หลังจากเก็งข้อสอบกันมาตั้งนานว่าปีนี้ครบรอบ 10 ปี iPhone แอปเปิลจะออกโปรดัคใหม่กี่รุ่น ภาพหลุดของ iPhone ที่หลุดออกมานั้นจะตรงตามที่หลุดกันมาไหม บทสรุปในความสงสัยทั้งหมดถูกเฉลยออกมาแล้วในงาน Apple Special Event 2017 ซึ่งงานนี้เปิดตัว iPhone ถึง 3 รุ่นอย่างที่คาดการไว้ รวมไปถึงยังมีเซอร์ไพร้ส์ด้วยการเปิดตัวโปรดัคอื่นๆ อีกด้วย สำหรับรายละเอียดของ iPhone ทั้ง 3 รุ่นนั้นมีอะไรบ้างเราได้สรุปเอาไว้ให้แล้ว สรุปรายละเอียดของ iPhone ทั้งสามรุ่น รายละเอียดของ iPhone ปีนี้แบ่งออกมาเป็นสามรุ่น 3 ได้แก่ iPhone 8,iPhone 8Plus และ iPhone X ซึ่งตรงกับที่สื่อหลายแห่งได้วิเคราะห์กันไว้ได้ถูกเกือบหมดขอเพียงแค่คืนนี้ทิม คุก แค่มายืนยันเท่านั้นว่า เออ..ที่หลุดไปน่ะจริงนะ และนี่บทสรุปจากงาน Apple Special Event 2017 iPhone X หน้าจอเป็น Super Retina Display ขนาด 5.8 นิ้ว หน้าจอไร้ขอบ ชิดบนล่างซ้ายขวา ตัวเครื่องกันฝุ่นกันน้ำ ชิพเซ็ตเป็น Apple A11 Bionic CPU 6 Core ประมวลผลเร็วขึ้น 25% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า มี GPU แยกออกมาต่างหากเป็นครั้งแรกเพื่อประมวลผลกราฟฟิคสูงๆ กล้องด้านหน้าถ่ายภาพชัดลึกได้ด้วย กล้องหลังเป็นแบบคู่แนวตั้ง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลทั้งสองตัว แต่รูรับแสงแบ่งเป็น F1.8 และ F2.4 มีเซ็นเซอร์ใหม่ที่ใหญ่กว่า และมีระบบกันสั่นที่กล้องทั้งสองตัว และรองรับเทคโนโลยี AR มี Face ID จดจำใบหน้า และสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคหรือยืนยันตัวตน รองรับระบบชาร์จไฟไร้สายมาตรฐาน Qi แบตอึดขึ้น 2 ชั่วโมง เมื่อเทียบ iPhone 7 มี 2 สีให้เลือกคือสี Space Gray และ Silver กำหนดขาย พ.ย. 2017 สำหรับรายละเอียดของเทคโนโลยีใหม่ๆ ใน iPhone X แบบชัดๆ ละเอียดๆ นั่นมีดังนี้ ดีไซน์ใหม่ จอใหญ่คมชัดเต็มตา iPhone X ถือว่าคุ้มค่ากับการรอคอยในฐานะที่เป็นรุ่นฉลองครบรอบ 10 ปี iPhone โดยมีการดีไซน์ใหม่หมดจรดและตรงกับภาพหลุดทุกอย่าง โดยหน้าจอเป็น Super Retina Display ขนาด 5.8 นิ้ว 2,436 x 1,125 พิกเซล ความละเอียด 458 พิกเซลต่อตารางนิ้ว ใช้เทคโนโลยี OLED แบบใหม่กินพื้นที่ด้านหน้าของ iPhone ทั้งหมด หน้าจอแสดงผลสีแม่นขึ้น จอคมชัดขึ้น ใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ฝาหลังเป็นกระจก รองรับการชาร์จแบบไร้สายดูหรูหรา และมีความแพงสมศักดิ์ศรีและคุ้มค่าที่รอคอย ปลดล็อคโดยใช้ Face ID ลาก่อน Touch ID และปุ่ม Home iPhone X มีการตัดปุ่ม Home ออกไปแล้วใช้ Face ID ในการปลดล็อคแทนส่วน Touch ID และ ปุ่ม Home ไม่มีแล้ว สำหรับการแสกนใบหน้านั้นโดยใช้เซ็นเซอร์ 4 ตัวในการประมวลผลเพื่อจดจำใบหน้าโดยทำงานร่วมกับเทคโนโลยี TrueDepth Camera System ประมวลความลึก และความชันของพื้นผิวใบหน้าจากนั้นจะใช้ Neural Network วิเคราะห์และสร้างหน้าขึ้นมาเพื่อปลดล็อกดังนั้นปลอดภัยแน่นอน หากหน้ามีหนวดขึ้น หรือมีการเปลี่ยนแปลงเช่นล้างเครื่องสำอางออกไป ก็สามารถปลดล็อคได้เพราะระบบประมวลผลมีความฉลาดขึ้น แต่ต้องจ้องหน้าจอเท่านั้นถึงจะปลดล็อคได้ จะเนียนเอารูปถ่ายมาปลดล็อคหรือแอบเอาเครื่องมาสแกนตอนเราหลับเพื่อปลดล็อคไม่ได้ นอกจากนี้ Face ID ยังสามารถใช้ในการเพื่อซื้อของออนไลน์ก็ได้ผ่าน Apple Pay หากไม่ใช้ Face ID ในการปลดล็อคด้วยการเลื่อนจอขึ้นก็ปลดล็อคได้ไม่ว่าจะแสงมืด หรือสว่างก็ปลดล็อคได้ ส่วนด้านข้างมีปุ่มกดเรียก Siri แทนปุ่ม Home กล้องสุดล้ำที่รองรับเทคโนโลยี AR และ สร้าง Animoji ทีเด็ดของ iPhone X คือกล้องหน้าสามารถถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ ซึ่ง iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ทำไม่ได้ กล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซลทั้งสองตัว มีระบบกันสั่นสองจุด ถ่ายในพื้นที่แสงน้อยได้ดีขึ้นเพราะมีเซ็นเซอร์ประมวลผลที่ใหญ่กว่าเดิม แฟลชเป็น LED True Tone 4 ตัว พร้อมใช้ Machine Learning ช่วยในการเลือกโฟกัสที่ดีที่สุด มีฟังก์ชั่นในการปรับสีได้หลายแบบทำให้การถ่ายภาพสวยมากขึ้น คุณภาพดีขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยี ARโดยใช้ Gyroscope, Accelerometer และเซนเซอร์ใหม่ๆ เพื่อประมวลผลรองรับการใช้งานได้หลากหลาย เช่นเกม AR หรือแอปพลิเคชั่นอื่นๆ ที่รองรับการแสดงผลของ AR ส่วนกล้องหน้ามีฟีเจอร์วิเคราะห์การเคลื่อนไหว ของกล้ามเนื้อที่แตกต่างกันกว่า 50 รูปแบบด้วย TrueDepth เพื่อจำลองการแสดงออกทางใบหน้าบน Animoji ที่มีให้เลือก 12 แบบ ที่ขยับได้โดยจับสังเกตจากใบหน้าเรา แถมยังอัดเสียงได้ด้วย เบื้องต้นส่งผ่าน iMessage ได้เท่านั้น แต่อนาคตอาจจะส่งบนโปรแกรมแชทอื่นๆ ได้ Apple A11 Bionic แรงและไว ชิพเซ็ตที่ใช้เป็น Apple A11 Bionic มี CPU 6 Core มี Performance core สองตัวที่เร็วกว่าเดิมถึง 25% และ efficiency core 4 ตัวที่เร็วกว่าเดิม 70% มีศักยภาพในการประมวลผลที่ดีกว่าเดิม และประหยัดพลังงาน ทำงานแบบมัลติเทรดได้ดีขึ้น 70% ส่วน GPU ที่แยกมาต่างหากนั้นเป็นแบบ 3 Core ประมวลผลกราฟิกเร็วขึ้น 30% และทั้งหมดยังช่วยประมวลผลให้ระบบ machine learning, AR และเกมแบบสามมิติให้ทำงานได้ดีขึ้น รองรับ Wireless charging ระบบชาร์จไร้สายสามารถใช้ได้แล้ว และจะใช้ที่ชาร์จไร้สายยี่ห้อใดก็ได้ที่ได้มาตรฐาน QI หรือสามารถใช้ Air Power หรือแท่นชาร์จไร้สายของ Apple ได้ ซึ่ง AirPower สามารถชาร์จได้กับอุปกรณ์หลายอย่างของ Apple ซึ่งเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าบางอย่างก็ชาร์จไร้สายได้ด้วย เช่น AirPod หรือ AppleWatch แต่ Air Power ยังไม่ประกาศราคา การมาถึงของระบบชาร์จไร้สายของแอปเปิ้ลแม้จะช้ากว่าคนอื่น แต่ก็ทำออกมาแล้ว ดังนั้นใช้เถอะ iPhone 8 ขนาดจอเท่าเดิมคือ 4.7 นิ้ว เป็น Retina HD ที่มีเทคโนโลยี True Tone พร้อมปรับหน้าจอให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ฝาด้านหลังเป็นกระจก ชิพ A11 Bionic พร้อม GPU ที่ออกแบบโดย Apple พร้อมใช้งานกับ machine learning ด้วย Core ML กล้องหลัง ความละเอียด 12 ล้านเท่าเดิม แต่มีเซ็นเซอร์ใหม่และมีกันสั่น ไม่ใช่กล้องเลนส์คู่และยังไม่รองรับ AR แต่กล้องมีความฉลาดขึ้นในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย รองรับระบบชาร์จไร้สาย แบตเตอร์รี่ขนาดเท่าเดิม มี 3 สีให้เลือกคือ silver, space gray และ gold finish สำหรับ iPhone 8 นั้นก็คือ iPhone 7 ตัวเดิมนั่นเอง ซึ่งในส่วนของรูปร่างไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบใหม่ใดๆ ทุกสิ่งทุกอย่างคงอยู่ที่เดิมยกเว้นฝาหลังที่เป็นกระจก ส่วนกล้องก็ยังเป็นลูกเมียน้อยเหมือนเดิมคือไม่รองรับเทคโนโลยี AR iPhone 8 นั้นยังคงเก็บ Touch ID ไว้อยู่ด้วยไม่ได้ตัดออกไปและไม่ได้มี Face ID ถือเป็น iPhone รุ่นพื้นฐานสำหรับคนเบี้ยน้อยและไม่ได้อยากใช้ฟีเจอร์อลังการมากมายนัก iPhone 8 Plus ขนาดจอ Retina HD ขนาดเท่าเดิมคือ 5.5 นิ้ว ฝาหลังเป็นกระจก ชิพ A11 Bionic พร้อม GPU ที่ออกแบบโดย Apple พร้อมใช้งานกับ machine learning ด้วย Core ML กล้องหลัง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลทั้งสองตัว แต่รูรับแสดงแบ่งเป็น F1.8 และ F2.8 กล้องมีการปรับการแสดงผลด้านความสว่าง สามารถแยกเฉดสีเป็นขั้นๆ ได้ ปรับชนิดของแสงได้หลายแบบ ถ่ายวิดีโอได้คุณภาพสูงที่สุดเท่าที่เคยทำมา รองรับระบบชาร์จไร้สาย แบตเตอร์รี่ขนาดเท่าเดิม มี 3 สีให้เลือกคือ silver, space gray และ gold finish มากันที่ iPhone 8 นั้นก็คือ iPhone 7 Plus ตัวเดิมอีกเช่นกันไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนอะไรเท่าไหร่ แต่เพิ่มเข้าไปคือเปลี่ยนชิพเซ็ตใหม่เพื่อการประมวลผลที่รวดเร็วกว่าเดิม มีการพัฒนากล้องหน้า กล้องหลังให้ความละเอียดสูงขึ้นกว่าเดิมพร้อมใส่เทคโนโลยี AR เข้ามา โดยใช้ชิป A11 Bionic กับ GPU ในการประมวลผลสามารถซึ่งสามารถเอาไปเล่นเกม หรือทำอะไรได้หลายอย่าง แน่นอน iPhone 8 PLUS ยังคงเก็บ Touch ID ไว้อยู่ด้วยไม่ได้มี Face ID อย่างที่คาดกัน ส่วนการชาร์จไร้สายสามารถใช้แท่นชาร์จอะไรก็ได้ไม่จำกัดยี่ห้อ สรุปราคา iPhone X ราคาเริ่มต้น 999 ดอลลาร์ (ราว 33,000 บาท) แบ่งเป็นรุ่น 64GB และ 256GB iPhone 8 ราคาเริ่มต้น 699 ดอลล่าร์ (ราว 23,000 บาท) แบ่งเป็นรุ่น 64GB,128GB และ 256GB iPhone 8 Plus ราคาเริ่มต้น 799 ดอลลาร์ (ราว 26,400 บาท) แบ่งเป็นรุ่น 64GB และ 256GB สรุปวันวางขาย iPhone 8 และ iPhone 8 Plus วางขายวันที่ 27 กันยายน 2017 iPhone X วางขาย 3 พฤศจิกายน 2017