หากคุณเป็นเด็กจบใหม่ และกำลังค้นหางานที่เหมาะสำหรับตัวคุณ ให้ลองเสิร์ชในกูเกิลว่า “วิธีหางานที่เหมาะกับตัวเอง” คุณจะได้ผลลัพธ์ออกมาเป็น QUIZ ต่างๆ ที่ทำระบบสุ่มคำตอบไว้อย่างหละหลวม และอาจชี้ชะตาทั้งชีวิตของคุณอย่างผิดๆ แต่แท้จริงแล้ววิธีการหา ‘งานที่ใช่’ นั้นควรเริ่มต้นอย่างมีแนวคิดเป็นขั้นเป็นตอน เพราะอนาคตของเราไม่ควรถูกกำหนดไว้อย่างสุ่มสี่สุ่มห้า
ซึ่งถึงจะไม่ใช่เด็กจบใหม่ แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบงานที่ตัวเองทำอยู่ เราอาจมีไฟในช่วงการทำงาน 2 – 3 เดือนแรก หลังจากนั้นเราอาจพบว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดก็คือตอนเลิกงานและกลับบ้านไปนอนอย่างมีความสุข
แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับแรงบันดาลใจในการทำงานทุกๆ วัน .. นั่นก็แสดงว่าปัญหามันไม่ได้เป็นเพราะเราเกลียดการทำงานหนิ? แต่อาจเป็นเพราะเรายังไม่พบกับงานที่เหมาะกับตัวเอง ดังนั้นทีมงานจึงได้เลือกตัวอย่าง TED ที่จะช่วยให้เราค้นพบงานที่ใช่มาให้ได้ลองอ่านและนำไปปรับใช้กับตัวเองกัน
Scott Dinsmore : How to find work you love
Scott เป็นหนึ่งคนที่เคยผิดพลาดจากการเลือกงานที่ใช่ในชีวิต หลังจากนั้นเขาจึงได้ทำการสัมภาษณ์คนที่เป็นแรงบันดาลใจ ทำการอ่านหนังสือ และทำกรณีศึกษามากมาย จนสุดท้ายเขาก็ค้นพบ 3 สิ่งที่บุคคลเจ๋งๆ ที่ประสบความสำเร็จมีร่วมกัน นั่นก็คือ
1. Becoming a self-expert : การรู้จักและเข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้
เพราะถ้าเรายังไม่รู้ว่าตัวเราเองกำลังมองหาอะไร เราก็คงไม่มีทางจะหามันเจอ เพราะคงไม่มีใครจะรู้จักตัวเราได้ดีเท่าตัวเองอีกแล้ว แถมในโรงเรียนก็ไม่ได้มีการสอนวิชาค้นหาตัวเองหรือการหางานที่ใช่อย่างจริงๆ จังๆ ซะด้วย ดังนั้นมันจึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องศึกษาตัวเอง
ขั้นตอนการทำความรู้จักตัวเอง ได้แก่
1) Unique Strengths : หาว่าอะไรคือจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของเรา
ลองใช้เวลาคิดกับตัวเองดูว่าอะไรเป็นสิ่งที่เราอยากตื่นขึ้นมาทำ โดยไม่ต้องคิดถึงผลตอบแทนในการทำสิ่งนั้นๆ อาจจะได้เงินหรือไม่ได้ก็ตาม
2) Values : จัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ในชีวิต
คนเราให้ความสำคัญของสิ่งต่างๆ ไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะเน้นหนักไปในเรื่องครอบครัว บางคนก็เรื่องสุขภาพ และบางคนก็ทะเยอทะยานในความสำเร็จ ดังนั้นเราจึงต้องหาให้เจอว่าลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ในชีวิตเราเป็นอย่างไร
3) Experiences : สำรวจจากประสบการณ์ของเรา
เราเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในทุกวันทุกนาที เรารู้จักตัวเองมากขึ้นว่าเรารักที่จะทำอะไรและเกลียดอะไร เราเก่งหรือไม่เก่งในเรื่องใด เราอาจต้องใช้เวลาครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา เพื่อให้เราได้เข้าใจตัวเองมากขึ้น ว่าสิ่งใดที่เราพลาดทำไปทั้งๆ ที่ไม่ชอบ หรืออะไรที่เราอยากจะทำซ้ำในทุกๆ วัน
2. Do the Impossible ทำสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้
หลายครั้งที่เรามองหาแต่งานเดิมๆ สมัครงานที่คนอื่นเขาทำกัน ใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งจำเจไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ในใจเรารู้ดีว่าเราอยากทำอะไร แต่กลับมีบางอย่างฉุดรั้งไว้ นั่นก็คือคำว่า “ฉันทำไม่ได้หรอก”
Scott ได้บอกไว้ว่า ทุกๆ สิ่งเป็นอะไรที่ทำไม่ได้ทั้งนั้น จนกระทั่งมีคนทำมัน มันจึงกลายเป็นความเป็นไปได้ อย่างเช่นนวัตกรรมต่างๆ และสิ่งใหม่ๆ ในโลกใบนี้ ก็ล้วนแล้วแต่เกิดมาจากคำว่า ‘ทำไม่ได้’
จะให้เห็นภาพชัดๆ เราเลยขอนำคลิป ที่ Will Smith (นักแสดงชื่อดัง) ได้เล่าถึงประสบการณ์โดดร่มสุดเสียวมาให้ดูกัน โดยเขาได้เล่าว่าคืนก่อนจะต้องโดดร่มลงมาจากเครื่องบินนั้น เขาแทบนอนไม่หลับ ในใจก็เอาแต่คิดว่าจะน่ากลัวแค่ไหน กะวนกะวายนึกแต่อะไรที่เป็นทุกข์
แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ วินาทีที่ตัวเขาอยู่กลางอากาศ มันกลับเป็นประสบการณ์ที่สวยงามที่สุดในชีวิต เพราะตัวเขากำลังบินได้อยู่จริงๆ ดังนั้นมันไม่มีอะไรน่ากลัวเลย “There’s zero fear.”
3. Surround Yourself with Passionate People
เมื่อคุณรู้จักตัวเองแล้ว ว่าคุณอยากทำอะไรให้กับชีวิต วิธีการที่เร็วที่สุดในการที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งนั้นๆ ก็คือการห้อมล้อมตัวเองไปด้วยคนที่ให้แรงบันดาลใจ ซึ่งสิ่งที่คุณอยากทำนั้นไม่จำเป็นว่าต้องเป็นอะไรสุดโต่งอย่าง ‘รวยเป็นอันดับหนึ่งของโลก’ ก็ได้ อาจเป็นสิ่งที่คุณสนใจ เช่น การอบขนมปัง หากคุณอยากเรียนรู้ คุณก็แค่เพียงไปใช้เวลาอยู่กับคนที่อบขนมปัง คุณก็จะได้เคล็ดลับวิชา และได้แลกเปลี่ยนความคิดกับเขาตลอดทั้งวัน
จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ อยากจะบอกว่า ‘งานที่ใช่’ คืองานที่ใช่สำหรับคุณ ไม่ใช่สำหรับใคร เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจกับเราอาจจะไม่ต้องยิ่งใหญ่อย่างที่ใครๆ คาดหวังก็ได้ แต่ให้เป็นสิ่งที่เรารักจะทำจริงๆ เพราะการทำงานถือเป็นเวลากว่า 50% ของชีวิตเลย ถ้าไม่ชอบแล้วจะเอาชีวิตไปเสียเวลาอยู่ทำไม?
ขอบคุณข้อมูลจาก