หลังจากที่ iPhone X (อ่านว่า ไอโฟน เท็น) ได้วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางแล้ว หลายคนมักจะมีคำถามเกี่ยวกับ iPhone รุ่นนี้มากเป็นพิเศษ เพราะเป็นรุ่นที่ค่อนข้างมีความแตกต่างจากรุ่นอื่นมาก และราคาที่สูงกว่ามาก อาจทำให้ต้องรู้ข้อมูลมากพอเพื่อที่จะตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่
ดังนั้นแล้ว ทางทีมงาน Mango Zero จึงได้นำ iPhone X ที่มีไว้ในครอบครองแล้วนั้น ขอมารีวิวดูสักหน่อย
1. รูปลักษณ์ภายนอก
จุดเด่นของ iPhone X คือวัสดุทำมาจากกระจกและสแตนเลส ตอนถือใช้งานก็จะเห็นว่าด้านหลังมีเงาวิบวับๆ สวยงามดูดีมาก นอกจากนี้ด้วยวัสดุด้านหลังที่เป็นกระจกนั้นมีความหนึบติดมือ ทำให้มีโอกาสที่เครื่องจะหล่นจากมือน้อยลง (แต่ถ้าหล่นก็สวัสดีแน่นอน เพราะกระจกมันจะแตก) และด้วยกล้องคู่แนวตั้งที่ต่างจากรุ่นอื่น ทำให้ชาวบ้านที่พบเจอจะทราบทันทีว่าที่เราถืออยู่นี้คือ iPhone X นั่นเอง
หน้าจอมีขนาด 5.8 นิ้ว ใหญ่กว่า iPhone 7 Plus ที่มีขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว แต่ตัวเครื่องของ iPhone X นั้นเล็กกว่าซะอีก เพราะพื้นที่ของปุ่ม Home กลายเป็นหน้าจอแสดงผลแทน ทำให้เครื่องมีความกระทัดรัด จับถันดมือมากยิ่งขึ้น
เมื่อทดสอบการถือด้วยมือซ้ายแล้วลากจากมุมขวาบนของหน้าจอเพื่อเรียก Control Center พบว่ามือของผู้ชายต้องเอื้อมนิ้วโป้งไปจนสุดถึงจะสามารถลากได้ และสำหรับมือผู้หญิงนั้นออกจะยากเกินไปสักหน่อยสำหรับการลากไปยังสุดขอบอีกด้าน
2. ชีวิตเป็นอย่างไร เมื่อไม่มีปุ่ม Home
อย่างที่ทราบกันดีว่า iPhone X ได้นำปุ่ม Home ออกไป โดยเราจะตัอง Swipe จากขอบล่างขึ้นด้านบนแทนการกดปุ่ม Home หรือ Swipe จากขอบล่างขึ้นด้านบนพร้อมกับการกดค้างเพื่อเรียก App Switcher ขึ้นมา และการแยก Swipe ซ้ายขวาด้านขอบบนเพื่อเรียก Notification หรือ Control Center
ในส่วนนี้ทำให้ผู้ใช้ที่เคยชินกับปุ่ม Home ต้องเรียนรู้กันใหม่เล็กน้อย
จากการทดสอบการใช้งาน เราจะงงๆ เล็กน้อยเพียง 1-2 วันเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะคุ้นเคยจนใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งการลาก Swipe ทำให้ใช้งานได้รวดเร็วกว่าการกดปุ่ม Home แบบรุ่นอื่นด้วยซ้ำ ทำให้รู้สึกว่าใช้งานได้ลื่นไหลและต่อเนื่องดี
3. ติ่งด้านบนเมื่อใช้งานจริง
ในส่วนของติ่งด้านบนที่หลายคนเป็นกังวลว่าเวลาใช้งานมันจะขัดหูขัดตาหรือไม่อย่างไร ถ้าเราเปิดใช้งานทั่วไป นาฬิกาและสถานะแบตจะหลบไปอยู่มุมซ้าย-ขวาระหว่างติ่งที่หน้าจอ ในส่วนนี้เค้าแสดงสถานะ WiFi และสัญญาณมือถือตามปกติ แต่จะขาดเพียงการบอกเปอร์เซ็นของแบตเตอร์รี่แบบเป็นตัวเลขเพราะพื้นไม่พอ
สำหรับการดูภาพหรือวิดีโอ Ratio ของมีเดียส่วนใหญ่จะไม่ได้ Wide ขนาดไปชนกับติ่งจนภาพแหว่งนะครับ ไม่ว่าจะดูไฟล์วิดีโอ หรือดูคลิปบน Youtube ก็จะดูได้ตามปกติ แต่จะติดติ่งก็ต่อเมื่อเราซูมรูปภาพหรือวิดีโอเท่านั้นตามในภาพ
ดังนั้นติ่งที่ติดขอบแทบไม่มีผลต่อการใช้งานจริงเลย
4. Face ID สะดวกและปลอดภัยจริงหรือไม่
ถึงแม้ทาง Apple จะเคลมว่าด้วยตัวเลข Face ID มีความปลอดภัยสูง มีโอกาส 1 ในล้านที่ ในขณะที่การแสกนลายนิ้วมือมีโอกาสที่คนอื่นเข้าได้คือ 1 ในห้าหมื่น แต่ดันไม่สามารถจำแนกใบหน้าของฝาแฝดได้ และในช่วงนี้เห็นข่าวกันบ่อยมากว่าพี่น้องหน้าไม่เหมือนกันก็ปลดล็อคได้ (อาจจะด้วยรูปใบหน้าเหมือนกันมาก) ในส่วนนี้ผมว่าค่อนข้างสอบตกเลย เพราะฝาแฝดและพี่น้องเป็นคนใกล้ตัวกันมาก
สำหรับความสะดวกบอกเลยว่ามากกกกกก ตั้งแต่การปลดล็อคด้วยใบหน้า หยิบขึ้นมาก็ใช้งานได้ทันที รวมไปถึงการใส่ Password บนช่องทางต่างๆ เราไม่ต้องพิมพ์ผิดๆ ถูกๆ อีกต่อไปแค่จ้องตาก็สามารถ Login ได้ทันที การส่องใบหน้าในที่มึดก็ทำได้ ปิดไฟจนสนิทก็สามารถล็อคอินได้สบาย อันนี้ดีงาม
5. Animoji เจ๋งจริงหรือแค่ขำๆ
Animoji เป็นสุดยอดฟีเจอร์ที่โชว์ความว้าวการสแกนใบหน้าของค่าย Apple หลังจากได้ลองใช้ก็พบว่ามันเจ๋งสาสสสสสส การเคลื่อนไหวของตัวละครทำได้แนบเนียนมาก เหมือนเราสวมบทบาทเป็นสัตว์เหล่านั้นจริงๆ สามารถชมคลิปได้ที่ >> เมื่อ 12 สาวทดลองเล่น Animoji ฟีเจอร์ใหม่บน iPhone X ความน่ารักจึงบังเกิด
ดูเผินๆ เหมือนจะไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่ความจริงแล้ว Animoji นั้นใช้การคำนวนเยอะมาก iPhone จะต้องสแกนใบหน้าพร้อมกับ Render ออกมาเป็นวิดีโอแบบเรียลไทม์ เรียกว่าเป็นความมหัศจรรย์ของ CPU บนโทรศัพท์มือเลยทีเดียว
แม้ในตอนนี้ Animoji จะให้ประโยชน์เพียงด้านความมบันเทิง แต่เป็นฟีเจอร์ที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของ Apple ได้อย่างดี และจนเป็นที่จับตามองของฝั่ง Developer ซึ่งในอนาคตอันใกล้เทคโนโลยีนี้จะต้องมีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน
6. หน้าจอ OLED Full Screen แจ่มว้าวแค่ไหน
หลังจากที่หน้าจอ iPhone รุ่นนี้เปลี่ยนมาใช้จอ OLED (สักที) แบบ Full Screen ที่เค้าบอกว่าเป็น Super Retina และ OLED ของเค้าเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงมองจากทุกมุมแล้วหน้าจอยังคงสวยงาม (จุดอ่อนของ OLED คือ ถ้ามองจากมุมเฉียงสีจะเพี้ยน) แสดงสีดำได้ดำสนิทสมคำร่ำลือ
สำหรับการอ่านตัวหนังสือบน iPhone X จะค่อนข้างเห็นได้ชัดว่าขอบของตัวอักษรมีความคมทำให้อ่านง่าย ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
7. โหมดกล้องถ่ายรูป
อย่างที่ทราบกันดีว่าไอโฟนเท็นเขาได้เพิ่มโหมดถ่ายภาพ Portrait Mode กับ Portrait Lighting ใช้ได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้าเลย ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถ่ายภาพในสตูดิโอ ที่มีคนมาจัดแสงจัดไฟให้ ประมาณนั้นเลย
แล้วก็มีในส่วนของฟิลเตอร์ใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาให้ใช้ด้วยนะ
สรุป :
- จะต้องเรียนรู้การใช้งานปุ่ม home และ App Switcher ใหม่ ประมาณ 2-3 วันก็น่าจะชินมือแล้ว
- จริงๆ Face ID ยังสแกนได้แม้ในที่มืดนะ
- คิดว่าขนาดตัวเครื่องกำลังพอดีมือ ใช้งานมือถือสะดวกอยู่
- ด้วยความที่ตัวเครื่องเป็นกระจกถึงจะหนืดมือก็เถอะ แต่ถ้าไม่ใช่เคสก็แอบมีเสียวๆ อยู่
- Animoji ยังแอบรู้สึกเฉยๆ แต่คิดว่าในอนาคตน่าจะเห็นนักพัฒนาไปต่อยอดอะไรใหม่ๆ นะ
- ราคาเริ่มต้น 40,500 บาท เรียกว่าเปิดตัวมาสูงเลยทีเดียว
หากสนใจ ก็สามารถเลือกซื้อแบบออนไลน์ได้ ที่นี่