒนาด้านเทคโนโลยี ตอบรับกระแส FinTech ที่กำลังเติบโตทั้งในจีนและในไทยเองด้วย ทีมงาน MangoZero ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ รวมถึงสัมผัสกับความตื่นตัวด้าน FinTech ในจีน เลยอยากขอสรุป 5 ประเด็นที่น่าจับตา ของการบุกตลาดจีนในครั้งนี้ 1. นักธุรกิจจีน หันมาลงทุนใน AEC มากขึ้น ขึ้นชื่อว่าประเทศจีน ที่ค่อนข้างปิดรับการค้าขายจากภายนอกมาช้านาน การจะเข้าไปทำธุรกิจในจีนไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่ KBank เองก็ต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะได้ License ธนาคารท้องถิ่นอย่างเป็นทางการ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีธนาคารเพียง 7 รายเท่านั้นที่ได้ License นี้) นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทยเผยว่า จากที่นักธุรกิจจีนเริ่มหันมาลงทุนในตลาดอาเซียนมากขึ้น พร้อมแผนพัฒนาประเทศฉบับที่ 13 ของจีน ด้วยยุทธศาสตร์ “One Belt, One Road” ซึ่งในเชิงยุทธศาสตร์แล้ว ประเทศไทยถือเป็นทำเลที่เหมาะสม ในการเปิดตลาดอาเซียนของกลุ่มธุรกิจจีนเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ธนาคารกสิกรไทย เป็นธนาคารเพียงรายเดียวในอาเซียนที่เปิดสำนักงานในกวางตุ้ง ซึ่งกำลังเติบโตอย่างมาก และเชื่อมโยงธุรกิจไทย-จีนได้เป็นอย่างดี 2. เผยนักลงทุนจากกวางตุ้ง มาลงทุนในไทยมากสุดกว่า 390 ล้านเหรียญสหรัฐ นายเจิ้ง เจี้ยนหลง อธิบดีกรมพาณิชย์แห่งมณฑลกวางตุ้งเผยว่า ปัจจุบันนักลงทุนจากกวางตุ้ง ถือเป็นนักลงทุนจากประเทศจีน ที่ได้ลงทุนในไทยมากที่สุด ด้วยมูลค่ากว่า 390 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้การเปิดธนาคารของไทยในประเทศจีน จะช่วยส่งเสริมการค้าซึ่งกันและกันได้ยิ่งขึ้นกว่าเดิม 3. การได้ License ธนาคารท้องถิ่น ช่วยต่อยอดธุรกิจไทยในจีนได้อีกมาก เมื่อย้อนดูอดีต จริงๆ แล้วทาง KBank เองก็ได้เปิดสาขาในประเทศจีนมาแล้วกว่า 20 ปี เมื่อถามถึงข้อแตกต่างระหว่างการที่ได้ License ธนาคารพาณิชย์ท้องถิ่น (Locally Incorporated Institution หรือ LII) กับก่อนหน้านี้คืออะไร ? ทางผู้แทนของธนาคารเผยว่า ก่อนหน้านี้ทางธนาคารจะทำธุรกรรมได้แบบที่มีข้อจำกัดหลายอย่าง แต่เมื่อได้อนุมัติเป็นธนาคารท้องถื่นแล้ว ทำให้ตอนนี้ธนาคารสามารถเปิดให้ทำธุรกรรมกับ Corportate บริษัทต่างๆ ได้มากขึ้น ตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ไปจนถึงระดับกลาง นอกจากนี้ ยังเป็นการต่อยอดเพื่อขอ License การทำธุรกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น เช่น การเปิดสาขา หรือทำธุรกรรมกับบุคคลทั่วไป ซึ่งธนาคารตั้งเป้าว่าจะรุกตลาดรายย่อยในอีก 2 ปีข้างหน้า 4. เตรียมสร้าง Digital Platform ที่ทำให้ลูกค้าใช้งานได้ง่าย ขณะนี้ทางธนาคารกสิกรไทย เป็นธนาคารไทยเพียงรายเดียวในจีนที่สามารถทำธุรกรรมบน Mobile Banking ได้ ซึ่งเตรียมต่อยอดไปในการทำ ePayment ต่างๆ ในอนาคต ซึ่งในจีนกำลังนิยมกันมาก เช่น การเชื่อมต่อกับ WeChat และ Alipay โดยสิ่งที่ธนาคารกำลังศึกษาอยู่คือการสร้างดิจิทัล Platform ที่เมืองจีน ที่จะช่วยให้การติดต่อดีลกับ Supplier หลายๆ ราย เป็นเรื่องง่ายขึ้น ทำให้ใช้เวลาในการ Finance น้อยลงมาก ช่วยเปลี่ยนรูปแบบของการให้เงินทุนของธนาคาร 5. ตั้งเป้าจับกลุ่มนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวจีนในไทย เมื่อถามถึงคนกลุ่มไหนที่ธนาคารให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เราได้รับคำตอบว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวจีนในไทยเป็นกลุ่มหลักที่น่าสนใจมาก เพราะไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่คนจีนอยากไปเที่ยวและคิดถึง โดยในปีนี้นักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวไทยมีมากกว่า 10 ล้านคน ซึ่งเดิบโตขึ้นทุกปี น่าสนใจว่าการรุกตลาดจีนในครั้งนี้ของ KBank น่าสนใจทีเดียว เพราะนอกจากจะเป็นการรุกตลาดจีนของธนาคารไทยแล้ว ยังถือเป็นสะพานในการเชื่อมต่อธุรกิจทั้่งจากจีนมาไทย และจากไทยไปจีน ซึ่งจีนเองก็กำลังเติบโตและต้องการขยายธุรกิจมายังภูมิภาคอาเซียนอย่างมาก ใครที่อยากทำธุรกิจหรือลงทุนในจีน รวมถึงนักลงทุนจีนเองที่ต้องการมารุกตลาดอาเซียน ก็น่าสนใจที่ตอนนี้ได้มีธนาคารไทยที่ได้เป็นธนาคารท้องถิ่นอย่างเป็นทางการแล้ว