สมการรอคอยกว่า 9 ปี ของภาพยนตร์แอนิเมชันจากค่าย Disney และ Pixar ที่ครั้งนี้ได้พาพวกเราผจญภัยกับเรื่องราวที่ต่อจากภาคเดิม โดยเนื้อเรื่องเป็นการเติบโตของไรลีย์จากวัยเด็กในภาคก่อนสู่วัยรุ่น ที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของเหล่าอารมณ์ แต่ก่อนจะมี Joy(ลั้นลา), Sadness (เศร้าซึม), Anger(ฉุนเฉียว), Fear(กลั๊วกลัว), และ Disgust(หยะแหยง) เป็นผู้บริหารจัดการทุกอย่าง ในภาคนี้เราจะได้เจอกับอารมณ์ใหม่ๆ ของไรลีย์เมื่อเขาเข้าสู่วัยรุ่นนั่นก็คือ Anxiety(ว้าวุ่น) เรียกว่าเป็นตัวละครหลักในภาคนี้เลยก็ว่าได้ แต่เขาไม่ได้มาคนเดียว ยังมี Envy(อิจฉา), Embaarrassment(เขิ้นเขินอ๊ายอาย) และ Ennui(เฉยชิล) ที่มาร่วมสร้างความสนุกและความวุ่นวายให้กับศูนย์บัญชาการในครั้งนี้ เพราะทุกคนล้วนมีอารมณ์และความรู้สึก ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถเข้าถึงงและเป็นภาพยนตร์ในดวงใจของใครหลาย ๆ คนได้ ยิ่งคนที่เป็นแฟนคลับตั้งแต่ภาคแรกจะรู้สึกเลยว่า เหมือนเราได้เติบโตไปพร้อม ๆ กับไรลีย์ และรู้สึกคล้อยตามไปกับหลาย ๆ อารมณ์ของภาพยนตร์ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเราเองก็เคยเปลี่ยนแปลงคล้าย ๆ ไรลีย์เหมือนกัน แต่ถ้าพูดถึงเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของธีม ที่ทำให้รู้สึกว่าการดูภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เหมือนกับการดูการ์ตูนเรื่องอื่น ๆ ของ Pixar ด้วยคาแรคเตอร์ของตัวละครที่มีการใช้สีสันแสดงออกถึงอารมณ์ต่าง ๆ รวมไปถึงแสง สี ที่สดใสสะอาดตาในฉากของภาพยนตร์ อีกทั้งเสียงเพลงซึ่งในแต่ละฉากถูกคิดมาเป็นอย่างดี และเนื้อเรื่องที่มีมิติ มันทำให้รู้สึกว่านี่ล่ะ Inside Out ที่เรารอคอย สิ่งสำคัญในภาพยนตร์ภาคใหม่นี้ คงเป็นการพูดถึงอารมณ์ที่ซับซ้อนมากขึ้นของไรลีย์ ที่สอนให้เรารู้ว่าการยอมรับในอารมณ์และความรู้สึกต่าง ๆ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี จะเป็นคนเห็นแก่ตัว คนไม่น่ารัก หรือคนที่อยากจะเอาชนะให้ได้ สุดท้ายไม่ว่าจะอยู่ในโหมดอารมณ์ไหน ทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่างล้วนรวมเป็นเราในแบบที่เราเป็นนี่ล่ะค่ะ ขอยืนยันอีกเสียงละกันว่าเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่มีครบทุกอารมณ์จริง ๆ ค่ะ เพราะมีทั้งสนุกสุด ๆ รวมไปถึงเศร้าแบบได้ยินเสียงคนข้าง ๆ ร้องไห้ตามกันไปเลยกก็มี แถมดูได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ด้วยนะ วันนี้ในโรงภาพยนตร์ รับชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ที่ :