หากสังเกตดูว่าช่วงหลังมานี้ Netflix ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ให้บริการสตรีมมิ่งคอนเทนต์เบอร์หนึ่งได้แล้ว และยังสร้างเอกลักษณ์ของคอนดมนต์ใน Netflix ให้เหนือกว่าสตรีมมิ่งคู่แข่งรายอื่นๆ ด้วยการผลิตซีรีส์ของ Netflix หรือ Netflix Original เพื่อดึงดูดให้คนใช้บริการ Netflix และสร้างมูลค่าให้กับตัวเอง
ล่าสุด Netflix จับมือกับวงการบันเทิงเกาหลี ผลิตซีรีย์ที่เป็น Netflix Original ออกมาหลายเรื่องเช่น ‘YG Future Strategy Office’ ‘Memories of the Alhambra’ และล่าสุดคือ ‘Kingdom’ ซีรีย์แนวซอมบี้ระบาดในเกาหลียุคสมัยโซชอน เรื่องนี้ไม่ได้ฉายแค่ในเกาหลีเท่านั้น แต่ยังเจาะตลาดไปยังผู้ชมของ Netflix ในภูมิภาคอื่นนอกเอเชียด้วย ทำให้เป็นครั้งแรกที่เมมเบอร์ Netflix ทั่วโลกจะได้ชมซีรีย์แนวซอมบี้ รสชาติใหม่จากเกาหลีพร้อมกันตั้งแต่ 25 มกราคมเป็นต้นไป มีทั้งสิ้น 6 ตอนจบ และสำหรับนักแสดงนำใน Kindgom นั่นเรามั่นใจว่าทุกคนต้องรู้จักได้แก่
- ‘จู จีฮุน’ คอซีรีย์เกาหลีรู้จักเขาดีจากบท ‘ลีชิน’ เจ้าชายหนุ่มจากซีรีส์ ‘เจ้าหญิงวุ่นวาย กับเจ้า
ชายเย็นชา’ และเป็นนักแสดงที่มีฝีมือระดับท็อปคนหนึ่งของวงการ ที่วันนี้เขามารับบทเป็น ‘ลีชาง’ องค์ชายรัชทายาทของกษัตริย์ ที่สงสัยว่าการป่วยของพระบิดาตัวเองมีความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง และกำลังตามสืบหาพร้อมกับแก้ไขวิกฤติโรคระบาดที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน
- ‘แบ ดูนา’ นักแสดงสาวยอดฝีมือของเกาหลี ที่ร่วมงานกับหนังต่างประเทศหลายเรื่องอย่าง Air Doll และ Cloud Atlas ซึ่งวันนี้เธอมารับบทเป็น ‘ซอบี’ หมอสาวที่ตามหาวิธีการรักษาโรคระบาดนี้เพื่อช่วยชีวิตชาวบ้าน และร่วมมือกับองค์รัชทายาทอย่างลับๆ
- ‘รยู ซึง รยง‘ นักแสดงรุ่นเก๋าที่การันตีความสามารถด้วยสารพัดรางวัลของวงการบันเทิงเกาหลี ที่เสิร์ชชื่อเขาดูคุณจะเห็นผลงานเพียบ และใน Kingdom เขารับบทเป็น ‘‘โชฮักจู’ ข้าหลวงใหญ่ประจำราชสำนักนักที่หวังว่าจะดึงอำนาจจากกษัตริย์ที่ป่วยอย่างปริศนา และเป็นไปได้ว่าเขาอยู่เบื้องหลังโรคระบาดครั้งนี้
สำหรับความน่าสนใจของ Kingdom มีอะไรบ้าง คนที่เล่าเรื่องให้เราฟังไม่ใช่ mangoZero แต่เป็น 3 นักแสดงนำที่เรา มีโอกาสได้พบปะและพูดคุยพร้อมสัมภาษณ์พวกเขาแบบพิเศษมาเล่าเหตุผลที่เราควรจะเปิด Netflix แล้วดู Kingdom แบบส่วนตัว!
ฉากแอคชั่นถึงใจแค่ฉากเดียวก็คุ้มแล้ว
คนที่เป็นคอหนัง หรือซีรีย์แนวซอมบี้ น่าจะคุ้นเคยกับฉากแอคชั่นระหว่างคนกับซอมบี้ที่อย่างไรก็หลีกเลี่ยงไม่ปะทะกันไม่ได้แน่นอน และใน Kingdom เราก็จะได้เห็นการปะทะกันของคนและซอมบี้ ซึ่งอาวุธที่ใช้ไม่ใช่อาวุธสมัยใหม่ แต่เป็นอาวุธสมัยโบราณดาบ หอก โล่ ธนู มาเต็มเหนี่ยว
จู จีฮุน พระเอกของเรื่องที่เราจะได้เห็นเขาบู๊มากที่สุดก็เล่าให้ฟังว่า หนึ่งในฉากต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดของเรื่องนี้ใช้เวลาถ่ายถึง 15 วัน และตลอดระยะเวลา 15 วันนั้นเขาต้องวิ่ง ต้องอยู่กับฉากแอคชั่นตลอด ซึ่งค่อนข้างยากสำหรับเขามาก แต่ก็พยายามทำออกมาได้อย่างเต็มที และมันก็สนุก คุ้มค่ากับความพยายามของทุกคน
ขณะที่แบ ดูนา ก็เล่าเบื้องหลังด้วยความสนุกว่าเรื่องนี้การถ่ายทำค่อนข้างโหด มีฉากหนึ่งที่เธอต้องอุ้มขึ้นภูเขาเพื่อหนีซอมบี้ ถ่ายฉากนั้นเสร็จเธอบอกว่า “ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจประมาณ 5 นาทีเลยค่ะ” นั่นแสดงว่าโหดจริง
ได้เห็นประวัติศาสตร์อีกมุมของผู้หญิงเกาหลี
ในยุคโชซอน ชาวเกาหลีนับถือขงจื้อซึ่งมีข้อบัญญัติไว้ว่าผู้หญิงห้ามทำงาน มีหน้าที่ทำงานในบ้าน และไม่ได้มีบทบาทใดในสังคมเลย แต่ ‘หมอซอบี’ ที่ ‘แบ ดูนา’ รับบทนั้นเล่าให้เราฟังว่า บทของเธอมีความแตกต่างกว่าผู้หญิงในยุคสมัยนั้น ด้วยความที่เธอค่อนข้างจะแตกต่างจากคนอื่นๆ มีความกล้าคิด กล้าต่อสู้เพื่อความถูกต้อง มีพลังในการโน้มน้าวคนอื่นๆ เป็นคนที่ชาวบ้านนับถือ (เพราะว่าเธอเป็นหมอ)
เธอจึงกลายเป็นผู้นำของกลุ่มชาวบ้านที่พยายามหาวิธีแก้ปัญหาซอมบี้ระบาดนี้ไปพร้อมๆ กับคอยให้ข้อมูลแก่องค์รัชทายาทเพื่อไปตามหาความจริงกับปริศนาที่เกิดขึ้น อาจจะไม่ได้ออกหน้าสู้รบเหมือนผู้ชาย แต่ในบทบาทของซอบี เธอคือกองหลังชั้นดีที่เป็นการแสดงออกให้เห็นถึงอีกมุมของของผู้เกาหลีในหน้าประวัติศาสตร์ที่อาจไม่เคยถูกถ่ายทอดออกมา
หนังซอมบี้ที่สื่อถึง ‘ความโลภ’
“ผมรับบทเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่น่ากลัวกว่าซอมบี้เสียอีก และผมเรียนรู้ระหว่างที่ได้รับบทนี้ว่าความโลภของมนุษย์ไม่มีขีดจำกัน ” รยู ซึง รยง ผู้รับบทเป็นตัวร้ายของเรื่องบอกกับเราสั้นๆ เมื่อถามว่าซอมบี้ในซีรีส์นี้ต่างจากเรื่องอื่นตรงไหน
ส่วนจู จีฮุน ก็ขยายความเพิ่มเติมว่า Kingdom เป็นซีรีย์ที่เล่าถึงความโลภของมนุษย์ ซึ่งมันทำให้เขาได้เห็นว่าความโลภของมนุษย์นั่นน่ากลัวจริงๆ เพราะทำให้คนเปลี่ยนไปเป็นปีศาจได้ แต่ในช่วงที่สถาการณ์ย่ำแย่ก็ยังทำให้ได้เห็นว่าการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนเดียว หรือต้องรอคอยการช่วยเหลือจากคนที่มีอำนาจอย่างเดียวเท่านั้น
อีกสิ่งหนึ่งที่จู จีฮุน เห็นจากซีรีย์ก็คือคนที่เป็นซอมบี้นั้นไม่ได้เข้ามาทำร้ายใครด้วยความตั้งใจ เขาทำร้ายคนเพราะร่างกายไม่มีสติ ไม่มีความรู้สึกนึกคิดที่จะหยุดยั้งการกระทำ แต่คนปกติที่ได้รับการศึกษา มีทั้งความรู้สึกนึกคิด แต่ยังทำร้ายคนอื่นเพราะความโลภ เพราะผลประโยชน์ของตัวเองนี่แหละที่ทำให้คนธรรมดาขาดสติไม่ต่างกับซอมบี้ นี่คือสิ่งที่เขาคิดได้ในระหว่างที่แสดงหนังเรื่องนี้
“ซอมบี้ในชีวิตจริงอาจจะมีอยู่รอบตัวเรา อาจจะเป็นญาติพี่น้องเราก็ได้” จู จีฮุนสรุป
ได้เห็นประเพณี และความสวยงามของเกาหลี
นอกจากความสนุก และตื่นเต้นของการลุ้นว่าซอมบี้จะระบาดจนอาณาจักรล่มสลายหรือเปล่าแล้วนั้นในซีรีย์เรื่องนี้ รยู ซึง รยง บอกว่ามีอีกมุมหนึ่งที่เราจะได้เห็นในหนังและมั่นใจว่าจะน่าประทับใจก็คือความสวยงามของทัศนียภาพความสวยงามของธรรมชาติได้เห็นภาพสวยๆ ของประเทศเกาหลี
ได้เห็นฤดูใบไม้ผลิที่กำลังเปลี่ยนสี ขณะที่ฤดูหนาวก็อาจจะรู้สึกถึงความหนาว ความทรมานไปด้วยทั้งที่อาจจะไม่เคยมาสัมผัสเลยก็ตาม และก็ยังได้เห็นประเพณี วัฒนธรรมโบราณของเกาหลีที่อาจไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย
ประกาศว่ามีซีซันสอง ทั้งที่ซีซันแรกยังไม่ฉาย
ในวันที่เราสัมภาษณ์พวกเขาทั้งสามคน เป็นวันที่ Kingdom ยังไม่ปล่อยทาง Netflix (ซีรีย์จะปล่อยพร้อมกันทั่วโลกวันที่ 25 มกราคม 2562) แต่เราก็ได้ทราบข่าวว่าทาง Netflix ประกาศที่จะมีซีซันสองแล้วซึ่งสามนักแสดงเองก็ค่อนข้างเซอร์ไพร้ส์
จู จีฮุน ถึงกับตอบอย่างติดตลกว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาไว้ใจพวกเรา และชวนให้ทำต่อทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ฉายเลย” (หัวเราะ) และแน่นอนว่าทุกคนประกาศรับเล่นซีซันสอง ต่อเลยทันที นั่นแปลว่าซีรีย์เรื่องนี้ยังมีให้ลุ้นกันต่ออีกยาวๆ