อ่านหนังสือไม่จบเล่ม..ทำยังไงดี #ปิดตำนานสายดอง

แล้วต้องทำยังไงดีล่ะ? Mango Zero ขอสนับสนุนให้คนอ่านหนังสือจบเล่ม ด้วย 5 เคล็ดลับฉบับกล้วยๆ ที่นักอ่านคนไหนก็ทำได้ เพราะไม่ใช่วิธีพิสดารพันลึกอะไร ทำตามได้ง่ายๆ จ้า

วอร์เรน บัฟเฟตต์ หนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก สามารถนั่งอ่านหนังสือได้ทั้งวันในออฟฟิศตัวเอง โธมัส เจฟเฟอร์สัน ประธานาธิบดีคนที่ 3 ของสหรัฐฯ ก็รักการอ่านมากถึงขั้นสร้างห้องสมุดของตัวเองเอาไว้เก็บและอ่านหนังสือ

เพราะสถานที่สำหรับอ่านสำคัญพอๆ กับหนังสือที่อ่าน ที่เราอ่านหนังสือยังไงก็ไม่จบเล่มสักที อาจเพราะเราอ่านในที่ๆ ไม่เอื้อต่อการอ่านของตัวเอง ลองดูว่าเราอ่านที่ไหนแล้วเวิร์ค เช่น บางคนอ่านตอนเช้าบนรถไฟฟ้าแล้วดี บางคนต้องอ่านในคาเฟ่เล็กๆ ที่คนไม่จอแจ หรือบางคนต้องอ่านในห้องสมุดสุดเงียบ หรือบางคนขอแค่สักมุมสงบๆ ในบ้านก็พอแล้ว

แต่ไม่แนะนำให้นอนอ่านหนังสือบนเตียงในห้องนอน เพราะอ่านไปอ่านมา คงเป็นหนังสือที่เป็นฝ่ายอ่านเราแทน ZzZz

📙 อ่านด้วยความเร็ว 300% 📙

อยากอ่านหนังสือให้จบสักเล่ม คิดแบบง่ายๆ เลย ก็แค่อ่านให้เร็วขึ้นยังไงล่ะ!

ซึ่งเชื่อหรือไม่…วิธีแสนง่ายที่จะช่วยให้เราหนังสือเร็วขึ้น จากความเร็วปกติ ไปเป็นความเร็ว 200-300% คือการใช้ปากกาหรือดินสอช่วยในการอ่าน

ไม่ได้จะให้ขีดเส้นใต้หรือไฮไลท์ข้อความสำคัญนะ แต่ให้ใช้ปากกาจิ้มไปตามคำที่อ่าน เพราะการกลอกตาไปมาระหว่างบรรทัดมากๆ จะทำให้อ่านช้าลงเรื่อยๆ ดังนั้นถ้ามีปากกามาช่วยในการอ่าน ก็จะทำให้เราโฟกัสกับตัวหนังสือได้ดีขึ้น แถมยังช่วยรู้ว่าอ่านไปถึงไหนแล้ว จะได้ไม่ต้องวนกลับมาอ่านซ้ำประโยคเดิมอีก

 

เคล็ดลับนี้ แม้แต่เจ้าของสถิติอ่านหนังสือเร็วที่สุดในโลกอย่าง ฮาวเวิร์ด สตีเฟน เบิร์ก ยังแนะนำเลย (ตามที่บันทึกใน Guinness Book of World Records ปี 1990 เบิร์กอ่านได้ถึง 25,000 คำใน 1 นาที)

เมื่อไม่รู้จะใช้เวลาว่างระหว่างรอไปกับอะไร เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยต้องจับโทรศัพท์ขึ้นมาไถฟีดส์ ฟังเพลง หรือดูหนัง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดหรือต้องห้าม แต่เราอยากแนะนำให้ลองเปลี่ยนจากเล่นมือถือมาเป็นอ่านหนังสือดู นอกจากจะประหยัดแบตโทรศัพท์แล้ว การอ่านหนังสือดีๆ ตอนเช้าก่อนทำงาน ก็จะเป็นเหมือนการออกกำลังกายเบาๆ ของสมองให้พร้อมสำหรับการทำงาน และการอ่านหนังสือสนุกๆ ในตอนเย็นหลังเลิกงาน ก็จะเป็นการผ่อนคลายจากการทำงานอย่างหนักหน่วงมาทั้งวัน

จะเป็นเล่มเดิมที่อ่านค้างไว้เมื่อคืน หรือเล่มที่เพิ่งซื้อจากแผงเมื่อเช้าก็ได้ เนี่ย…ถ้ารถติดนานๆ เผลออ่านจบเป็นเล่มๆ (ฮาา)

ป.ล.แต่ใครที่อ่านแล้วรู้สึกเวียนหัว หรือปวดตา ก็พักก่อนนะ

กว่าจะอ่านหนังสือเล่มหนาๆ หลายร้อยหน้าจบ ต้องมีท้อมีเหนื่อยกันบ้างแหละ หรือบางคนถอดใจไปเลยก็มี งั้นลองวิธีนี้ดู หาเพื่อนหรือกลุ่มคนที่อ่านหนังสือเล่มเดียวกับเรา ไปคุยกับเขาในเรื่องที่เราอ่าน ถกกันในหัวข้อที่น่าสนใจ เม้าท์ตัวละครโน้นนี้ ต่อยอดประเด็นไปยังเรื่องอื่นๆ หรือง่ายที่สุด แค่รีวิวหนังสือที่อ่านลงเฟซบุ๊กก็ได้ เดี๋ยวก็คงมีเพื่อนที่อ่านเล่มเดียวกันมาชวนเราคุยต่อเอง

วิธีนี้จะช่วยให้เราสนุกกับสิ่งที่อ่านมากขึ้น และสงสัยใคร่รู้ว่าบทต่อๆ ไปในหนังสือจะเป็นยังไง ตอนจบจะลงเอยยังไง มันจะดีอย่างที่เพื่อนบอกหรือเปล่า เราจะอยากอ่านให้จบเพื่อจะได้มีเรื่องมีคุยกับเพื่อนนักอ่านก๊วนเดียวกัน

อ้อ! แต่ก่อนคุยก็เกริ่นไว้นิดนึงแล้วกันว่า ฉันยังอ่านไม่จบนะ อย่าเพิ่งสปอยล์ตอนสุดท้าย!

อีกนิดนึง…เพื่อนในกลุ่มอาจแนะนำเราได้ด้วยว่า เฮ้ยถ้าชอบเล่มนี้ ไปอ่านเล่มนี้ต่อสิ หรือถ้าชอบนักเขียนคนนี้ ลองไปอ่านเล่มนี้ดูมั้ย สนุกเหมือนกันนะ ก่อให้เกิดการอ่านที่ไม่สิ้นสุด สนุกกับการอ่านไปเรื่อยๆ

📙 ไม่ไหวอย่าฝืน 📙

สุดท้ายถ้าอ่านยังไงก็ไม่จบเล่มสักที ก็คงต้องแนะนำว่าไม่ไหวอย่าฝืน พักสายตาบ้าง ทดไว้อ่านวันอื่น หรือเวลาอื่นร่างกายและสายตาพร้อม

หรือถ้าจนแล้วจนรอดมันไม่รอดจริงๆ ก็คงเพราะหนังสือที่อ่านมัน ‘ไม่ใช่’ สำหรับเราจริงๆ แล้วล่ะ งั้นก็คงต้องพอกับเล่มนี้ แล้วไปหาเล่มใหม่ที่เหมาะกับเรามากกว่า มูฟออนจ้า

_____