เคยสังเกตกันหรือเปล่าว่าเวลาเรากินชาบูแต่ละครั้ง กินถูกวิธีหรือเปล่า มีใครเททุกอย่างลงไปพอสุกแล้วตักเข้าปากเลยทันทีบ้าง เอาหล่ะ!! มาเปิดตำราการกินชาบูที่ถูกต้องกันดีกว่า เพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยของจริงและคุ้มคาทั้งราคาและโภชนาการด้วย ต้มผัก อันดับแรก อันดับแรกที่ต้องทำสำหรับการกินชาบูพอน้ำเดือดจัดให้โยนผักลงไปทันทีให้เริ่มจากผักที่แข็งสุกยากก่อน เช่น แครอท ชัวไชเท้าจากนั้นต้มทิ้งไว้จนเปื่อยจะทำให้น้ำซุปเข้มข้นมากขึ้น พร้อมความหวานที่มาจากผักเมื่อผักเปื่อยจะทำให้ทานผักได้ง่ายมากขึ้นไปอีกค่ะ จุ่มเนื้อสัตว์ 15-30 วินาที ขั้นตอนนี้สำคัญมาก ขอให้ทุกคนคีบเนื้อสัตว์ขึ้นมา 1 ชิ้นแล้วจุ่มลงไปในหม้อที่น้ำกำลังเดือด ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 วินาที หรือสุกตามใจชอบ ปกติเราจะเทลงไปทั้งหมด ทิ้งไว้ในสุกแล้วตักขึ้นมาทีเดียว แต่!!!! วิธีการกินชาบูที่ถูกต้องคือ จุ่มเนื้อสัตว์ทีละชิ้นแกว่งไปมาให้มีเสียงดัง ชาบุชาบุ (ที่มาของชาบู) เพื่อให้ได้รสสัมผัสความนุ่ม หอม หวาน ละมุนจากเนื้อสัตว์โดยแท้ (แค่คิดก็น้ำลายไหลแล้ววว) จากนั้นก็ยกขึ้นมาแล้วกินคู่กับน้ำจิ้ม เริ่ด!! น้ำจิ้ม ใช้แต่พอเหมาะ น้ำจิ้มชาบู ถือเป็นอีกอย่างที่เข้ามาเติมเต็มความอร่อย แต่ถ้าน้ำจิ้มชาบูโดยแท้จะมีแค่ 2 แบบเท่านั้นคือ น้ำจิ้มงา และ น้ำจิ้มพอนซึ (โชยุผสมน้ำส้มสายชู) แน่นอนว่าคนไทยนิยมรสชาติจัดจ้าน ทำให้น้ำจิ้มชาบูนั้นมีหลายแบบ เช่น น้ำจิ้มสุกี้ (ดัดแปลงให้ถูกปาก) น้ำจิ้มแจ่ว น้ำจิ้มซีฟู้ด เอาหล่ะค่ะ ทีนี้ให้ยกเนื้อที่สุกแล้วขึ้นมาจิ้มในปริมาณพอเหมาะ อย่าเยอะมากนะคะ เพราะจะทำให้เสียรสชาติเนื้อไปเปล่าๆ อีกอย่างถ้าเรากินน้ำจิ้มเยอะมากเกินไปจะทำให้เราดื่มน้ำมากขึ้น ทำให้ตัดกำลังมื้อนั้นไปเลยทีเดียว ซดน้ำซุป ให้คล่องคอ เพราะว่าน้ำซุปในหม้อกำลังเข้มข้นถ้าได้ตักขึ้นมาแล้วซดให้ดังๆ ซู้ดดดด จะยิ่งทำให้คล่องคอและยังสามารถตัดความเลี่ยนได้อีกด้วยค่ะ และนี่เป็นอีกขั้นตอนที่หลายๆ คนชอบมาก อ้อ!! แต่อย่าซดมากเกินไปอีกเหมือนกันเพราะจะทำให้เราอิ่มไว แทนที่จะอิ่มเนื้อชาบูกลายเป็นอิ่มน้ำแทน แหะๆ ดัดแปลงเป็นข้าวต้มญี่ปุ่น เมื่อกินชาบูไปสักพัก นำ้ในหมอเริ่มจะแห้ง เวลานั้นผักเอย น้ำซุปเอย กำลังได้ที่ ให้ลวกเนื้อจนสุก แล้วเทข้าวหรือเส้นลงไป ตอกไข่แล้วขนให้เข้ากัน จะได้เป็นข้าวต้มแบบญี่ปุ่น ปิดท้าย รับรองว่าอิ่มอร่อย ได้สารอาหารครบทุกอย่างจริงๆ 😛