“สายแล้วววววววว ตื่นได้แล้วววววว” ในวัยเด็กทุกคนคงจะคุ้นกับประโยคนี้กันเป็นอย่างดี เป็นเสียงที่มาพร้อมกับอาหารสะดุ้งโหยงและต้องตื่นขึ้นมาพบว่า ยังนอนต่อได้อีกตั้งครึ่งชั่วโมง! .. แต่พอโตมาเราคงจะให้แม่ปลุกต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้ เพราะต้องดูแลและรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้แล้ว Mango Zero จึงได้รวบรวมวิธีที่จะทำให้เช้าของคุณสดใสได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องสะดุ้งเพราะคุณแม่อีกต่อไป 1. กินดี อยู่ดี ตั้งแต่ก่อนนอน หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟและแอลกอฮอล์ 3-4 ชั่วโมง ก่อนเวลานอน เพราะอย่างที่รู้กันว่าคาเฟอีนทำให้รู้สึกตื่น และจะมีผลทำให้นอนไม่หลับได้ อย่ากินอาหารที่เผ็ด หรือมันๆ เลี่ยนๆ ในตอนเย็น เพราะอาหารพวกนี้อาจทำให้รู้สึกไม่สบายท้องได้ ก่อนนอนอย่าเล่นมือถือเยอะ เพราะจากผลวิจัยบอกว่าแสงจากหน้าจอจะทำให้นอนหลับไม่สบายและอาจทำให้ปวดหัวได้อีกด้วย 2. ทำบรรยากาศห้องให้เหมาะกับการนอน นอกจากเรื่องอาหารการกินแล้ว บรรยากาศในห้องนอนก็เป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้การนอนหลับของคุณราบรื่นตลอดคืน ไม่เว้นแม้วันมามาก #เห้ยนั่นมันผ้าอนามัย หากใครที่ตื่นเช้ามารู้สึกว่านอนไม่เต็มอิ่ม อยากจะนอนต่อยาวๆ ลองสังเกตดูว่าบรรยากาศในการนอนของตัวเองดีหรือยัง เช่นควรเปลี่ยนผ้าปูเป็นประจำ ไม่ทิ้งของรกบนเตียง รวมถึงดูว่าตอนก่อนนอนไม่มีแสงแยงตาที่จะทำให้นอนไม่หลับด้วย 3. ฝึกนอนให้เป็นกิจวัตร การที่เราตื่นไม่ตรงเวลาอีกอย่างก็เป็นเพราะเรานอนไม่ตรงเวลานั่นเอง ร่างกายคนเราควรพักผ่อนเฉลี่ยประมาณ 8 ชั่วโมง หากเรานอนสายก็จะทำให้เราตื่นสายไปด้วยเพราะร่างกายยังพักผ่อนได้ไม่ครบรอบ ดังนั้นจึงควรนอนให้เป็นกิจวัตร เช่นหากต้องตื่นมา 7 โมงเพื่อไปทำงาน ก็ควรนอนก่อนห้าทุ่ม เป็นต้น ในช่วงแรกๆ อาจจะฝืนๆ อยู่บ้าง แต่หากทำเป็นประจำ ร่างกายก็จะจำได้ว่าต้องตื่นเวลาไหน และสมองก็จะตื่นตัวตามเวลานั้นๆ 4. ตั้งเสียงนาฬิกาปลุกที่เหมาะกับตัวเอง จริงๆ แล้ว หากเราทำตามข้อสามได้ เราอาจไม่ต้องพึ่งพาเสียงจากนาฬิกาปลุกเลย เพราะร่างกายจะตื่นขึ้นมาได้เอง แต่สำหรับคนที่ยังต้องใช้นาฬิกาปลุก ก็ลองหาเสียงที่จะทำให้รู้สึกตื่นตัวและไม่ทำลายเช้าที่สดใสของเราดู แค่นี้ก็จะเป็นการถูกปลุกที่แฮปปี้แล้ว : ) นอกจากนี้เมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก ก็มีข้อแนะนำให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำเลย ไม่งั้นอาจจะขอนอนต่ออีกห้านาที จนกลายเป็นตื่นสายก็ได้! 5. ตั้งเป้าหมายว่าตื่นเช้ามาจะทำอะไร ถ้าเรามีเป้าหมายว่าแต่ละวันจะทำอะไร จะทำให้เรามีแรงฮึดในการตื่นมากขึ้น! เช่น เช้านี้ฉันจะตื่นมาออกกำลัง จะตื่นมาจัดห้อง ตื่นมากินข้าวเช้า(ที่โหยหามาตั้งแต่เมื่อคืน) หรือว่าจะตื่นมาเพื่อโทรปลุกใครบางคนก็ได้นะ อิอิ และนอกจากเป้าหมายแล้ว เราอาจจะตั้งรางวัลไว้ให้กับตัวเอง เช่น เช้านี้ตื่นขึ้นมา ฉันจะยิ้มให้ตัวเองหนึ่งที่ จะให้ตัวเองได้แอบกินอาหารอ้วนๆ(แต่อร่อยมาก) หรือจะตื่นขึ้นมาเพื่อเปิดเพลงสบายๆ ให้ตัวเองได้ฟังก็ได้ 6. นึกถึงหัวหน้าตัวเองไว้ ว่าถ้าตื่นสายต้องเจอดีแน่นอน! แรงกระตุ้นของคนเรามีหลายอย่าง แต่สิ่งที่มนุษย์เงินเดือนอย่างพวกเราจะมีร่วมกันก็คือเจ้านายยยยยยย และกองงานที่สะสมไว้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ พอตื่นมาให้ลองนึกหน้าเจ้านายแล้วตะโกนใส่ตัวเองว่า “ตื่นว้อยยยยยยยยยยยยยย” รับรอง เพียงแค่นี้ชีวิตคุณจะไม่มีคำว่าสายอีกต่อไป #ใครอยากจะพิมพ์รูปเจ้านายแปะไว้บนหัวเตียงก็ได้นะ อิอิ 7. หาคนโทรปลุก ว้ายยยยย จะบอกว่าถ้าทั้ง 6 ข้อด้านบนยังไม่ช่วยอะไร จุดนี้มันหมายความว่าคุณไม่มีความสามารถในการตื่นด้วยตัวเองได้แล้ว วิธีที่ต้องทำก็คือ.. หานาฬิกาปลุกเสียงหล่อๆ (หรือสวยๆ) ไว้คอยโทรปลุกทุกเช้า ส่งเสียงหวานๆ บอกว่า ‘มอนิ่งที่รัก’ แค่นี้เช้านั้นก็คงสดใสเบิกบานแล้ว #แต่ถ้าต้องหาคนปลุกก็หานาฬิกาน่าจะง่ายกว่านะ